บทที่ 14 EP 03 เด็กขี้ลืม [4]
ผมมองไอ้ติณด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันหน้าหนีมันเพราะความรำคาญ พูดไปมันก็หาเรื่องมากวนตีนผมได้ตลอดนั่นแหละ ซีซอให้ควายฟังควายยังน่าจะรู้เรื่องกว่า
“อ้าว ถามแล้วเงียบนี่เป็นส้นตีนอะไรขึ้นมาอีกครับไอ้คุณคิม”
“ถ้านายยังไม่เลิกพูด เราจะไปนั่งที่อื่น”
“กลัวฉิบหายล่ะ นี่มึงคิดว่าถ้ามึงลุกไปแล้วกูต้องง่อยอยู่ตรงนี้เหรอไอ้คิม แค่ลุกเดินตามมึงไปนี่มึงคิดว่าคนอย่างกูทำไม่ได้เหรอ บอกเลยกูไม่กระจอกนะ”
ใครก็ได้บอกผมทีว่าไอ้ห่านี่มันจะกวนตีนผมทำไม โธ่ว้อย
ผมยืดลำตัวขึ้นตรงๆ แล้วพยายามสูดหายใจเข้าช้าๆ เพ่งกระแสจิตหาเอกสารการเรียนในกระเป๋าแต่ว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จำได้ว่าผมหยิบมาแล้วนี่นา เอ๊ะ หรือว่าหยิบไปวางไว้ที่ไหน
“ตกลงกูไปกับมึงนะ” ไอ้ห่าติณยังพูดไม่จบอีก มันไม่เห็นหรือไงว่าผมหาเอกสารอยู่
“เรื่องของนาย”
“กูบอกอยู่นี่ไงว่าไปกับมึง แปลว่าไปด้วยกัน แต่กูไม่ได้จะไปหาไอเดีย กูแค่ไปเป็นเพื่อนมึง ทำไมมึงพูดจาไม่รู้เรื่องวะไอ้เหี้ยคิม” ไอ้ติณลงท้ายด้วยการด่าผมแล้วตบหัวผมแรงๆ จนหน้าผากผมโขกกับโต๊ะแลคเชอร์ไปหนึ่งที จะหันไปเอาเรื่องก็ทำไม่ได้เพราะว่าสายตามันโคตรโหดตอนหันไป
แบบนี้แปลว่าผมต้องหงอใส่มันเหรอ ให้ตายเถอะ
“หาอะไรของมึง กูเห็นมึงหามาเป็นชาติละ”
“ชีท” ผมตอบห้วนๆ ก็ผมไม่อยากจะพูดกับมันนี่นา แต่ถ้าไม่พูด มันต้องตบกบาลผมอีกแน่ๆ เลย คนอย่างมันนี่นอกจากปากแล้วก็น่าจะมีเรื่องใช้กำลังนี่แหละที่เก่งยืนหนึ่ง
“เอาของกูก็ได้ กูไม่ตั้งใจเรียนหรอก รอลองมึง” ไอ้คนหน้าไม่อายเอ๊ย!
“ไม่ เราบอกแล้วว่าเราไม่ชอบใช้ของของคนอื่น”
“มึงก็เลิกมองกูเป็นคนอื่นสักทีสิไอ้หอกหัก”
“เอ๊ะ!”
“มึงชื่อไร” แล้วอยู่ๆ ไอ้ห่าติณก็เปลี่ยนเรื่อง ผมนี่ชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ อยากจะบีบคอมัน แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะรู้ตัวว่าสู้แรงมันไม่ได้
“คิม”
“ชื่อจริงสิไอ้เวร ชื่อเล่นกูเรียกมึงจนจำได้ละ”
“คิมหันต์” ผมตอบกลับไปเซ็งๆ แล้วเลิกสนใจมัน ท่องเอาไว้ว่าผมจะเลิกสนใจมัน ผมควรเอาเวลาที่ต้องเถียงกับมันมาตั้งใจหาชีทให้เจอก่อนอาจารย์จะเข้าสอนดีกว่า ซึ่งผมจำได้นะว่าผมปริ้นท์มาแล้ว แต่ว่ามันหายไปไหน หายไปได้ยังไง
“อะ”
แล้วอยู่ๆ ไอ้ติณก็วางชีทที่ผมต้องการลงบนโต๊ะแลคเชอร์ตรงหน้าผม แต่ผมรู้ว่านี่ชีทของมัน ไม่ใช่ของผม เพราะว่ามันเป็นชีทชุดเดียวกับที่มันส่งให้ผมเมื่อก่อนหน้านี้นี่แหละ จะต่างจากเดิมก็คือไอ้ติณมันเขียนชื่อจริงของผมไว้ตัวเบ้อเริ่มตรงหัวมุมกระดาษ
“ชื่อมึง ของมึง พอใจยัง”
“ทำบ้าอะไรของนาย” ผมถามงงๆ ไม่รู้ว่าคิดมาไปเองรึเปล่าว่าก้อนเนื้อในอกกำลังเต้นแรง ตื่นเต้นที่เห็นมันทำตัวเป็นคนเสียสละ
“เดี๋ยวถ้าอาจารย์ถามกูบอกเองว่ากูไม่ได้เอามา มึงตั้งใจเรียนเผื่อกูไปก็แล้วกัน” ไอ้ติณพูดเหมือนจะไม่ใส่ใจ ซึ่งมันเองก็คงไม่เคยใส่ใจอะไรกับชีวิตมันหรอก ขนาดโดนไม้หน้าสามฟาดมันยังนอนชิลหลังรถ ไม่บ่นสักแอ่ะ
“มองเหี้ยไรอีกล่ะ ปัญหาเยอะนักนะมึง” พอมันเห็นว่าผมยังเอาแต่นั่งงง มันก็เลยด่ามาอีกชุด
ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เกลียดมันแฮะ ทั้งๆ ที่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตบหัวผมเหมือนมัน ไม่เคยมีใครพูดคำด่าคำกับผมเหมือนมัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีใครเสียสละให้ผมเหมือนที่มันทำอีกเหมือนกัน
ครืดๆๆ
แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ และก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เลือกจะหันไปมองหน้าไอ้ติณก่อนจะหยิบโทรศัพท์
“ก็บอกไปสิว่ากูไม่อยู่กับมึง มองหน้ากูแล้วเขาจะวางสายหรือไง” ไอ้ติณพูดอย่างรู้ทัน แต่ว่าผมยังไม่ทันบอกมันเลยนะว่าไอเดียโทรมา แถมยังมีอีกเรื่องที่แปลกใจมากก็คือทำไมมันถึงมั่นใจนักว่าผมชอบไอเดียทั้งๆ ที่ผมก็บอกมันไปแล้วว่าผมไม่ชอบ แทนที่มันจะจีบเอาเอง มันกลับมากั๊กๆ เหมือนกลัวว่าผมจะคิดว่าถูกมันหักหลัง
“พี่ไทม์”
“ใครวะ?” ไอ้ติณรีบหันมาถามเมื่อได้ยินผมเรียกชื่อคนปลายสายที่โทรเข้ามา ยื่นหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ของผมอีกต่างหาก เพิ่งชมเรื่องเสียสละไปเมื่อครู่ ตอนนี้มันสาระแนเรื่องของผมอีกแล้ว
“ยุ่ง!” ผมหันไปว่าก่อนจะลุกออกมาจากเก้าอี้เพื่อออกไปรับสายนอกห้องเรียนทันที เผื่อเอาไว้ว่าถ้าอาจารย์เดินเข้ามาผมจะได้ไม่เสียมารยาท และที่สำคัญ ผมไม่อยากให้ไอ้ติณมันยุ่งเรื่องของผม ถึงมันจะไม่ใช่ความลับหรืออะไรก็ตาม
