ไหล่เย็น

เกรย์

ฉันใช้เวลาเดินสบายๆ ไปยังโต๊ะทำงานของฉันที่สเติร์นพอยต์ ฉันสวมชุดเดรสสีดำกับรองเท้าส้นสูงสีดำที่มาร์คเลือกให้ ชุดนี้รัดรูปเน้นทุกสัดส่วนของร่างกาย และชายกระโปรงสั้นแค่กลางต้นขา ฉันสวมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีดำแขนสามส่วน แจ็กกี้ไม่อยู่ที่โต๊ะ ฉันจึงเดินต่อไป ฉันเห็นว่าประตูห้องของมาร์คเปิดอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะมองเข้าไป ฉันเก็บกระเป๋าไว้ในลิ้นชักโต๊ะแล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างบนโต๊ะยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่ฉันทิ้งไว้

ฉันเงยหน้ามองเข้าไปในห้องทำงานของมาร์ค เขากำลังจ้องฉันเขม็ง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานโดยมีแจ็กกี้ยืนอยู่ข้างๆ กำลังอธิบายบางอย่างให้เขาฟังพร้อมเอกสารในมือ เขาก้มหน้าลง สงสัยฉันคงไม่จำเป็นในห้องทำงานของเขาล่ะมั้ง ฉันหันกลับมาสนใจคอมพิวเตอร์แล้วไล่เช็กอีเมลทั้งหมด บ้าจริง ฉันลืมแฟ้มเอกสารสำหรับธุรกิจของตัวเองไว้ที่บ้าน ฉันบีบสันจมูกตัวเองแล้วหลับตาลง

“เฮ้ ผมนึกว่าคุณลาออกจากสเติร์นพอยต์ไปแล้วซะอีก” ฉันเงยหน้าขึ้นก็เห็นแซมยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทีดีใจที่ได้เจอฉัน

“อืม ก็ใช่ค่ะ แต่ว่ามาร์— ฉันตัดสินใจว่าจะยังไม่ไปตอนนี้ ฉันต้องสร้างธุรกิจของตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอยก่อน บางอย่างฉันทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งต้องอาศัยนักธุรกิจช่วย” ฉันบอก ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องที่มาร์คโผล่ไปที่บ้านของฉัน

“วันนี้คุณสวยจัง”

“โอ้ ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม

“ดูเหมือนว่าวันนี้คุณสเติร์นจะอารมณ์บูดบึ้งเป็นพิเศษนะครับ” เขามองเข้าไปในห้องทำงานของมาร์ค แต่ทั้งสองก็ยังคงง่วนอยู่กับการคุยเรื่องงาน “สงสัยจังว่าอะไรทำให้เขาอารมณ์เปลี่ยนไป”

“ไม่ทราบสิคะ” ฉันยักไหล่

“แล้วคืนนี้อยากไปหาอะไรดื่มกันไหมครับ”

“คืนนี้เกรย์-ลินน์ต้องทำงานดึก” มาร์คพูดขณะเดินผ่านโต๊ะฉันไปยังเครื่องถ่ายเอกสาร

“ถ้างั้นผมคงต้องไปแล้วล่ะ ไว้คุยกันใหม่นะ” เขาพูดพร้อมกับขยิบตาให้ฉันก่อนจะเดินจากไป ฉันถอนหายใจ

“ฉันต้องทำงานดึกจริงๆ เหรอคะ” ฉันถาม เขากำลังสั่งพิมพ์เอกสาร แต่ก็ไม่ตอบฉัน “มาร์ค” ฉันเรียก แต่เขาก็เลือกที่จะเมินเฉย ฉันส่ายหัวแล้วหันกลับมาสนใจอีเมลต่อ ฉันเกลียดการถูกเมิน ฉันพยายามจะไม่ใส่ใจและทำตัวให้ยุ่งอยู่กับงานเข้าไว้ แต่ฉันก็อยากให้มาร์คคุยกับฉัน โดยเฉพาะเรื่องที่เขาบอกฉันที่บ้าน

ฉันมองเขาอีกครั้ง เขาดูดีมากในชุดสูทสามชิ้น เขาเดินผ่านโต๊ะฉันไปอีกครั้ง เยี่ยมเลย ท่าทีเย็นชาใส่กันสินะ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองมาทางฉันสักนิด ถ้าอย่างนั้น ฉันไปชงกาแฟดีกว่า ทันทีที่ฉันลุกจากเก้าอี้ กลิ่นหอมอันคุ้นเคยที่แสนเย้ายวนก็ปะทะเข้ามาทันที ฉันเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามาร์คยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานของฉันพร้อมกับกองเอกสารในมือ แววตาของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ราวกับมีเพียงความเย็นชาอยู่ภายใน ซึ่งฉันก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนั้นเอง

เขาวางกองเอกสารลงบนโต๊ะของฉัน “เอกสารพวกนี้ต้องเอามาแนบรวมกัน พรุ่งนี้มีประชุมใหญ่อีกเรื่อง ถ้าคุณสะดวกจะทำงานที่โต๊ะก็ตามสบาย แต่ถ้าต้องการพื้นที่ทำงานเพิ่ม ในห้องทำงานของผมก็ได้” เขาพูดอย่างเย็นชาแล้วเดินจากไป

ฉันไม่ชอบมาร์คในด้านนี้เลย ฉันต้องเตือนตัวเองว่าไม่ควรไปขัดใจเขาหรือทำให้เรื่องมันแย่ลงจนเขาต้องอารมณ์เสียแบบนี้ ฉันหยิบเอกสารแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา เพราะฉันต้องการพื้นที่ทำงานที่กว้างกว่าจริงๆ มาร์คนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา “ฉันจะทำงานในห้องของคุณนะคะ” ฉันบอก เขาไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะมองมาทางฉันขณะที่จ้องหน้าจอแล็ปท็อป

ฉันกางเอกสารแผ่ออกบนโต๊ะกาแฟ ซึ่งรอบๆ มีโซฟาหนังสีดำและอาร์มแชร์สองตัว ฉันชอบห้องทำงานของเขา ฉันเริ่มลงมือทำงาน “คืนนี้เราจะทำงานกันดึกหน่อยนะ” เขาพูดขึ้น และฉันก็หันไปเผชิญหน้ากับเขา

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ฉันบอก เขายังไม่แม้แต่จะมองมาทางฉัน “ประชุมเรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันถาม ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมองฉัน

“เป็นพาร์ทเนอร์ของเราน่ะ นี่สำคัญมาก ส่วนหนึ่งของบริษัทเขาช่วยดูแลแผนกการเดินทาง โรงแรม แล้วก็ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเดินทาง ผมอยากจะสร้างตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ดึงลูกค้าให้เข้าร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด การเดินทางเป็นหนึ่งในแผนกที่ใหญ่ที่สุดในบริษัทเรา คราวที่แล้วเราเสียสิทธิประโยชน์ด้านกีฬาไปมากกว่าเดิม” เขาถอนหายใจ

“วันที่ฉันทำกาแฟหกใส่เอกสารนั่นเอง” ฉันจำได้

“ใช่ และมันต้องไม่เกิดขึ้นอีก” เขาพูดพร้อมกับจ้องมาอย่างจริงจัง ฉันพยักหน้า

“เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันบอก แล้วกลับไปสนใจเอกสารต่อ ช่วงเวลาที่เหลือของวันเราทำงานกันในความเงียบ เว้นแต่ตอนที่แจ็กกี้เข้ามาในออฟฟิศกับตอนที่มาร์คต้องรับโทรศัพท์ ฉันยังคงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาจากเขา


ข้างนอกมืดแล้วตอนที่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ไฟในออฟฟิศยังเปิดอยู่ ฉันมัวแต่จมอยู่กับกองเอกสารพวกนี้ ไม่ใช่แค่จัดทำเป็นรูปเล่ม แต่ยังต้องเน้นข้อความบางส่วนในเล่มด้วย ฉันนั่งอยู่บนโซฟา มาร์คไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน ฉันจึงตัดสินใจว่าต้องพักสักหน่อยและต้องการกาแฟ วันนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยและหัวก็ปวดตุบๆ

ขณะที่ฉันเดินออกจากประตู พลางใช้มือกุมหน้าผากไว้ ฉันเดินไปชนมาร์คเข้าอย่างจัง แล้วก็สะดุ้งถอยหลังจนเกือบล้ม แต่ก็กลับมาทรงตัวได้ทัน กาแฟของเขาหกใส่ชุดเดรสของฉัน “ขอโทษ” มาร์คพูด

ฉันส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสมควรโดนแล้วล่ะ” ฉันเดินเฉียดเขาไป “ขอโทษเรื่องกาแฟอีกครั้งนะคะ” ฉันพูด ฉันเดินไปที่ห้องน้ำ ยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ฉันหยิบกระดาษทิชชูมาชุบน้ำแล้วเช็ดคราบกาแฟออกจากชุดเดรส ฉันถอนหายใจพลางมองตัวเองในกระจก วันนี้มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันยังรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนชุดซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัว

ฉันเดินกลับไปที่ออฟฟิศ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องกาแฟบ้าๆ นั่นอีกแล้ว เมื่อเข้าไปในห้องทำงานของมาร์ค เขากำลังง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะกาแฟ ฉันหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา เหลือบมองนาฬิกาบนผนัง ตีหนึ่งแล้ว บ้าจริง นี่มันดึกมากแล้วและฉันก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ

“เรายังมีเรื่องที่ต้องดูกันอีกหน่อย แต่รอตอนเช้าก็ได้” เขายืนขึ้นตัวตรง มองมาที่ชุดของฉัน “ขอโทษเรื่องชุดด้วยนะ” เขาพูด และดูเหมือนว่าความหิวกระหายในดวงตาของเขาจะกลับมาอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว” ฉันพูด ซึ่งแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

“อยู่กับผมที่นี่นะ” เขาเอ่ยเสียงพร่า มือของเขาวางลงบนไหล่ฉันแล้วถอดแจ็กเก็ตของฉันออก เขาโยนมันลงบนพื้น เขาจับชายกระโปรงของฉันแล้วดึงขึ้นเหนือศีรษะ ปล่อยให้ฉันเหลือแต่บราลูกไม้สีดำกับจีสตริง เขาโยนชุดเดรสของฉันลงบนพื้น มองสำรวจร่างกายฉันด้วยสายตาหิวกระหาย และทั้งหมดที่ฉันทำได้คือฟังเสียงหายใจของตัวเอง ราวกับว่าตัวฉันถูกตรึงอยู่กับที่ เขาถอดแจ็กเก็ตของตัวเองออก “นี่ คุณเอาตัวนี้ไป คุณนอนบนโซฟาได้” เขาพูดพลางมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉันราวกับต้องการจะกลืนกินฉันทั้งเป็น ฉันรับแจ็กเก็ตจากเขาแล้วสวมมัน มันตัวใหญ่จนเหมือนเป็นเสื้อโค้ตสำหรับฉัน เขาหยิบชุดเดรสกับแจ็กเก็ตของฉันไปวางพาดไว้บนพนักเก้าอี้อย่างเบามือ

เขาเดินกลับมาที่โซฟา ดึงมันออกจนกลายเป็นโซฟาเบด เขาถอดเสื้อกั๊กกับรองเท้าออก ฉันก็ถอดรองเท้าของตัวเองเช่นกัน ฉันเอนตัวลงนอนบนโซฟา แล้วเขาก็ตามลงมานอนข้างๆ ฉันหนุนศีรษะลงบนแผงอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้น วินาทีนี้ ฉันต้องการมากกว่านี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป