บทที่ 8 8

“อาจารย์พูดอะไรน่ะ อย่ามากล่าวหาฉันแบบนี้นะ” หากตอนนี้มือเป็นอิสระ เธอคงไม่ลังเลเลยที่จะฟาดหน้าหล่อๆนั่นสักเปรี้ยงให้หายแค้นใจที่เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอเป็นฆาตกรใจโหด

“น้องไปรโดนเธอและพรรคพวกจับตัวไปกักขังในโกดังร้าง เธอเป็นต้นเหตุให้หลานสาวของฉันต้องเจ็บตัว แค้นเธอนัก อยากทำกับเธอเหมือนที่เธอทำกับน้องไปร แต่ไม่ได้…” เขากระตุกยิ้มเครียด “เธอยังมีประโยชน์กับฉันอีก”

“น้องไปร…? หรือจะเป็นเด็กคนนั้น” เธอพึมพำถามตัวเอง ริมฝีปากบางขบเม้มอย่างครุ่นคิด อาการปวดมึนที่ศีรษะทำให้เธอเบลอจนเกินกว่าจะรับเรื่องหนักๆได้

“ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงสวยๆอย่างเธอจะพิษสงร้ายกาจ ฉันให้เธอเลือก ระหว่างเข้าคุก หรือจะเป็นเชลยของฉัน”

เขาถามเสียงจริงจัง ดวงตาไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

“ทำไมฉันต้องเข้าคุกด้วย ในเมื่อฉันไม่ผิด ตำรวจมีหน้าที่จับคนร้าย ไม่ได้มีหน้าที่จับแพะ” เธอตอบอย่างชาญฉลาด และนั่นก็ทำให้เขาเกือบหัวเราะออกมาแล้วแต่ยิ้มไม่ออกเพราะเรื่องนี้มันชวนให้เครียดมากกว่าน่าอภิรมย์

“กล้าดีนี่ที่ยังดันทุรังบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ต่อไป เอาละ…ฉันจะกักตัวเธอไว้ที่นี่ชั่วคราวเพื่อให้พรรคพวกของเธอโผล่หางออกมาให้เห็น”

“จะให้ฉันเป็นนกต่อสินะ แต่ขอบอกไว้เลยว่าอาจารย์ไม่มีวันสมปรารถนา” เธอบอกเสียงเฉียบ ขณะที่เขาก้มลงจับคางเธอบังคับให้สานสบกับนัยน์ตาดุดัน

“ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาต เธอจะไม่มีวันได้รับอิสระ… แม่นกน้อย” พูดจบก็ฉกฉวยโอกาสช่วงที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว จูบเรียวปากอิ่มเน้นหนักบังคับให้เธอเผยอเรียวปากออก…จากนั้นก็เข้าแทรกแซงด้วยปลายลิ้นที่ชำนาญทาง เกี่ยวกระหวัดชิวหานุ่มอย่าง เร่าร้อน

มินชยาตัวชา เพราะไม่เคยจูบกับใครมาก่อน จะด้วยพิษไข้หรือสัญชาตญาณสาวกันหนอที่ทำให้เธอตัวร้อนระอุดั่งอยู่กลางเพลิงผลาญ สติที่ยังพอมีสั่งให้เธอเบือนหน้าหนี ทว่าหัวใจเจ้ากรรมกลับอิ่มเอมในรสจุมพิตของผู้ชายที่เคยผลักไสเธอในอดีต

ชายหนุ่มหรี่ตาลง ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น หน้าคมแดงระเรื่อ…ไม่ได้การละ จากเดิมทีคิดเพียงอยากกลั่นแกล้ง ทว่าไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นฝ่ายอ่อนไหวจะเป็นเขาเสียเอง…

“นกน้อย…เธอน่ะนังมารร้าย” เขาพึมพำเมื่อขยับถอยห่างเธอหลายก้าว ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความสับสน หากนาทีต่อมา เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้ม “ผู้หญิงอย่างเธอ…ฉันคงไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะ…” เขากวาดตามองเธออย่างหมิ่นแคลน “ผู้หญิงสวยๆอย่างเธอ อีกทั้งยังร้ายกาจ มีหรือจะยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ แค่เสียจูบให้ฉันสักที สองที มันคงไม่สึกหรอไปมากกว่านี้หรอกน่ะ”

“หยาบคาย” เธอต่อว่าเขาด้วยเสียงแหบแห้ง หน้ายังคงแดงก่ำไม่จางหาย ทั้งอาย ทั้งหงุดหงิด และที่สำคัญ…เธอโกรธตัวเองที่ดันไปหวั่นไหวกับคนผู้ชายกักขฬะเช่นเขา !

“ใช่ ฉันยอมรับว่าหยาบคาย แต่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำกับหลานของฉัน จำไว้นะแม่นกน้อย หากน้องไปรเป็นอะไรไป เธอต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก” พูดจบก็หุนหันเดินจากไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ทิ้งให้หญิงสาวนอนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการจุก…จุกที่โดนเขาปาวาจาร้ายกาจใส่หน้า เจ็บใจที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแก้ต่างว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำร้ายเด็กคนนั้น

มินชยานอนมองเพดานห้องนิ่งนาน…นานจนแทบจะหลับ แต่ก็หลับไม่ลงเพราะเมื่อยตัวอย่างบอกไม่ถูก โชคดีที่เขาใช้ผ้ามัดเธอไว้ หากเป็นเชือกละก็…ป่านนี้ผิวของเธอคงแดงระบมไปหมดแล้ว

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกำไลที่กระทบกัน กรุ๊งกริ๊ง… เธอหลุบตามองไปทางปลายเตียงซึ่งอยู่ตรงกับประตูพอดี เห็นผู้หญิงวัยกลางคนเดินโหย่งปลายเท้าเข้ามาด้วยท่าทางเริงรื่น…ไม่สิ เธอคิดว่าร่าเริงเกินไปด้วยซ้ำจนดูเหมือนคนสมองไม่ปกติ

“จ๊ะเอ๋…ตัวชื่ออะไรเอ่ย ? ” ถามด้วยเสียงที่ดัดจนแหลมสูงเพื่อให้ฟังดูแอบแบ๊วตามเทรนด์เกาหลี ทว่าสำหรับเธอแล้วกลับรู้สึกขนลุกมากกว่าจะชื่นชม

“อะ เอ่อ…ชื่อมินชยาค่ะ เรียกมิ้นก็ได้ แล้วคุณละคะ”

“ฉานหรอ

…” เลิกคิ้วสูง หมุนกายสามตลบ สีหน้ายังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะเริ่มรำ…รำให้ดูชดช้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เต่ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป