บทที่ 2 2
“ถ้าผมไม่มีธุระกับคุณ ผมจะบุกรุกที่พักของคุณทำไมล่ะครับ แล้วผมจะหาโอกาสพบคุณได้ง่ายๆเสียที่ไหนกัน” ธีรภัทรพูดเสียงเรียบ ดวงตาสีสนิมเหล็กคมกล้า ปรอยลงอย่างแสนเสียดาย เมื่อเจ้าของร่างน้อยที่เขาพึงใจ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ด้วยความหวงตัว
“คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันให้เวลาคุณ5นาที” วรัศยาถอยหลังไปยืนห่างจากเขาอีกหลายก้าวด้วยความหวาดระแวง ซึ่งชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ถึงความไม่ไว้วางใจของหญิงสาว
“ครับๆ คือว่าผมชื่อว่าธีรภัทร เรียกว่าธีร์ก็ได้ครับ แล้วคุณชื่ออะไรเหรอ” หน้ายิ้มๆของเขาค่อยๆหุบลงอย่างช้าๆ เมื่อเห็นสายตาขุ่นขวางของหญิงสาว
“ถ้าคุณยังมัวมาถามอะไรไร้สาระแบบนี้ คุณลงไปจากบ้านพักฉันเลยดีกว่า” เธอพูดเสียงเย็น
“เอ่อ ก็ได้ครับ คือว่าผมมีเรื่องจะขอร้องคุณ”
“ขอร้องฉัน?” วรัศยาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“ใช่ครับ ผมอยากว่าจ้างคุณให้มาเป็นภรรยาในนามของผม” ธีรภัทรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ติดจะเครียดๆเสียด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมฉันต้องทำ” หญิงสาวทำตาขวาง ก่อนจะโบกมือไล่เขาออกไปอย่างหงุดหงิด
“เชิญคุณลงไปได้แล้ว ฉันไม่สนใจข้อเสนอของคุณหรอก”
“เดี๋ยวสิครับ ยังไม่ถึง5นาทีเลยนะครับ คือ ผมจะให้ค่าจ้างคุณ3หมื่น ไม่รวมเงินเดือนที่คุณจะได้รับทุกเดือนด้วย”
“คุณจะมาหลอกให้ข้อเสนองานสบายๆให้ฉันหรือไง คุณมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”
“โธ่ คุณครับ ไว้ใจผมหน่อยเถอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงออด ดวงตาพราวแพรวแบบคนเจ้าชู้เชื่อมหวานจนคนมองอดใจสั่นไม่ได้
“ฉันไม่ไว้ใจคุณ” เธอเชิดหน้าขึ้นสูง ภาพที่ชายหนุ่มจุมพิตดูดดื่มกับสาวสวยกลางที่โล่งแจ้งยังติดตาเธอไม่หาย
“ผมเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องแบบเรียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” พูดจบเขาก็หยิบกระดาษใบเล็กๆออกจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้หญิงสาว
“นี่เป็นบัตรประชาชนของผม”
หญิงสาวรับมาก่อนจะเบิกตากว้างอีกรอบหนึ่ง
“ธีรภัทร ธนอดิทรัพย์” ใครบ้างจะไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อธีรภัทร ธนอดิทรัพย์ ที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่กิจการกำลังรุดหน้าประสบผลสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อคนนี้
“คุณจะตกลงมั๊ยครับ? ผมจ่ายให้คุณเดือนละ3หมื่น”
“3หมื่น” เธอเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงกับจำนวนตัวเลข ที่เธอนั่งแต่งนิยายทั้งเดือนก็ยังไม่ได้ถึงขั้นนี้เลย
“ใช่ครับ 3หมื่น” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงอย่างเป็นต่อ ดวงตาคมหรี่ลงมองร่างบางตรงหน้าอย่างพอใจที่เห็นท่าทางลังเลของหญิงสาว
“ฉันไม่ตกลง” วรัศยาพูดเสียงแข็งก่อนจะยื่นบัตรประชาชนคืนชายหนุ่ม เธอไม่ปรารถนาที่จะทำตามความต้องการเอาแต่ได้ของเขาโดยการแลกกับจำนวนเงิน3หมื่นเช่นนี้
“กลับไปเถอะค่ะ คุณไปหาคนใหม่จะดีกว่านะ” เธอพูดทิ้งท้าย พลางหมุนร่างก้าวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่ม ซึ่งธีรภัทรก็ยืนนิ่งเงียบโดยไม่คิดจะรั้งเธอไว้อีก
มือใหญ่ยกขึ้นลูบต้นคอตัวเองพลางถอนหายใจเบาๆอย่างเสียดายแล้วหันหลังเดินลงไปจากบ้านพักหลังเล็กๆของเธอ...
'อีตาบ้าเอ้ย อยู่ดีๆก็จะมาจ้างให้ฉันไปเป็นเมีย ฉันไม่ใช่เมียเช่าของใครนะ ทำแบบนี้เป็นการดูถูกกันชัดๆ' วรัศยาคิดในใจอย่างหงุดหงิด พร้อมกับขยำกระดาษอีกใบขว้างลงยังตะกร้าขยะ
“โอ๊ยยยย หงุดหงิด แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะแต่งนิยายจบเนี่ย อุตส่าห์มาแต่งที่ทะเลจะได้มีบรรยากาศดีๆแต่งลื่นไหล ที่ไหนได้....ดันมาเจออีตานั่นทำให้อารมณ์เสียซะได้” วรัศยาพูดพึมพำอย่างหงุดหงิดก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวรับโทรศัพท์เสียงใส ก่อนที่ใบหน้างามจะเริ่มเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
/ส่งเงินมาให้แม่หน่อย/
“อะไรนะคะแม่ ก็หนูเพิ่งให้เงินแม่ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่นา”
/เงินแค่5พัน จะใช้ได้สักกี่วันกันเชียว ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกต้องส่งเงินมาให้แม่ ไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับบ้านมาให้แม่เห็นหน้าอีก ลูกเนรคุณ ฉันไม่อยากเจอ/ พูดจบนางวันนาผู้เป็นมารดาก็กดตัดสายไปทันทีอย่างหงุดหงิดในขณะที่วรัศยาค่อยๆวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง
แค่อาชีพนักเขียนนิยาย ก็ทำให้เธอมีฐานะแค่พอกินพอใช้เท่านั้น และในตอนนี้นิยายเธอก็ยังแต่งไม่จบ แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนส่งไปให้แม่
คำว่า'เนรคุณ'ที่แม่ใช้กับเธอทำให้น้ำตาของวรัศยาค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มนวลอย่างช้าๆ มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ ดวงตาที่ฉายแววเหนื่อยใจและท้อแท้กลับมามีประกายตาแห่งความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งอีกครั้ง
เธอจะไม่ยอมเป็นลูกเนรคุณในสายตาของแม่เด็ดขาด เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา...
“ ผมอยากว่าจ้างคุณให้มาเป็นภรรยาในนามของผม” คำพูดของธีรภัทรลอยเข้ามาในหัวทำให้วรัศยาเปิดรอยยิ้มออกมาอย่างหมายมาด
เธอจะต้องรับงานชิ้นนี้เพื่อ....เงิน!!
