ช่วยเขา
ฉันกลับถึงบ้านหลังเลิกงาน รู้ว่าพ่ออยู่บ้านเพราะรถของเขาจอดอยู่หน้าบ้าน กลิ่นอาหารหอมฉุยฝีมือพ่อโชยมาแตะจมูกทันทีที่ฉันเดินเข้าประตู เวลาอยู่บ้าน พ่อจะเข้าครัวตลอด ฉันเดินเข้าไปในครัวและเห็นว่าพ่อกำลังทำพาสต้า ของโปรดของฉันเลย ฉันเดินเข้าไปหาพ่อขณะที่ท่านกำลังจัดโต๊ะ แล้วหอมแก้มท่านฟอดหนึ่ง
“วันนี้ทำงานเป็นไงบ้าง” พ่อถาม
“ก็ดีค่ะ มาร์คเสนองานผู้ช่วยให้ฉัน แต่ฉันยังออกแบบเว็บได้เหมือนเดิม ที่ทำงานมีงานค้างเยอะมาก แล้วแจ็กกี้ก็สอนว่าต้องทำอะไรบ้าง ฉันก็เลยจัดการซะเลย วันนี้ทำงานได้เยอะ แต่ก็เหนื่อยค่ะ” ฉันตอบ
“แล้วมาร์คดูแลลูกดีไหม” พ่อถามขณะวางจานพาสต้าลงกลางโต๊ะอย่างเบามือ
“ค่ะ เขาดีกับหนูมาก แค่ช่วงนี้เขางานยุ่งมากเท่านั้นเอง”
“งั้นลูกก็น่าจะช่วยเขานะ ผู้ช่วยมีไว้ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” พ่อพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
“หนูรู้ค่ะ แต่หนูต้องเคลียร์งานเก่าที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อน” ฉันพูดขณะนั่งลง
“รองเท้าที่ลูกใส่สวยดีนะ” พ่อพูดพลางมองลงไปที่รองเท้าของฉัน ฉันมองตามสายตาของพ่อไป
ฉันยักไหล่ “ส้นรองเท้าคู่เก่าของหนูหักค่ะ มาร์คเลยให้คู่นี้มา” ฉันตักพาสต้าใส่จานของตัวเอง
“เขาใจดีจังนะ” พ่อนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ค่ะ ใจดีมาก” ฉันยิ้มพลางก้มมองจานอาหารของตัวเอง
“มาร์คทำงานหนักมากตั้งแต่ได้รับช่วงต่อบริษัท เขาเสียสละไปเยอะมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พ่อเคยไปหาเขาเวลาที่มีนัดคุยงานด้วยกัน เวลาที่เราอยู่กันตามลำพัง คุยกันเหมือนเพื่อน เขาจะดูเหนื่อยและเครียดกว่าปกติมาก เขาจะคอยถามเรื่องลูกเสมอ แล้วพ่อก็จะเล่าเรื่องของลูกให้เขาฟังคร่าวๆ เขาเป็นเหมือนพ่ออีกคนของลูกเลยนะ และนั่นคือสิ่งที่พ่อรู้สึกขอบคุณมาก เขาอยู่เคียงข้างเราตอนที่แม่ของลูกเสีย และยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของพ่อเสมอมา พ่อยิ่งขอบคุณมากขึ้นไปอีกที่เขารับลูกไว้ใต้ปีกที่บริษัทของเขา” พ่อพูดทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า
ถึงแม้ฉันจะแอบชอบมาร์ค แต่ในวินาทีนั้นฉันต้องพักเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วหันมาสนใจพ่อของฉัน หลังอาหารเย็น ฉันช่วยพ่อเก็บล้างแล้วจึงกลับเข้าห้องนอน ฉันอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอน อดคิดถึงมาร์คไม่ได้ สัมผัสที่เขาแตะต้องฉันอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเขียวไพรคู่นั้นที่จ้องมองมาราวกับจะแผดเผาฉันด้วยความรู้สึกอันรุนแรง ท่าทีที่เขามองมาทางฉันเวลาที่ดูเหมือนกำลังใช้ความคิด ภาพของเขาเวลาที่ทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวประชุม
ในที่สุดฉันก็ผล็อยหลับไป แต่ไม่นานเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นปลุกฉันให้ตื่น บ้าจริง ต้องลุกไปเตรียมตัวทำงานแล้วสิเนี่ย ฉันลุกขึ้นมาในสภาพเหมือนซอมบี้ แต่ทันทีที่ความคิดของฉันวนไปถึงมาร์ค ทั้งร่างกายและจิตใจก็กลับตื่นตัวขึ้นมาทันที
ฉันรู้สึกประหม่าตอนที่เดินผ่านห้องทำงานของเขา ความคิดเมื่อคืนไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหรืออาการแอบชอบที่ฉันมีต่อเขามันง่ายขึ้นเลย ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับฉัน ดังนั้น สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือการฝันกลางวันถึงเขาต่อไป
ฉันเลี่ยงที่จะมองเข้าไปในห้องทำงานของเขาตอนที่เดินผ่าน ฉันมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเองและนั่งลง เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มงาน ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของเขาก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีก
“อรุณสวัสดิ์” เขาพูดพลางมองไปทางเครื่องถ่ายเอกสาร เขาไม่แม้แต่จะมองมาทางฉันด้วยซ้ำ แต่ก็นะ เขาเป็นคนงานยุ่งนี่นา
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ฉันถามเพราะรู้ว่าเขามีงานท่วมหัว ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับเครื่องถ่ายเอกสาร ฉันก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาอีกครั้ง มันเหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งที่ฉันสามารถดูซ้ำไปซ้ำมาได้ไม่รู้เบื่อ ฉันถอนหายใจ วันนี้เขาสวมสูทสีกรมท่า
“ตอนนี้ยังครับ” เขาตอบ
“ให้ฉันช่วยเรื่องเอกสารที่คุณกำลังจะเข้าเล่มไหมคะ” ฉันเสนอตัว
เขาหันกลับมาทำท่าครุ่นคิดขณะที่ในมือถือกระดาษปึกหนึ่ง “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เขาพูดขณะเดินผ่านฉันไปโดยไม่มองมาทางฉันเหมือนเดิม แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสา
“งั้น... ฉันช่วยได้ใช่ไหมคะ” ฉันร้องถามไล่หลังเขาไป
“ใช่ มาที่ห้องทำงานผมเดี๋ยวนี้” เขาสั่งข้ามไหล่มา
ฉันลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วรีบเข้าไปในห้องทำงานของเขา เขายังคงง่วนอยู่กับการเตรียมประชุม เพราะเมื่อฉันเข้าไป เอกสารกองแล้วกองเล่าก็วางอยู่ทุกที่ ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองไปรอบๆ ด้วยความตะลึง
“นี่แหละ ได้เวลาช่วยผมแล้ว” ฉันมองไปที่เขา เขามีรอยยิ้มขบขันอยู่บนใบหน้าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉัน “เป็นการประชุมใหญ่ ผมเลยต้องเตรียมทั้งหมดนี่” เขายักไหล่
ฉันเดินลึกเข้าไปในห้องทำงาน “นี่คุณได้นอนบ้างหรือเปล่าคะ” ฉันถาม
“ไม่เลย ผมทำงานพรีเซนเทชั่นอีกตัวตลอดทั้งคืน” เขายักไหล่ “ความขยันและการเสียสละมันให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่านะ” เขาพูดพลางทำงานของเขาต่อไป ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉันไม่ได้เจอเขามาหลายปี ตอนนี้ฉันได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่เคยมีเวลาไปเยี่ยมเลยหลังจากที่จากไป “งั้นคุณช่วยเย็บเอกสารชุดใหม่พวกนี้ก็แล้วกัน” เขาพูดขณะนั่งลง
ฉันเริ่มเย็บเอกสาร บางครั้งฉันรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองมา แต่ฉันก็ไม่ได้มองตอบ กลับตั้งสมาธิอยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ ฉันหยิบกระดาษโน้ตมีกาวจากโต๊ะของเขา และขณะที่เอื้อมไปหยิบปากกาด้ามเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาก็เอื้อมมาหยิบมันเช่นกัน นิ้วของเราสัมผัสกัน ส่งความรู้สึกวาบหวามไปทั่วร่าง สายตาเราสบกันชั่วครู่หนึ่ง ฉันรีบชักมือกลับ
“คุณใช้เลยค่ะ” ฉันพูดอย่างลนลาน
“คุณใช้เถอะ เกรย์” เขาพูดพร้อมกับหยิบปากกาอีกด้ามออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ ฉันคว้าปากกาด้ามที่ตั้งใจจะหยิบแล้วทำงานต่อ ฉันเหลือบไปเห็นเขามองฉันอยู่ขณะทำงานและเขาก็มีรอยยิ้มขบขันบนใบหน้า ตอนนี้ฉันรู้สึกประหม่ามาก ฉันพยายามปัดเป่าตัวตนของเขาออกไปจากใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยเมื่ออยู่กับผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ ฉันสงสัยอยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงมองฉัน
“ทำไมคุณถึงเอาแต่มองฉันแบบนั้นล่ะคะ” ฉันถามพร้อมรอยยิ้มเขินๆ
“ผมชอบวิธีทำงานของคุณ ผมไม่ต้องคอยบอกว่าต้องทำอะไรหรือทำยังไง คุณแค่จัดการทุกอย่างและรู้ว่าต้องทำอะไรด้วยตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ผมชอบในตัวคุณ หรือผู้ช่วยคนไหนก็ตามที่มีจรรยาบรรณในการทำงานแบบนั้น แต่จะบอกให้รู้นะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณเป็นผู้ช่วยคนแรกของผมที่ทำงานแบบนี้” เขาพูด ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มขณะหน้าแดงก่ำแล้วทำงานของตัวเองต่อไป
พอถึงเวลาพักกลางวัน แซมก็รอฉันเพื่อไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านกาแฟ เราอยู่ที่ร้านกาแฟไม่นานนักเพราะฉันต้องกลับมาทำเอกสารให้เสร็จก่อนการประชุมของมาร์ค ฉันซื้อคาปูชิโนมาให้เขาด้วย
ตอนที่ฉันเข้าไปในห้องทำงานของเขา เขากำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุม และฉันก็ช่วยเขาโดยการนำหนังสือคู่มือทั้งหมดไปที่ห้องประชุมซึ่งใหญ่โตมาก มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานอยู่ด้านหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้ เราวางหนังสือคู่มือลงบนโต๊ะประชุมแล้วฉันก็ปล่อยให้เขาเตรียมการส่วนที่เหลือต่อ การประชุมกินเวลาทั้งวัน ฉันจึงทำงานส่วนที่เหลือของตัวเองจนเสร็จแล้วก็กลับบ้าน
