บทที่ 6 6
“เห็นตัวเล็กๆไม่คิดว่าพิษสงจะเยอะ” เชิดชัยย่างสามขุมเข้าหา โผนร่างเข้าใส่ ทว่ายังช้ากว่าหญิงสาวที่ยกเท้าถีบยัน ตามด้วยฟาดไม้ใส่แขนอย่างแรง
“โอ๊ย !” ชายหนุ่มอุทานลั่น ปวดจนน้ำตาแทบเล็ด และเธอก็อาศัยช่วงจังหวะนี้วิ่งไปแก้เชือกที่เท้าให้เด็กหญิง…ไม่มีเวลามากพอจะแก้เชือกที่มือ จึงร้องบอก
“ไว้พี่จะแก้เชือกที่มือให้ทีหลัง พอจะมีแรงวิ่งไหมสาวน้อย”
“พะ…พอจะวิ่งไหวค่ะ” ‘ไปรยา’ตอบ แข็งใจยืนแม้จะเจ็บ ข้อเท้าที่โดนเชือกรัดรึงเป็นเวลานานจนแดงช้ำ
“งั้นวิ่งออกจากโกดังให้เร็วที่สุด ไปเร็ว พี่จะคอยคุมด้านหลังให้เอง”
หนูน้อยฉลาดพอที่จะไม่ร้องไห้งอแงเพราะความเจ็บในตอนนี้ กัดฟันวิ่งจะออกจากห้อง โดยมีหญิงสาววิ่งตามไปติดๆ
“คิดจะหนีเรอะ ฝันไปเถอะ” ทองใบที่คลายความเจ็บลงบ้างแล้ว วิ่งไปหมายกระชากตัวเด็กหญิงกลับ ขณะที่มินชยาใช้มือข้างที่ว่างดึงเสื้อเขาให้หยุด
“ปล่อยนะนังนี่” ชายหนุ่มสะบัดจนหญิงสาวกระเด็นล้มลงที่พื้น เพราะกลัวว่าบ่อเงินบ่อทองที่อยู่ในอุ้งมือจะหนีพ้น ทองใบจึงคว้าหมับที่เส้นผมยุ่งเหยิงของหนูน้อย จิกอย่างรุนแรง ไม่สนอาการ ดิ้นพล่านและน้ำเสียงที่บ่งชัดถึงความเจ็บ
“กรี๊ด…! ปล่อย ปล่อยหนู หนูเจ็บ ฮือๆ พี่จ๋า พี่ช่วยหนูด้วย”
คำเรียกของเด็กหญิงปลุกพลังในตัวมินชยาได้เป็นอย่างดี ร่างระหงทรงกายลุกยืน กำไม้ในมือแน่น เอาเถอะ…เป็นไงเป็นกัน ไหนๆ เธอก็ตกกระไดพลอยโจนเข้าพัวพันเหตุการณ์ยุ่งเหยิงไปแล้ว จะถอยกลับตอนนี้คงไม่ได้ มีแต่ต้องลุยต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
“ปล่อยเด็กนะ”
“ปล่อยให้โง่สิวะ ! อีเด็กนี่ก็หยุดแหกปากเสียทีเถอะ” ด้วยความหงุดหงิด ทองใบจึงผลักร่างน้อยอย่างแรงจนไปรยาเสียหลักล้มหัวฟาดขอบโต๊ะเก่าคร่ำคร่า
โผล๊ะ !
ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง ไม่มีเสียงอะไรเลย…ทุกอย่างเงียบงันไปหมด มินชยาเห็นหยดเลือดข้นสีแดงฉานไหลลงนองพื้น ด้วยความตระหนกสุดขีด เธอปราดเข้านั่งคุกเข่า วางไม้ไว้ข้างตัวแล้วจับหัว หนูน้อยมาวางบนตัก
มือเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิต สมองเธอมึนงง…พร่าพรายไปชั่วขณะ วูบหนึ่งที่เธอรู้สึกกลัว…กลัวไปหมดทุกอย่าง
“ผู้หญิงเขี้ยวเล็บเยอะอย่างเธอไม่สมควรจะได้ออกไปข้างนอก” เสียงเกรียมดังจากปากเชิดชัย ก่อนใช้ด้ามปืนฟาดใส่ท้ายทอยของ หญิงสาวสุดแรง
ผล๊วะ…
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ความรุนแรงมีมากพอที่จะทำให้เธอ ตัวอ่อนลงไปนอนกองที่พื้น แขนเรียวเสลากอดร่างหนูน้อยไว้…ดวงตาพร่าเลือน ครางเสียงแผ่ว…
“โอย…”
“เอาไงดี เด็กก็ท่าทางเสียเลือดมาก อีผู้หญิงก็สลบไปแล้ว” เชิดชัยหันไปปรึกษาคู่หูที่เพิ่งกดปิดโทรศัพท์…
“คุยกับนายเทิดแล้วเมื่อกี้ ท่านบอกว่าให้เรารีบห้ามเลือด เด็กคนนี้เสีย แล้วท่านจะรีบเดินทางมา คนฉลาดอย่างท่านมีทางออกเสมอ มึงไม่ต้องเดือดร้อนใจไปหรอก” ทองใบตอบพลางเหลือบตามองหญิงสาวซึ่งนอนคุดคู้ “น่าเสียดายผู้หญิงเป็นบ้า ไม่น่าเลย…เกือบจะได้แอ้มมันอยู่แล้วเชียว”
เสียงพูดคุยค่อยๆเลือนหายไปจากหูของมินชยา เธอเริ่มไม่ได้ยินอะไร หนาวจนเย็นวาบถึงในอก สิ่งที่ผุดพรายขึ้นมาในสมองมีเพียงคำว่า…
‘ฉันต้องตายจริงๆหรือ ? ตายเพราะคิดจะช่วยเด็กผู้หญิง แปลกหน้า ฉันต้องตายทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างนั้นหรือ… ทำไมกัน’
นั่นเป็นความคิดครั้งสุดท้ายของเธอ ก่อนที่สติสัมปชัญญะ ทั้งมวลจะดับวูบไป…
มือของใครกัน…ช่างอบอุ่นเหลือเกินยามจับหน้าผากเธอ ลามมาที่แก้มและซอกคอ ความหนาวเย็นที่มีดูเหมือนจะบรรเทาลงเพียงแค่ได้รับสัมผัสจากฝ่ามือของใครคนนั้น
ผ้าเย็นที่เปียกน้ำพอหมาดลูบเช็ดไปทั่ววงหน้า มาที่ลำแขนเสลา และ…เรียวขา
“อือ…” มินชยาครางแผ่วจนแทบไม่หลุดพ้นลำคอ “พ่อ พ่อขา…”
มือที่กำลังเช็ดตัวให้เธอหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มเช็ดต่อ พร้อมผ้าห่มที่คลุมให้ตั้งแต่ช่วงอกจรดปลายเท้าหลังจากที่พบว่าความร้อนของตัวเธอเริ่มทุเลาลง
อาการกระสับกระส่ายค่อยๆ หายไป เธอหลับลึก…และฝันเห็นเลือด เลือดสีแดงข้นที่ไหลออกจากหัวของเด็กหญิงคนนั้น เด็กตายแล้วหรือยัง ตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง…?
