บทที่ 19 Chapter19

สิงหานาทยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง เขาไม่คิดว่าจะตะลึงว่าที่เมียสักนิดเดียว ผู้หญิงสวยๆ ระดับนางเอกและนางงาม เขายังไม่ตะลึงเลย นับประสาอะไรกับผู้หญิงบ้านๆ

“นั่นไงมาแล้ว แกเตรียมตัวตะลึงได้เลย”

สิงหนาทมองไปยังประตูบ้านที่ตอนนี้มีคนสามคนเดินเข้ามา สองคนที่เดินนำหน้าไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่า สตรีในชุดทะมัดทะแมงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนทรงเดฟ เขามองหน้าผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียลับด้วยความตกใจ สายตาตื่นตะลึง ที่ว่าตะลึงไม่ใช่เพราะความสวย เป็นความตะลึงที่ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้ต่างหาก ผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเมียเขา

‘โอ้...ไม่นะ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ’

ไม่เพียงแค่สิงหนาทที่ตะลึง กัญญาภรณ์มีอาการไม่ต่างกัน เธอจำหน้าผู้ชายที่อยู่ในผับคืนก่อนได้ดี หน้าตาเหมือนคนนี้ไม่ผิดเพี้ยน แถมเขายังมองหน้าตนแบบไม่เคลื่อนสายตา

‘อย่าบอกนะว่า ผู้ชายคนนี้คือนายหัวสิงห์…ตายแล้ว น่าอายชะมัด’

กัญญาภรณ์คิดในใจ แล้วทำให้นึกถึงคำพูดของตนที่ประกาศในวันนั้นว่า ตนคือเมียนายหัวสิงห์ นึกแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาทันใดเพราะคืนนั้นเธอพูดต่อหน้าเขาและเพื่อนๆ ไปเต็มเสียง ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดขัดหรือทำให้ตนหน้าแหก กลับปล่อยให้เธออ้างว่าเป็นเมียตามอำเภอใจ เรื่องรูปร่างหน้าของของนายหัวสิงห์ในความคิดของเธอนั้น มันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งคิดก็ยิ่งอายตัวเอง

“เธอ...”

“คุณ...”

“อ้าว รู้จักกันเหรอ” เถ้าแก่สันต์ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ทั้งสองเคยเจอกันในผับทักขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกชายกับกัญญภรณ์ทักกัน สายตาของทั้งสองมีความตกใจจนเถ้าแก่สันต์สังเกตเห็น

“อ๋อ ไม่ครับ ไม่รู้จักกันครับ” สิงหนาทรีบตอบบิดา เขาตอบออกไปแบบนี้ก็ไม่ผิด เป็นเพราะสิงหนาทไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของว่าที่เมียจริง เขาเพียงแค่เห็นหน้าและวีรกรรมเกินหญิงของเธอแค่นั้น

“ใช่ค่ะ เราสองคนไม่รู้จักกันค่ะเถ้าแก่” กัญญาภรณ์พูดสมทบ

“แต่ตอนนี้คงต้องรู้จักกันแล้วแหละ หนูแพรไปนั่งตรงนั้นนะ” เถ้าแก่สันต์ชี้ไปทางที่นั่งข้างสิงหนาท กัญญาภรณ์ยิ้มแห้งทรุดกายนั่งตามคำสั่งเจ้าหนี้ “พ่อจะแนะนำให้เราสองคนรู้จักกันนะ”

เถ้าแก่สันต์แนะนำตัวให้ลูกชายกับกัญญาภรณ์รู้จักกัน คนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการทำหน้าปั้นยาก กัญญาภรณ์หันมายิ้มเจื่อนให้ว่าที่สามีที่ยิ้มบางส่งให้

วินาทีที่เขาและเธอมองหน้ากัน เหตุการณ์ในผับก็วาบเข้ามาในหัว ภาพกัญญาภรณ์ทั้งเตะและต่อย รวมทั้งจระเข้ฟาดหางผู้ชายได้แบบไม่ยาก ทำให้สิงหนาทรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันใด ส่วนกัญญาภรณ์เกิดความอายกับการอ้างตัวเป็นเมียนายหัวสิงห์ ทำให้เธอมองหน้าเขาไม่ติดสักเท่าไหร่

‘ทำไมโลกแม่งกลมจังวะ’ เป็นคำพูดในใจสิงหนาท

“วันนี้เป็นวันดีนะ ฉันถือฤกษ์วันนี้สู่ขอหนูแพรเลยก็แล้วกัน นี่คือสินสอดที่ฉันเตรียมไว้ให้พจน์กับสายหยุด”

เถ้าแก่สันต์เปิดผ้าสีแดงที่คลุมสินสอดออก พจน์กับสายหยุดมองทองคำแท่งกับทองคำรูปพรรณที่วางอยู่บนถาดกำมะหยี่ตาโต ก่อนเงยหน้ามองคนให้

“เถ้าแก่ให้ฉันจริงๆ เหรอ” พจน์ถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะเรื่องสินสอดไม่ได้อยู่ในแผนการ

“ให้จริงๆ สิ ฉันแยกแยะเป็นน่าอันไหนหนี้สินอันไหนที่ต้องให้ หนูแพรมาเป็นเมียลูกชายฉัน จะเอามาเฉยๆ ได้ยังไงมันก็ต้องมีค่าสินสอดด้วย” เถ้าแก่สันต์ให้เหตุผล

“ขอบคุณมากเถ้าแก่” พจน์ยกมือไหว้ขอบคุณ

“ต่อไปนี้แพรก็เป็นลูกของฉันอีกคนหนึ่ง พจน์กับสายหยุดไม่ต้องห่วงนะ ฉันดูแลแพรอย่างดี ไม่ให้ใครรังแกแน่นอน” เถ้าแก่สันต์บอกสองสามีภรรยาที่นั่งยิ้มกว้าง

“ไม่รู้ใครจะรังแกใครมากกว่า” สิงหนาทพึมพำเบาๆ แต่หูเถ้าแก่สันต์ก็ดีเหลือหลาย

“แกว่าอะไรนะสิงห์ พ่อได้ยินไม่ถนัด”

“ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ผมร้องเพลง” สิงหนาทแก้ตัว ดีที่ว่ากัญญาภรณ์ตกอยู่ในอาการใจไม่อยู่กับตัว อึ้งๆ กับการพบเจอนายหัวสิงห์ครั้งแรก เธอจึงไม่ได้ยินคำพูดของเขา

“วันนี้ฤกษ์ดี เถ้าแก่ก็อย่าไปสนใจอะไรไม่ใช่เรื่องเลยนะ” ปานวาดแก้ไขสถานการณ์ “เราไปไหว้พระทำบุญกันดีกว่านะ เสร็จแล้วก็แวะหาของกินอร่อยๆ กัน แล้วกลับมาส่งตัวสิงห์กับแพรเข้าห้องหอ”

ผู้ใหญ่ทั้งสี่พากันยิ้ม ทว่าสิงหนาทกับกัญญาภรณ์กลับยิ้มไม่ออก ทั้งสองรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนมีหลายอย่างที่จะพูดออกไปแต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่ทำตามคำพูดผู้ใหญ่ไปก่อน ทั้งหมดพากันเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอด้านนอก เพื่อไปทำบุญที่วัดตามตั้งใจ

วัดที่ทั้งหมดพากันมาทำบุญคือวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง เป็นวัดที่มีคนมากราบไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างมากในแต่ละวัน วันนี้แม้ว่าจะเป็นช่วงบ่ายแต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่แวะเวียนกันมาทำบุญ หลังจากเข้าไปไหว้พระในอุโบสถ เถ้าแก่สันต์ ปานวาด พจน์และสายหยุดไปพบพระอาจารย์ที่เคารพนับถือในกุฏิ

“ฉันขอคุยกับเธอสักสิบนาทีได้ไหม”

สิงหนาทสบโอกาสตอนที่บิดามารดาขึ้นไปบนกุฏิบอกกัญญาภรณ์ที่กำลังเดินขึ้นตามไป

“ได้สิ” กัญญาภรณ์ตอบกลับ ทั้งคู่จึงพากันมานั่งบนม้าหินใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ใกล้กุฏิ “คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ฉันอ้างว่าเป็นเมียคุณคืนนั้น”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป