บทที่ 10 EP 02 ตัวซวย [4]
“ไหวมั้ยไอ้ติณ” ผมรีบถามเมื่อหันมาเห็นไอ้ติณยืนหน้าบูดหน้าเบี้ยวเพราะโดนฟาดแขนไปหนึ่งดอก
“รีบไปเหอะ กูไม่อยากสนิทกับตำรวจ” ไอ้ติณรีบบอก ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก ท่าทางนักเลงอย่างมันคงไม่ค่อยอยากเห็นตำรวจเท่าไหร่จริงๆ ขนาดผมที่ไม่เคยทำอะไรผิด เวลาเจอตำรวจยังเกร็งเลย เอาไว้ถ้าตำรวจมาถามอะไรผมจะช่วยตอบให้ก็แล้วกัน เพราะยังไงเสียพรุ่งนี้ผมก็ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่ดี
ผมไม่รอช้ารีบช่วยประคองไอ้ติณที่ยืนหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดตรงมาที่รถ กระชากประตูรถด้านหลังให้เปิดออกก่อนจะจับมันยัดเข้าไปแล้วปิดประตูลงทันที ท่าทางแขนมันจะเจ็บ ไม่น่าจะขับรถไหว ผมก็เลยต้องอาสามานั่งประจำที่คนขับรถให้มันแทน
“กุญแจรถนายล่ะติณ”
“ตกอยู่ใต้เบาะตอนมึงแหกปากเรียกกูไงล่ะ” ไอ้ติณรีบบอก ผมก็เลยรีบก้มมองหากุญแจรถที่ใต้เบาะ ซึ่งหาไม่ยากเลยจริงๆ เพราะกุญแจรถมัน...เอ่อ...คือแบบว่า
ใครจะไปคิดว่าหน้าหล่อๆ ลุคดูแบดๆ โหดๆ อย่างมันจะคล้องกุญแจรถด้วยพวงกุญแจรูปคิตตี้สีชมพู
“นายชอบคิตตี้เหรอ”
“หนักหัวมึงเหรอไอ้สัส”
แขนจะหักแหล่มิหักแหล่แล้วมันยังจะปากดีอีก มันน่าปล่อยให้โดนฟาดหัวตายอยู่ตรงนี้จริงๆ
ผมรีบสตาร์ตรถแล้วขับออกมาทันที อย่างน้อยตอนที่มองกระจกหลังผมก็ยังเห็นว่าญาติไอ้ติณนอนทุรนทุรายอยู่บนพื้นถนนเพราะโดนผมฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ตาไปเต็มๆ และรถตำรวจก็กำลังขับเข้าซอยมา
“กูไม่ไปโรงพยาบาลนะ”
แล้วอยู่ๆ ไอ้ติณก็ตะโกนสั่งราวกับว่าผมเป็นคนขับรถของมัน
“แต่แขนนายอาจจะหักก็ได้นะ”
“ไม่หักหรอก ไม้ห่านั่นมันไม่แข็งเท่าไหร่ ปลวกแดกก็ค่อนท่อนแล้ว ถ้าแขนกูหักจริงหักกุคงไม่ด่ามึงได้แบบนี้หรอกไอ้ควาย” ไอ้ติณยืนยันทั้งที่สีหน้ามันดูเจ็บปวดมาก แต่ก็คงจะจริงอย่างมันว่านะ ถ้าอาการมันหนักจริงๆ มันคงจะเจ็บปวดกว่านี้ แต่นี่ก็ยังปากดีพูดคำด่าคำได้อยู่
“แต่อย่างน้อยนายก็น่าจะไปให้หมอเอกซเรย์ดูก่อน”
“กูบอกไม่ไปไง เดี๋ยวมึงไปส่งกูที่คอนโดฯ 99 ก็พอ” ไอ้ติณเริ่มชักสีหน้าเพราะอารมณ์เสีย พอพูดจบมันก็ล้มตัวลงนอนเหยียดขายาวๆ ของมันไปกับเบาะด้านหลังของรถที่มีเศษกระจกกระจายเกลื่อนประกอบพร็อพให้มัน ตามมาด้วยเสียงสูดปากของมันเป็นระยะๆ ผมว่าความหงุดหงิดของมันน่าจะสะสมมาจากอาการปวดที่แขนนั่นแหละ
แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อมันไม่ไป แต่ปากดีขนาดนี้ผมว่ามันก็คงไม่ตายง่ายๆ หรอก เอาเป็นว่าผมรีบไปส่งมันไปที่ชอบๆ ก็แล้วกัน
ผมขับรถมาส่งไอ้ติณที่คอนโดฯ 99 ตามที่มันบอก ไม่ได้ถามเส้นทางมันหรอกเพราะมันหลับ (ตา) และคอนโดฯที่ว่ามันก็ไม่ได้หายากหาเย็นอะไร อีกอย่างมันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากอพาร์ทเม้นท์ของผมมากนัก (ถ้าเดินทางโดยใช้รถยนต์)
“ถึงแล้ว” ผมหันไปปลุก ซึ่งไอติณเองก็ไม่ได้หลับจริงๆ อย่างที่ผมคิดเอาไว้ นี่ถ้าเจอเหตุการณ์สดๆ มาแบบเมื่อกี้นี้แล้วมันยังมีอารมณ์ข่มตาหลับตาลงได้ ผมคงต้องยอมยกมือไหว้
“นายจะไม่ไปหาหมอแน่นะ”
“ไม่ล่ะ กูขี้เกียจตอบคำถามพยาบาล ขอบใจที่มึงมาส่ง” ไอ้ติณพูดพลางเปิดประตูรถแล้วเดินโซซัดเซลงจากรถไป ซึ่งผมก็ต้องรีบวิ่งตามมันลงมาพร้อมกับส่งกุญแจรถคิตตี้คืนให้มัน
“นี่กุญแจรถนาย”
“มึงก็ขับกลับไปดิ ไม่งั้นมึงจะกลับยังไง”
“เดี๋ยวเรากลับแท็กซี่เองดีกว่า” ผมรีบบอก
“ขับไปเหอะ รถกูไม่มีประวัติ ไม่ต้องกลัวใครขับตามรถกูไปฆ่ามึงผิดตัวหรอก” ฟังมันพูดสิ
“เราไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย แต่เราไม่อยากเอาของของคนอื่นไปใช้”
“กูไม่ได้ให้มึงเอาไปเลย แค่ให้มึงยืม แล้วพรุ่งนี้มารับกูด้วยนะ ถ้าสายกูจะฟ้องอาจารย์ว่าเป็นเพราะมึง” ไอ้ติณพูดพลางเดินหนีผมไปที่ลิฟต์ของคอนโดฯ
ผมแปลกใจนะที่อยู่ๆ มันก็ให้ผมยืมรถง่ายๆ ปกติแล้วรถนี่ถือเป็นของใช้ส่วนตัวที่มันควรจะหวงแหน เพราะถ้าผมเป็นฝ่ายเอารถมันไปชนคนตายขึ้นมาจะทำยังไง อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้อยากจะยืมมันด้วยเพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาระหว่างที่อยู่ในมือผมๆ คงไม่มีปัญญารับผิดชอบหรอก
“นายจะไม่ไปหาหมอแน่นะติณ”
“เออ แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก กูโดนบ่อยกว่านี้ มึงรีบๆ กลับเหอะ กูจะไปแดกยาแก้ปวด แล้วก็ดูดีๆ ก่อนลงจากรถนะมึง ระวังมันจะดักรอฟาดหัวมึง” ไอ้ติณอวยพรกวนประสาท ก่อนที่มันจะเดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ได้สนใจท่าทีอึกอักของผมเลยสักนิด
ตอนนี้มันคงไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรนอกจากอาการเจ็บปวดของตัวเองหรอก และผมเองก็ไม่ได้อยากจะเซ้าซี้มันด้วยก็เลยปล่อยให้มันรีบขึ้นไปกินยาแก้ปวดตามที่มันบอก แต่ว่าถ้าจะให้ผมขับรถมันกลับไปจริงๆ ผมว่าผมนั่งแท็กซี่กลับน่าจะสบายใจกว่า
ผมหยิบพวงกุญแจรถรูปคิตตี้ของไอ้ติณขึ้นมามองเพื่อชั่งใจอีกครั้ง กำลังมองมันอย่างพินิจพิจารณาว่าจะเอายังไงดี ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะนั่งแท็กซี่หรอกเพราะมันแพง แต่จะให้ขับรถไอ้ติณกลับจริงๆ ผมก็ไม่กล้า
เดี๋ยวนะ ทำไมมองไปมองมาผมว่าหน้าตาคิตตี้นี่เหมือนหน้าไอ้ติณ
เอ่อ...หน้ามึนน่ะ
“ครั้งแรกโดนไล่ออกจากห้อง ครั้งนี้เกือบโดนไม้หน้าสามฟาดกบาล แถมยังต้องเสียเงินค่าแท็กซี่โดยใช่เหตุ นายนี่มันตัวซวยชัดๆ”
