บทที่ 19 EP 05 เด็กปั้น [1]
“เหี้ยเกมแม่งโกง”
“มึงสิโกง ขี้แพ้แล้วอย่าชวนตีไอ้เหี้ยติณ เดี๋ยวกูทุบ!” ไอ้เกมทำทีเป็นยกกำปั้นขึ้นมาขู่
“ก็มึงโกงกูเห็นๆ”
“มึงเห็นตอนไหน เอาหลักฐานมา”
“มึงโกงกู”
“หลักฐานมาไอ้สัส กูเด็กนิติฯ กูจะไม่เชื่อจนกว่ามึงจะมีหลักฐาน” ทำเป็นมีหลักการซะด้วย
“นี่มึงบลัฟกูเหรอ”
“หลักฐานมาไอ้สัสติณ ไม่งั้นก็จ่าย มึงแพ้กูสองเม็ด”
เฮ้อ ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมมานั่งทำอะไรอยู่ที่ข้างสนามบอลทั้งที่อากาศร้อนจนผมเริ่มจะรู้สึกแสบผิว ถ้าจำไม่ผิดไอ้ติณมันชวนผมออกไปหาอะไรกินกันไม่ใช่เหรอ นี่มันจะแวะมากินหญ้าที่สนามบอลหรือไง
ก่อนหน้านี้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ไอ้ติณมันใช้ให้คนขับรถของมันเดินไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้ามหา’ ลัย แล้วทิ้งรถคันนั้นไว้ให้มันใช้ ทีแรกผมก็คิดว่าเรากำลังจะไปหาอะไรกินแบบที่มันบอก แต่ไหงมันถึงลากผมมานั่งตากแดดตากลมอยู่ริมสนาม มองดูมันกับเพื่อน (ของมัน) เตะบอลกันอย่างสนุกสนาม แต่ตอนนี้ผมว่าหน้าตาไอ้ติณชักเริ่มไม่สนุก เหตุผลก็เพราะว่า...มันแพ้
จะว่าไปผมก็รู้นะว่ามันโดนโกง แต่ก็นั่นแหละ ช่างหัวมันเถอะ มันจะแพ้หรือชนะก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย
“ไอ้คิม”
“อะไร” ผมสะดุ้งแล้วขานตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ กำลังทำพิซซ่าส่งเรืออยู่เลยเชียว (เล่นเกม)
“มึงลงมาอยู่ข้างกู ไอ้กั๊มขาพลิก วิ่งต่อไม่ไหว”
อะไรของมัน แพ้แล้วพาลมาลงที่ผมได้ยังไงวะ
“มองทำเหี้ยไร กูบอกให้ลงมา!” ไอ้ติณตะโกนสั่งเสียงเข้ม มันชี้หน้าผมแล้วตวัดปลายนิ้วของมันมาที่หน้าผมสลับกับสนามหญ้ากลางแจ้งที่มันยืนโชว์กล้ามอยู่
ร้อนจะตายห่า มันถอดเสื้อทำไมของมัน!
“เราไม่เล่น” ผมรีบปฏิเสธ
“กูบอกให้มึงลงมา”
“เราไม่เล่น มันร้อน”
“มึงจะลงมาดีๆ หรือให้กูเดินไปลากคอมึงลงมา”
สาบานว่ามันอยากจะให้ผมช่วย ข่มขู่ขนาดนี้ถ้ามันเดินมาถึงตัวผมรับรองกบาลลั่นอีกแน่ๆ
“เราลงไปนายก็แพ้อยู่ดี”
“ปากหมานักนะมึง ลงมา!” ไอ้ติณกระชากเสียงเพราะเริ่มไม่พอใจผมมากขึ้นเมื่อผมอวยพรให้
จริงๆ คือต่อให้ผมจะลงไปช่วยมันก็แพ้อยู่ดีเพราะมันโดนโกงไงล่ะ ผมไม่ได้ว่ามันอ่อนหรือเล่นไม่เก่งสักหน่อย จะโมโหหาภรรยาพ่อมันหรือไงก็ไม่รู้
สุดท้ายผมก็ได้แต่เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าเป้แล้วลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวลงไปวิ่งเหยาะๆ ในสนาม
“แข็งแรงหน่อยเถอะ เรื่องสำออยไว้ค่อยไปใช้บนเตียง”
นับวันผมก็ยิ่งรู้สึกเกลียดปากมันขึ้นทุกทีๆ เดี๋ยวลงไปผมจะยิงเข้าประตูตัวเองแม่งเลย คอยดู
“มึงแน่ใจนะว่ามันวิ่งได้” ไอ้เกมเริ่มแซว เพื่อนกันก็ต้องปากหมาเหมือนกันสินะ เอ๊ะ! นี่ผมกำลังด่าตัวเองรึเปล่า
“เดี๋ยวมึงดูเด็กปั้นกูไอ้เกม” ไอ้ติณพูดอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับเอื้อมมือมาตบบ่าผมปุๆ ทั้งๆ ที่ผมยังไม่มั่นใจในตัวเองเท่ามันเลย เฮ้อ ปกติก่อนออกจากบ้านมันต้องกินยามั่นกี่เม็ด
ร้อนว้อยย~
“กูจะรอดู”
“แพ้มึงจ่าย กูจะแดกให้แม่งล้มละลายเลยมึง”
“กูตุนไว้สองลูก มึงไม่ต้องมาปากดีไอ้ติณ มึงนั่นแหละจะต้องล้มละลาย”
นี่พวกมันคิดว่าตัวเองเป็นตัวห่าอะไรถึงขั้นจะกินกันจนล้มละลาย อ้อ ลืมบอกไป สิ่งที่พวกมันพนันกันไว้ก็คือถ้าทีมไหนแพ้จะต้องเลี้ยงหมูกระทะ ปัญญาอ่อนไหมล่ะ โตเป็นควายกันหมดละแถมแต่ละคนก็ยังดูผิวพรรณเป็นผู้ลากมากดี กับอีแค่หมูกระทะมื้อเดียว ต้องพาตัวเองมาลำบากวิ่งตากแดดทำไมก็ไม่รู้
ผมได้แต่ยืนส่ายหัวมองไอ้ติณกับไอ้เกมเถียงกันไปมา จริงๆ ในสนามก็มีคนอื่นๆ อยู่นะ นับรวมๆ แล้วก็ประมาณเจ็ดคนรวมผมกับไอ้ติณ แต่เชื่อเถอะว่าคนอื่นๆ ก็คงคิดเหมือนผม นั่นคือรำคาญพวกมันสองคนมาก แต่ทำได้แต่ปล่อยให้พวกมันเถียงกันไปโดยไม่ห้ามและมีพวกเรายืนให้กำลังใจมันสองคนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เดี๋ยวพวกมันเหนื่อยก็หยุดเองนั่นแหละ
“มึงพร้อมมั้ย” ไอ้ติณเดินมากระซิบถาม สายตามันดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรทั้งที่เมื่อกี้มันยังพูดเหมือนชีวิตนี้สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
“ทำไมนายไม่ถามเราก่อนจะตะโกนเรียกเราลงมา”
“กูรู้มึงไหว”
ไหวตรงไหนของมันวะครับ ท่าทางของผมเหมือนคนพร้อมจะวิ่งไล่ลูกกลมๆ กลิ้งไปกลิ้งมากลางสนามขนาดนั้นเลยหรือไง
“ห้ามแพ้นะมึง เสียเงินกูไม่ว่า แต่ถ้ามึงทำกูเสียหน้ากูจะฆ่ามึง” ไอ้ติณขู่ผมเอาไว้เสร็จสรรพ ตบบ่าผมอีกรอบก่อนจะวิ่งนำหน้าผมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจทั้งที่ผมแค่คิดว่าจะต้องแย่งลูกบอลจากไอ้เกมก็เหนื่อยแล้ว
เฮ้อ ผมล่ะเหนื่อยใจกับมันจริงๆ
