บทที่ 9 EP 02 ตัวซวย [3]
ไอ้ติณตวัดสายตาขุ่นๆ มองกลับมามองผม แต่ว่าดวงตาคู่นั้นของมันก็ถึงกับเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อหันมาเห็นไม้หน้าสามท่อนนั้นก่อนจะได้เห็นหน้าผม
เพล้ง!
เสียงกระจกรถของไอ้ติณแตกเพราะถูกไม้หน้าสามท่อนนั้นฟาดเข้าให้อย่างจัง โชคดีที่ไอ้ติณหมอบหลบได้ทันเวลาก่อนที่มันจะรีบวิ่งออกมาตั้งหลักห่างจากไอ้โจรนั่นออกมาแค่ไม่กี่ก้าว
เมื่อครู่นี้ผมเห็นกับตาว่าไม่ท่อนนั้นหักเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
และเมื่อครั้งแรกพลาด ไอ้โจรนั่นก็ยังไม่ยอมถอดใจเพราะว่ามันเตรียมเงื้อไม้หน้าสาม (ที่หักครึ่งไปแล้ว) ในมือขึ้นกลางอากาศอีกรอบ ดูจากสายตาโกรธแค้นของมันแล้วเหมือนว่ามันจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ทันจะได้ฟาดลงมา ก็โดนไอ้ติณยกเท้าถีบสวนเข้าไปที่บริเวณกลางลำตัวของมันเต็มๆ เสียก่อน
อุ่ก!
“กูเตือนแล้วนะว่าอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ไอ้โจรกระจอก!”
ไอ้ติณตวาดเสียงดังลั่น ก่อนที่มันจะเดินตรงเข้าไปเอาเรื่องไอ้โจรนั่นที่กำลังยืนจุกอยู่อย่างไม่เว้นช่วงให้ไอ้โจรนั่นได้ตั้งหลัก
อั่ก!
เสียงหนักแน่นของฝีเท้าไอ้ติณดังขึ้นเมื่อมันเตะซ้ำเข้าไปที่กลางลำตัวของไอ้โจรที่เพิ่งจะล้มลงไปนอนคู้ตัวอยู่กับพื้น ทำเอาผมอบรู้สึกสงสาร ไม่สิ ผมไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้นกับไอ้โจรไม่มีสมองนั่นหรอก
“ลอบกัดหมาๆ แบบนี้ อย่าอยู่ให้รกโลกเลยมึง”
อั่ก!
“พอแล้วติณ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก” ผมรีบเข้าไปห้ามพร้อมกับพยายามจะดึงไอ้ติณออกมา แต่กลับเป็นฝ่ายถูกไอ้ผลักออกมาแทน แถมมันยังหันมามองผมด้วยดวงตาวาวโรจน์ที่ฉายแววความโกรธใส่ผมกลับมาเต็มๆ
“มึงอย่ามาห้ามกู”
“แต่นายจะฆ่าคนตายไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปสิ อยากติดคุกนักรึไง”
“มึงก็ไปตามมาสิ!” ไอ้ติณตะคอกบอก แต่วินาทีที่ผมกำลังยืนเถียงกับมันอยู่ หางตาของผมก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนแทรกเข้ามา วินาทีนั้นสิ่งเดียวที่ผมคิดออกตอนที่ได้หันไปสบตากับไอ้โจรกระจอกนั่นที่ลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้คือการกระชากไอ้ติณออกมาแล้วกระโดดถีบไอ้โจรนั่นออกไปสุดแรง
อุ่ก!
ผมไม่ได้ตั้งใจจะกระโดดถีบมันทั้งสองขาคู่หรอกนะ แต่ทำไปแล้ว ว้ากกก
พลั่ก!
แล้วผมก็ส่งหมัดหลุนๆ ตามออกไปสุดแรงอีกเหมือนกัน เสียงดังแน่นๆ ยืนยันว่าผมชกไม่พลาดเป้าแน่นอน แต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้ชื่นชมผลงานของตัวเองก็โดนไอ้ติณกระชากถอยกลับมาซะก่อน
“ตีนหนักนะมึง”
มันใช่เวลามายืนชมกันหรือไง
“เราก็แค่ป้องกันตัว” ผมรีบบอก
ผมแค่เคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้างก็เลยพอจะรู้เทคนิคการต่อสู้ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าผมเก่งหรอก เพราะถ้าไอ้เวรนั่นตั้งหลักได้แล้วกลับมาเอาคืนอีกรอบ ผมเองก็คงสู้ไม่ไหวเหมือนกัน
“มึงโทรแจ้งตำรวจไป เดี๋ยวกูจัดการมันเอง”
“นายอย่าฆ่ามันนะ”
“กูมีแค่มือเปล่า แต่มันถือไม้หน้าสามมาจะฟาดหัวกูนะ มึงเข้าข้างกูบ้างเถอะ” ไอ้ติณทำหน้าเซ็ง
ผมได้แต่พยักหน้าเออๆ ออๆ กับมันไปแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะรีบโทรแจ้งตำรวจซึ่งทุกอย่างก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน สมกับที่มีหน้าที่การบริการประชาชน แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ผมก้มหน้าลงเพื่อจะเก็บโทรศัพท์ ผมก็เห็นบางอย่างสะท้อนออกมาจากกระจกรถของไอ้ติณที่จอดอยู่ตรงหน้า
“เสือกนักเหรอมึง!”
เพล้ง!
ตามมาด้วยเสียงกระจกรถของไอ้ติณแตกไปอีกหนึ่งบาน
เสียงทุ้มต่ำด้วยแรงอาฆาตดังมาจากทางด้านหลัง แต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้หันไปมองเพราะว่าถูกไอ้ติณกระชากออกมาจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้เสียก่อน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ไอ้ติณมันทำอะไรอยู่หรือว่ามันยืนอยู่ตรงไหน แล้วเห็นได้ยังไงว่าไอ้โจรนั่นมันลุกกลับมาเล่นงานผม
ผั่ว!
“ไอ้ติณ!”
ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมากขนาดที่ผมยังไม่ทันแม้แต่จะได้ตั้งสติ เสียงไม้กระทบเนื้อที่ได้ยินทำให้ผมแหกปากตะโกนเรียกไอ้ติณออกไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นกับตาว่ามันโดนฟาดไปแล้ว
จังหวะที่ผมหันมาเห็นคือจังหวะที่ไอ้ติณยกมือขึ้นมารับไม้หน้าสามท่อนนั้นเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองเพราะไอ้โจรชั่วนั่นที่ตั้งใจจะฟาดหัวมันเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย (เลื่อนขั้นจากโจรกระจอกเป็นโจรชั่วไปอย่างรวดเร็ว)
พลั่ก!
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมตัดสินใจกระโดดจนตัวลอยเพื่อถีบไอ้โจรชั่วนั่นให้ออกห่างจากไอ้ติณ ก่อนจะรีบหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วฉีดใส่หน้ามันในระยะประชิด
“โอ๊ยยยย!” มันร้องลั่นเมื่อถูกผมฉีดสเปรย์พริกไทยอัดสองลูกตามันเต็มๆ
“นอนรอตำรวจตรงนี้ก็แล้วกันนะไอ้สารเลว!” ย้ำเสียงเข้มกับไอ้โจรก่อนจะต้องรีบยกมือข้างหนึ่งอยู่บีบจมูกเอาไว้แน่นๆ เพราะกลิ่นของสเปรย์พริกไทยที่ฉีดพ่นออกไปจนหมดขวดเริ่มทำให้รู้สึกแสบจมูก ตั้งแต่ที่บริเวณร้านมีข่าวจี้ปล้นบ่อยๆ ผมก็เลยต้องหาซื้อมาพกเอาไว้ แต่ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสใช้มันจริงๆ
เคร้ง!
ทิ้งท้ายด้วยการปาขวดสเปรย์พริกไทยที่เหลือแค่ขวดใส่หัวไอ้โจรกระจอกนั่นไปสุดแรงแล้วรีบถอยออกมา ตอนนี้มันก็ทำได้แต่นอนดิ้นทุรนทุรายเพราะอาการแสบร้อนดวงตานั่นแหละ และอีกไม่นานตำรวจคงมาถึงเพราะผมได้ยินเสียงไซเรนรถแล้ว
