บทที่ 7 Chapter 7

Chapter 7

“ไม่เคยมาเดินที่นี่หรือไง เธอถึงได้ทำหน้าตื่นเต้นขนาดนี้” เตศวรที่มองดูตาหวานอยู่เอ่ยถาม

“เคยแต่มาเข้าห้องน้ำค่ะ ไม่เคยมาเดินซื้อของ หนูไม่มีเงิน ยายนันบอกต้องประหยัด ส่วนใหญ่จะซื้อในตลาดค่ะ” ตาหวานตอบ “อันที่จริงคุณเตพาหนูไปซื้อของที่ตลาดก็ได้นะคะ มีของเยอะเลย ถูกด้วย ซื้อที่นี่คงแพง”

“มันก็ไม่ได้แพงมากอย่างที่เธอคิดหรอกนะ ดูอย่างร้านนั้นสิ ติดป้ายไว้ว่า เสื้อตัวละ 199 บาท ซื้อสองตัว 319 บาท ร้านนั้นก็เหมือนกัน ขายกางเกงตัวละ 129 บาท ถ้าซื้อสามตัวก็จะอีกราคานึง เห็นไหมว่าบางร้านเขาไม่ได้ขายแพง” เตศวรชี้ไปตามร้านที่ติดป้ายราคาไว้ “แต่ก็มีนะที่ตัวละเป็นพันเป็นหมื่นก็มี คุณภาพมันก็จะละเกรด ขึ้นอยู่กับแบรนด์นั้นๆ ด้วย”

“อ๋อค่ะ” ตาหวานทำเสียงรับรู้ “หนูไปซื้อร้านนั้นก็ได้ค่ะ ราคาไม่แพง คุณเตจะได้ไม่เปลืองเงินด้วยค่ะ”

“ฉันว่าไปดูร้านนั้นดีกว่านะ ฉันว่าเหมาะกับเธอมากกว่า”

“ร้านนั้นแพงไหมคะ ถ้าแพงมากไปหนูไม่อยากได้ หนูเสียดายเงิน” ตาหวานติดนิสัยประหยัดมาจากยายนัน หล่อนรู้ค่าของเงิน ไม่อยากสิ้นเปลืองกับเรื่องนี้มากนัก

“ฉันจ่ายได้น่า เหมาทั้งร้านยังได้” แต่สำหรับเตศวร เงินแค่นี้สบายกระเป๋าเขามาก ตาหวานไม่ทันจะพูดอะไร มือใหญ่คว้าจับมือนุ่มไว้ ก่อนกุมมือเดินไปร้านที่เขาบอกด้วยกัน ตาหวานยิ้มเขิน หลุบตามองมืออบอุ่นที่กุมมือตน ใจเต้นตึกตัก ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่เขาไม่รังเกียจเด็กบ้านนอกอย่างตน พาไปเดินเลือกซื้อของโดยไม่อายสายตาใคร

ร้านที่เตศวรพาตาหวานไปเลือกซื้อ เป็นร้านแบรนด์ดังที่ขายเสื้อผ้าสตรีโดยเฉพาะ ราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาท ตาหวานดูจะตื่นเต้นกับเสื้อผ้าสวยๆ ที่สวยกว่าตัวที่ตนใส่อยู่หลายร้อยเท่า วันนี้หล่อนใส่เสื้อยืดสีชมพูพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขายาวตัวเก่ง รองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบ ต่างกับสตรีอีกหลายคนที่เลือกซื้อเสื้อผ้า ทุกคนแต่งตัวดูดีด้วยกันทั้งนั้น แล้วแต่ละคนก็มองตาหวานด้วยสายตาดูถูก

พวกหล่อนคงคิดว่า ตนไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าที่ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาท ซึ่งมันก็จริง หล่อนเดินไปดูเสื้อผ้าตัวนี้ พอเห็นราคาก็เดินไปดูอีกตัว แต่พอเห็นราคาที่แพงกว่าตัวแรก หล่อนก็เดินไปดูเสื้อผ้าอีกตัว ที่ราคาตามป้ายใกล้เคียงกับตัวก่อนหน้า ราคาที่สูงสำหรับฐานะอย่างตาหวาน บวกกับสายตาของคนอื่น ส่งผลให้หล่อนไม่อยากได้เสื้อผ้า

“คุณเตคะ หนูว่าไปซื้อร้านอื่นดีกว่าค่ะ”

“ทำไมล่ะ” เขาถาม

“ราคามันแพงค่ะ หนูเสียดายเงิน” คำตอบนี้ถูกครึ่งหนึ่ง

“ไม่ใช่เพราะสายตาคนอื่นที่มองมาที่เธอหรอกหรือที่ทำให้อยากออกไปจากที่นี่” เตศวรลอบสังเกตดูอากัปกิริยาของตาหวานมาโดยตลอด แล้วยังเห็นสายตาของคนอื่นที่มองมาที่หล่อน ทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของตาหวาน “อย่าไปใส่ใจใครเลย เธอบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ไม่สนใจคำนินทา แล้วเธอจะไปสนใจกับสายตาคนอื่นทำไมให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ ฉันอยากจะบอกเธอว่า เธอมีค่าในตัวเอง มีค่าในสายตาของฉัน แค่นี้ก็พอแล้วนะ”

ตาหวานยืมมองคนพูดด้วยรอยยิ้ม คำพูดปลอบใจของ     เตศวรปัดเป่าความรู้สึกไม่ดีที่ติดอยู่ในใจให้หลุดออกไป จริงตามที่เขาพูด หล่อนจะสนใจกับสายคาคนอื่นทำไม ในเมื่อหล่อนมีค่าในสายตาเขา

‘โห...โคตรรู้สึกดีเลย’ จะด้วยเพราะเตศวรพูดปลอบใจตนหรือมาจากใจของเขาจริง ตาหวานก็รู้สึกดีใจกับวาจานั้น

“คุณเตคิดจริงๆ หรือคะว่า หนูมีค่าในสายตาของคุณเต” แม้ว่าจะพอใจกับคำพูดเตศวร ทว่าปากก็อดถามไม่ได้

“จริงสิ ถ้าเธอไม่มีค่าในสายตาของฉัน ฉันจะตอบตกลงคุณย่าทำไม” เตศวรตอบจากใจ “ส่วนค่าเสื้อผ้าที่เธอเห็นว่ามันแพง เธอซื้อไปเถอะ ชอบชุดไหนก็ซื้อไป ฉันพอใจที่จะจ่าย”

ตาหวานทำท่าทางลังเล เสื้อผ้าในร้านนี้สวยๆ ทั้งนั้น ซึ่งหล่อนก็อยากได้ แต่ติดที่ราคานี่แหละ เกิดมาไม่เคยซื้อเสื้อผ้าราคาเกินสี่ร้อย พอเห็นราคาตามป้าย มือไม้ถึงกับสั่น

“งั้นฉันเลือกให้เธอล่ะกัน”

เตศวรพูดจบก็เดินไปหยิบเสื้อที่แขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เขาหยิบเสื้อสีชมพูขึ้นมาดู กะขนาดตัวตาหวานด้วยสายตา ก่อนหันมามองเสื้อ จากนั้นก็เลือกเสื้อไซส์นั้นในแบบต่างๆ มาราวสิบตัว มีชุดเดรสแบบกระโปรงสั้นอีกสามตัว กางเกงอีกเจ็ดตัว แล้วเสร็จจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน

“คุณเตคะ คุณเตจะซื้อให้หนูหมดนี่จริงๆ หรือคะ หนูว่าเอาแค่สามสี่ชุดก็พอค่ะ” ตาหวานค้าน

“เอาหมดนี่แหละ เดี๋ยวไปร้านอื่นต่อ”

“ไปร้านอื่นหรือคะ พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็เยอะแล้ว”

“เอาน่า มากับป๋า ป๋าพร้อมเปย์” เตศวรพูดติดตลก ก่อนหันไปชำระเงินที่มีราคารวมกันทั้งสิ้นสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาท ตาหวานได้ยินจำนวนเงินที่ต้องจ่าย หล่อนถึงกับตกใจแต่คิดว่า ห้ามเตศวรคงไม่ทัน เพราะเขาส่งบัตรเครดิตให้พนักงานเรียบร้อย

“ขอบคุณคุณเตมากค่ะที่ซื้อเสื้อผ้าให้หนู” หล่อนยกมือไหว้

“ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่า ฉันพร้อมเปย์” เขาตอบกลับ “ไปร้านอื่นกันดีกว่า”

ตาหวานค้านไม่ได้ ได้แต่เดินคู่ชายหนุ่มรูปงามไปยังร้านอื่น ขณะที่เดินไปด้วยกันนั้น คนที่เดินผ่านไปมามักมองทั้งคู่ ที่ดูยังไงก็เหมือนอากับหลาน ที่เดินเลือกซื้อของให้หลานสาวเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ โดยที่ตาหวานไม่ได้ถือถุงสักใบ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป