บทที่ 17 Chapter17
“ขอบใจมากนะที่บอกเรื่องนี้กับฉัน” เถ้าแก่สันต์บอกชุติมา “ตอนนี้หนูออกไปข้างนอกก่อนนะ ฉันอยากคุยกันแค่สี่คน” ชุติมาเดินออกจากห้องนั่งเล่นแต่โดยดี เถ้าแก่สันต์เดินไปยังประตูห้องแล้วจัดการล็อคมัน ราวกับว่าไม่อยากให้ใครเข้ามาในห้องนี้ “ฉันรู้แล้วนะว่า จะทำยังไงไม่ให้ลูกของเราทะเลาะกัน แล้วเป็นไปตามที่เราต้องการ”
“ยังไงเถ้าแก่” ปานวาดถามสามี เถ้าแก่สันต์ยิ้มก่อนตอบ
“ก็วิธีนี้ไง...” สามคนที่นั่งอยู่ในห้องอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเถ้าแก่สันต์จะใช้วิธีนี้ “มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ลูกของเราไม่ทะเลาะกันหรือตบตีกันตาย หรือว่ามีใครมีวิธีที่ดีกว่านี้ล่ะ”
สามคนก็พากันเงียบ มองหน้าเถ้าแก่สันต์เป็นตาเดียว
“ไม่มี” ปานวาดคิดไม่ออก ตอบออกไปตรงๆ
“ถ้าไม่มีก็วิธีนี้แหละ ดีสุดแล้ว” เจ้าของแผนสรุป
“อืม ฉันเห็นด้วยกับเถ้าแก่” พจน์ตรองดูแล้วก็ไม่มีวิธีไหนดีเท่านี้ “ว่าแต่เถ้าแก่จะหาที่ว่าได้ยังไง”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เถ้าแก่สันต์ซะอย่าง เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋ว” เถ้าแก่สันต์กระหยิ่มยิ้ม “แต่พวกเราต้องช่วยกันนะ อย่าให้ลูกของเราผิดสังเกต เดี๋ยวแผนจะพัง”
ทั้งสามรับคำ ก่อนที่การสนทนาจะหยุดลงเพียงแค่นี้ พจน์กับสายหยุดเดินทางกลับบ้านทันที ส่วนเถ้าแก่สันต์รีบโทรศัพท์หาใครบางคนเพื่อจะได้ในของที่ต้องการ
ชุติมาขับรถไปหันมองหน้าพจน์ที่นั่งหน้านิ่งมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไม่สนใจอะไร สายหยุดหยิบเสื้อผ้าที่ปานวาดซื้อมาให้ขึ้นมาดู แล้วยิ้มกับเสื้อผ้าสวยๆ ราคาแพงที่ตัวเองไม่มีปัญญาซื้อ
“ลุงพจน์ หนูถามอะไรหน่อยสิ” ชุติมากลั้นความอยากรู้ไว้ไม่ไหว
“เอ็งจะถามไรก็ถามมาสิ”
“เถ้าแก่ยกเลิกเรื่องพรุ่งนี้ไหม” พจน์หันมองหน้าคนถาม
“ถ้ายกเลิกที่ดินทั้งหมดเถ้าแก่ก็จะยึด รวมทั้งที่ดินแม่เอ็งด้วย”
“แล้วลุงกับป้าไม่กลัวพี่แพรกับนายหัวสิงห์ฆ่ากันตายเหรอ ลุงก็รู้นิสัยลูกตัวเองนะว่าเป็นไง”
“เอาน่า เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”
“ลุงจะทำไงล่ะ บอกหน่อยดิ”
“ก็คงต้องคุยกันแพรดีๆ ขอความร่วมมือหน่อย เพราะไม่อย่างนั้นเราไม่ได้ที่ดินคืนแน่” พจน์เสียงเศร้า “แต่ข้าก็เข้าใจแพรนะว่ารู้สึกยังไง แต่ทำไงได้ล่ะ เรื่องมันถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าแพรไม่ยอมเป็นเมียนายหัวสิงห์ เถ้าแก่ก็ไม่คืนที่ดินให้ ทุกอย่างเป็นโมฆะ”
“มันก็จริงอ่ะนะ เงินตั้งสิบล้านถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงใครจะยอม” ชุติมาเห็นด้วย “ลุงก็พูดกับพี่แพรดีๆ ล่ะ รายนั้นน่ะของขึ้นง่ายซะด้วย”
“แต่มันคงไม่กล้าขึ้นกับพ่อแม่หรอก ถ้าขึ้นมาเมื่อไหร่แม่จะฟันหัวเบะ” สายหยุดพูดขึ้น “เรื่องที่เอ็งบอกพวกข้า เอ็งอย่าให้แพรรู้เด็ดขาด แล้วอย่าบอกเรื่องที่มันเจอนายหัวสิงห์ด้วย ข้าไม่อยากแก้ปัญหาเยอะ แค่นี้ก็ปวดกบาลจะแย่แล้ว”
“จ้ะป้า ฉันไม่บอกจ้ะ” ชุติมารับคำเสร็จก็ทำหน้าที่ขับรถต่อไปจนถึงจุดหมาย
กัญญาภรณ์กลับมาบ้านเกือบหนึ่งทุ่ม วันนี้ตลอดทั้งวันเธอยุ่งกับเรื่องของรุ่งทิวา เธอออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงเช้าขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่รุ่งทิวาพักที่อยู่ในตัวเมืองจังหวัดกระบี่ เมื่อรับเพื่อนเสร็จก็ไปรับอีกคนหนึ่งต่อ คนนั้นคือธีรยุทธ์ที่พักอยู่อีกโรงแรมหนึ่งใกล้ๆ จากนั้นก็พาทั้งคู่ไปที่ว่าการอำเภอเมืองกระบี่เพื่อทำการหย่า
คราแรกธีรยุทธ์ทำอิดออดไม่ยอมหย่า แต่รุ่งทิวาเสียงแข็งว่าจะหย่า แล้วถ้าหากธีรยุทธ์ไม่หย่าแต่โดยดี เธอจะฟ้องหย่าและมีความเชื่อมั่นว่า เธอต้องชนะแน่นอน เนื่องจากมีหลักฐานว่าธีรยุทธ์นอกใจ และจะฟ้องหวานในฐานะชู้ของธีรยุทธ์ด้วย
ธีรยุทธ์คิดหนักเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงศาล เป็นเพราะกลัวว่าจะต้องเสียเงินให้รุ่งทิวา อีกทั้งยังกลัวว่าตนเองจะเดือดร้อน เนื่องจากหวานเป็นหลานคนใหญ่คนโตในจังหวัดกระบี่ คงไม่ปล่อยให้ใครมากล่าวหาว่าเป็นเมียน้อยง่ายๆ แน่ เรื่องมันก็จะบานปลายไปกันใหญ่ เขากลัวเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข จึงตอบตกลงหย่ากับรุ่งทิวา
หลังจากรุ่งทิวาได้ใบหย่ามาอยู่ในมือ กัญญาภรณ์พ้เพื่อนรักไปฉลองความโสดโดยพาไปไหว้พระทำบุญเป็นสิริมงคลกับตัวเองรวมทั้งหมดสี่วัน จากนั้นก็มาสนามบินเพื่อส่งรุ่งทิวาขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ ส่งเพื่อนรักขึ้นเครื่องเสร็จ กัญญาภรณ์ก็เดินทางกลับบ้าน
“กลับมาซะค่ำเลยนะ รออยู่ตั้งนาน” พจน์ทักกัญญาภรณ์ที่เดินเข้ามาในบ้าน
“พ่อมีเรื่องจะคุยกับหนูเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ” พจน์ตอบลูกสาวที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ “พรุ่งนี้เอ็งต้องไปเป็นเมียนายหัวสิงห์แล้วนะ เอ็งทำตัวให้มันดีๆ ล่ะอย่าไปขัดใจนายหัวสิงห์ เอ็งอย่าลืมนะว่า เรายังไม่ได้โฉนดที่ดินคืน เพราะงั้นเอ็งต้องทำตัวดีๆ รู้ไหม ทำตามเงื่อนไขของเถ้าแก่ให้ครบด้วย”
พจน์บอกในเรื่องที่รู้ดีว่า กัญญาภรณ์ไม่มีทางปฏิบัติตาม
“เงื่อนไข เงื่อนไขอะไร” กัญญาภรณ์ได้ยินแล้ว ใจไม่ดีเลย
“เถ้าแก่สันต์บอกพ่อวันนี้ว่า เราจะได้โฉนดที่ดินหลังจากที่แกมีลูกกับนายหัวสิงห์ นอกจากจะได้โฉนดที่ดินคืนแล้ว เถ้าแก่จะให้เงินเอ็งสองล้านด้วย”
“มีลูกงั้นหรอพ่อ” คนเป็นลูกถามเสียงหลง สีหน้าตกใจ
