บทที่ 5 5
“คุณสามีขากลับกรุงเทพกันเถอะค่ะ แล้วฉันก็ขอสั่งนะคะว่า ห้ามคุณมาหาเศษหาเลยกับคนอื่นอีก” วรัศยาเน้นหนักที่คำว่าคนอื่น แต่อรันยาไม่ทันได้ใส่ใจฟังเพราะกำลังหูอื้ออึงกับคำที่วรัศยาเรียกธีรภัทรว่าสามี
ช่วงเวลาที่อรันยากำลังตะลึงด้วยความคาดไม่ถึงอยู่นั้น วรัศยาก็รีบผลักธีรภัทรเข้าไปในรถเก๋งก่อนจะเดินอ้อมรถไปขึ้นนั่งเคียงข้าง
“เอ่อ...ผมไปก่อนนะลุงเอก” ชายหนุ่มเลื่อนกระจกลงพร้อมโผล่หน้าไปร่ำลาพ่อบ้านที่ยืนนิ่งฟังอยู่นาน
“ครับ” นายเอกยิ้มโชว์ฟันหน้าที่หายไป แต่ดวงตาฝ้าฟางกลับมองเลยไปทางวรัศยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆเจ้านายหนุ่ม
ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าผู้หญิงท่าทางบ้านนอกคนนี้จะเป็นภรรยาของธีรภัทร
นายเอกส่ายหัวไปมาอย่างปลงตกแต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า
เฮ้อ สงสัยโลกจะแตกเสียแล้วกระมัง โลกถึงได้ดูกลับตาลปัตรไปหมดเสียอย่างนี้
“ไปก่อนนะครับรันย่า” ธีรภัทรพูดกับอรันยาสั้นๆก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วเคลื่อนรถออกไป
“อ๊ายยย ธีร์ ธีร์คะ กลับมาก่อน มาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ” อรันยาที่เพิ่งรู้สึกตัวกรีดร้องตามหลังรถยนต์รุ่นล่าสุดพลางกระทืบเท้าไปด้วยอย่างหงุดหงิด ส่วนนายเอกนั้นก็ได้หันหลังเดินกลับเข้าไปทำความสะอาดภายในบ้านพักตามหน้าที่ของเขาตามเดิมโดยไม่คิดจะหันมาให้ความสนใจกับท่าทางเสียสติของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“เก่งนี่” เขาเปิดปากพูดขึ้นหลังจากที่พากันนั่งเงียบในรถมานานพอสมควร
“นี่ฉันต้องมาทำงานปัญญาอ่อนแบบนี้เหรอเนี่ย” วรัศยาบ่นพึมพำ
“ในเมื่อคุณตัดสินใจจะรับงานแล้วก็อย่าบ่นสิ ถอดแว่นออกด้วย” เขาสั่งทั้งๆที่สายตายังจับจ้องมองอยู่ที่ถนนไม่ได้หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ถอด อย่ามาบังคับฉันนะ” หญิงสาวแหวเสียงเขียว
“ไม่ถอดเหรอ งั้นเจอจูบ” เขาพูดเสียงเรียบแต่วรัศยากลับเบิ่งตากว้างอย่างตกใจ
“ไหนคุณสัญญากับฉันไปแล้วไง จะมากลับคำงั้นเหรอ”
“ผมแค่จูบ ไม่ได้ข่มขืน เพราะฉะนั้น...ผมไม่ได้ทำผิดข้อตกลง”
“แต่คุณบอกว่าจะให้อิสระกับฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะแต่งตัวยังไงมันก็เรื่องของฉัน” เธอเชิดหน้าพูดขึ้น ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงปรายตามามองเพียงแว่บเดียวก่อนจะเมินไป
“ผมให้อิสระคุณ แต่งานที่คุณทำคือการทำตัวเป็นเมียผม แล้วเมียผมจะมาแต่งตัวเป็นคุณป้าบ้านนอกแบบนี้ได้ยังไง”
“ไม่รู้ล่ะ” วรัศยาสะบัดหน้าไปอีกทาง พลางยืนยันเสียงแข็ง “ยังไงฉันก็ไม่ถอด”
“โอเค...ที่ไม่อยากถอดเพราะอยากเจอผมจูบหรือไง งั้นเดี๋ยวผมจะจัดให้” รอยยิ้มแปลกๆผุดขึ้นที่มุมปากของธีรภัทรก่อนที่เขาจะหยุดรถลงเมื่อถึงสัญญาณไฟจราจรพอดี
และยังไม่ทันที่วรัศยาจะทันตั้งตัว มือแข็งแรงก็กระชากร่างบางเข้ามาหาก่อนที่ริมฝีปากกระด้างจะกระแทกลงมาปิดเรียวปากนุ่มอย่างรุนแรง มือสากเลื่อนขึ้นมาประคองท้ายทอยหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นร้อนๆเข้ามาตวัดเกี่ยวกับลิ้นอ่อนนุ่มในโพรงปาก
“อื้อ” ชายหนุ่มครางในลำคอเมื่อความรู้สึกที่แค่อยากแกล้งหญิงสาวเริ่มเปลี่ยนเป็นความปรารถนา ความร้อนเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวจนชายหนุ่มอยากทำมากกว่าจูบ
หน้าอกอวบที่แนบชิดกับแผงอกแกร่งสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจจนเขาแทบอดใจไม่ไหว อยากจะเอามือไปสัมผัสและคลึงเคล้น
ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงกะโปโลเชยๆอย่างเธอจะทำให้เขาแทบคลั่งได้ด้วยจูบเพียงจูบเดียวเท่านั้น
“อื้อออ” หญิงสาวที่เริ่มเคลิ้มไปกับความรู้สึกแปลกใหม่เริ่มได้สติ มือเล็กๆพยายามผลักเขาให้ออกห่าง ในขณะที่ชายหนุ่มถอนปากออกแล้วค่อยๆไล้ริมฝีปากลงไปตามลำคอระหง
อารมณ์ของเขาคงเตลิดไปไกลกว่านี้เป็นแน่ถ้าหากว่า.....
ถ้าหากว่าเขี้ยวเล็กๆของวรัศยาจะไม่ฝังลงบนใบหูของเขา
“โอ๊ยยย” ธีรภัทรร้องลั่นรีบผละออกจากการซุกไซร้ซอกคอของเธอทันที
“ยัยบ้า” ยังไม่ทันที่เขาจะจัดการลงโทษอะไรเธอ เสียงแตรจากรถคันข้างหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาจำใจต้องขับรถต่อไปในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ลูบใบหูแดงก่ำของตัวเองไปด้วย
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ยัยบ้า” ชายหนุ่มพูดคาดโทษเธอเสียงเบาเพราะยังไม่หายปวดหูที่เห็นเป็นรอยฟันอย่างชัดเจน
“คุณมันคนฉวยโอกาส” น้ำตาของวรัศยาเอ่อคลอดวงตาคู่สวยก่อนที่หญิงสาวจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่น้ำตาแห่งความอ่อนแอออกไป เธอจะต้องเข้มแข็ง...
วรัศยาพิงพนักที่นั่งแล้วเบือนหน้ามองข้างทางโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับชายหนุ่มอีกเลย ในใจเริ่มวิตกว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจนั้นมันถูกหรือเปล่า เธอคิดผิดมั๊ยที่รับปากจะทำงานให้เขา
...อนาคตยังอีกไกล แล้วเธอก็ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าของเธอจะเป็นยังไง.....
