บทที่ 10 10
“แล้วผมจะมานอนคร่อมคุณทำไมใช่มั๊ย...ก็คุณเล่นนอนคนเดียวเสียเต็มเตียงแล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมก็ต้องนอนบนตัวคุณน่ะสิ” เขาพูดดักคอหน้าเฉยเล่นเอาใบหน้าเธอร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม
“อ๊ากกกก ตายซะเถอะไอ้ทะลึ่งงงงง” หญิงสาวร้องลั่นก่อนจะโผนขึ้นนั่งคร่อมตัวชายหนุ่มแล้วกระชากคอเสื้อเขาเขย่าไปมาอย่างลืมตัว
“ร้อนแรงจัง คุณจะเป็นฝ่ายรุกเหรอครับ” คำพูดกรุ้มกริ่มของเขาเล่นเอาหญิงสาวชะงักมือที่กำลังเขย่าเขาอยู่ทันที เริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอนั่งบนตัวเขาด้วยท่าหวาดเสียวขนาดไหน
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้วรัศยารีบลุกออกไปเปิดประตูด้วยตัวเองทันที อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกขัดเขินผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้นด้วยกระมัง
แอ๊ดดดด
ทันทีที่ประตูเปิดออก หน้าเย็นชาของนัฐวีร์ก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาเธอทันที
“มีอะไร” หญิงสาวถามเสียงห้วน ลอบมองเด็กหนุ่มในชุดนอนแขนยาวขายาวลายทางด้วยสายตาที่อดจะชื่นชมไม่ได้ 'แต่งตัวแบบนี้ หมอนี่ก็ดูดีไปอีกแบบหนึ่ง'
“ช่วยเงียบๆเสียงหน่อย คนห้องข้างๆอย่างผมหลับไม่ลง” นัฐวีร์พูดเสียงเข้ม สายตาคมกริบมองเลยหญิงสาวไปจับจ้องที่พี่ชายเพียงคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียงในห้องก่อนจะวกสายตากลับมามองที่หญิงสาวเหมือนเดิม
“จะทำอะไรกันก็เบาๆหน่อย...ซาดิสต์เป็นบ้า” นัฐวีร์พูดต่ออีกประโยคหนึ่ง เป็นคำพูดที่ทำให้หญิงสาวแทบอยากจะร้องกรี๊ดให้ลั่น แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิด เด็กหนุ่มก็ดันประตูปิดลงเสียก่อนทำให้เธอต้องอ้าปากค้างอย่างอึดอัดใจ ทำอะไรไม่ถูก
“เห็นฤทธิ์น้องชายตัวแสบของผมหรือยังครับคุณเมีย” เขาถามพลางเปิดรอยยิ้มกว้าง
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ” วรัศยาว่าเสียงเขียวก่อนจะเดินไปดึงผ้าห่มนวมผืนใหญ่ลงมาปูพื้นข้างล่าง
“คุณจะทำอะไร” เขาถามพลางขมวดคิ้วมุ่น มองตามร่างเล็กๆที่กำลังจัดแจงปูผ้าด้วยท่าทางสงสัย
“ฉันจะนอนข้างล่าง” เธอตอบเสียงเรียบพลางคว้าหมอนมาวางบนผ้านวม
“คุณต้องมานอนกับผมสิ” เขาเริ่มงอแงคล้ายๆเด็กที่ไม่ได้ดังใจ ทำให้เธอต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณสัญญาว่าจะให้อิสระฉัน เพราะฉะนั้นคุณห้ามบังคับฉันในเรื่องนี้โดยเด็ดขาด” ได้ยินเสียงเด็ดขาดของหญิงสาวแล้ว ธีรภัทรก็หน้าสลดลงทันที
“ตามใจ” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะโยนผ้าห่มผืนเล็กอีกผืนหนึ่งให้หญิงสาว แล้วเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงทันที
วรัศยาถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าขึ้นมาคลุมจนถึงอก ท่ามกลางความเงียบและความมืด ทำให้เธออดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนห้องเดียวกับผู้ชายที่ไม่ได้มีความผูกพันกันทางสายเลือด แล้วเธอก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไม...เธอถึงรู้สึกดีกับผู้ชายเจ้าชู้และเป็นตัวอันตรายสำหรับสาวพรหมจารีย์อย่างเขาด้วย...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
แสงแดดอ่อนๆลอดเข้ามาทางหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มเข้าพอดี ธีรภัทรหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งพลางยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วบิดตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบ
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง
“ธีร์ตื่นหรือยังลูก” เสียงของคุณดาวรายดังขึ้นทำให้ธีรภัทรตาสว่างเต็มที่ทันที
“ตื่นๆยัยขี้เซา ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ” ชายหนุ่มกระโจนลงจากเตียงมาเขย่าตัวหญิงสาวที่นอนขดตัวกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบางราวกับเป็นดักแด้
“อืมมม แม่คะ ขอหนูนอนต่ออีกนิดนึง” หญิงสาวพูดงึมงำแล้วปัดมือชายหนุ่มออกไปจากตัว
“ผมไม่ใช่แม่คุณโว๊ยยยยย” เขากระซิบลอดไรฟันด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถตะโกนโวยวายออกมาได้เต็มที่เพราะเกรงว่ามารดาที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน
“งั้นแม่เปิดประตูเข้าไปเลยนะ”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะส่งเสียงทัดทานออกไป คุณดาวรายก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน และมันก็ไม่มีวิธีที่ดีที่สุดแล้วนอกจาก.....
“ว้าย ทำอะไรกันยะ บัดสีบัดเถลิง” คุณดาวรายส่งเสียงวี๊ดว้ายออกมาด้วยท่าทางตกใจเมื่อเห็นลูกชายตัวเองนอนทับอยู่บนตัวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอยู่บนพื้นห้องที่มีผ้านวมที่ปูพื้นไว้ยับย่นราวกับว่าผ่านสมรภูมิเดือดมา
“โธ่ แม่อ่ะ ตื่นเช้ามา ผมว่าจะกุ๊กกิ๊กกับเมียต่อจากเมื่อคืนเสียหน่อย เฮ้อ” ชายหนุ่มตีหน้าเศร้าก่อนจะค่อยๆลุกออกจากตัวของวรัศยาโดยไม่ทันสังเกตว่ามีดวงตาเขียวๆของใครคู่หนึ่งลืมขึ้นมามองเขาอย่างโกรธจัด
