บทที่ 8 Chapter 8
Chapter 8
เตศวรทำหน้าที่ป๋าเปย์ จ่ายเงินให้ ถือถุงสินค้าให้โดยไม่ปริปากบ่นว่าเหนื่อย เมื่อยหรือรำคาญที่ต้องพาตาหวานไปซื้อของ เพราะเขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จะว่าไปเตศวรไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยมีแฟนหรือจะพูดได้ว่า ไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน เขาทำตัวเหมือนหนุ่มโสดทั่วไป ซื้อผู้หญิงกิน ไม่ผูกมัด ไม่มีพันธะ ไม่ต้องแทคแคร์ ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องง้อ และอื่นๆ ที่มนุษย์แฟนต้องทำ แต่ครั้งนี้เขายอม ยอมเดินรอบห้างเพราะนั่นหมายถึง ได้อยู่ใกล้ชิดกับตาหวาน แม่พันธ์วัยใสของเขา
ตาหวานหยิบถุงกระดาษและถุงใส่ข้าวของที่เตศวรลงมาจากท้ายรถกระบะ เดิมทีเตศวรจะลงมาช่วยหยิบเข้าไปในบ้าน แต่ตาหวานเกรงใจเพราะวันนี้เขาเป็นสายเปย์มามากพอแล้ว แค่หยิบของลงจากรถคงไม่หนักหนาอะไร สบายมากสำหรับหล่อนด้วยซ้ำ
“แกไปเหมาตลาดมาหรือไงตาหวาน ถุงของถึงได้เยอะแยะอย่างนี้”
ดวงดาวที่กำลังนั่งตัดเล็บเท้าอยู่บนพื้นบ้าน มองถุงกระดาษที่มองคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่ายี่สิบใบที่หลานสาววางลงบนพื้นด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่า ตาหวานจะเลือกซื้อของมากขนาดนี้ หล่อนนึกว่าจะซื้อเสื้อผ้าไม่กี่ชุด
“คุณเตซื้อให้น่ะน้าส้ม พาหนูไปซื้อที่ห้าง หนูไม่อยากเอาคุณเตก็เลือกให้ ทั้งหมดนี้หนูไม่ได้เลือกเลย คุณเตเลือกเอง ซื้อเอง จ่ายเงินเอง หนูได้แต่ยืนมองตาปริบๆ” ตาหวานว่า
“โห สายเปย์ตัวพ่อ”
“จะเปย์มากกว่านี้อีกนะ แต่หนูบอกว่าเมื่อยขา คุณเตเลยพากลับ ไม่งั้นเดินยันห้างปิดแน่ๆ”
ดูเหมือนว่าดวงดาวจะไม่สนใจคำพูดของหลานสาว หล่อนขยับตัวมารื้อถุงดูของที่อยู่ด้านใน ดวงดาวร้องอู้ฮูเมื่อเห็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับหลายชิ้น
“นาฬิกาสวยจัง สร้อยก็ด้วย เสื้อผ้าอีกยี่ห้อดีๆ ทั้งนั้น เนื้อผ้านิ่มมากด้วย” ดวงดาวทำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะตกใจกับป้ายราคาค่าเสื้อผ้า “ป๊าด! พันแปด”
“นี่ยังถูก ต้องดูตัวนี้สองพันเก้า” ตาหวานหยิบชุดเดรสราคาดังกล่าวออกมาจากถุงกระดาษ “ไม่เอาก็ไม่ได้ คุณเตเปย์”
“ว่าที่ผัวแกนี่เปย์สุดๆ ขนาดยังไม่ได้เป็นผัวนะ ถ้าได้เป็นจริงๆ มีหวังของท่วมหัวแกแน่ๆ ฉันชักอิจฉาแกซะแล้วสิ” ดวงดาวบ่น “ทำไมคุณยายไม่เลือกฉันนะ ฉันน่ะประสบการณ์บนเตียงเพียบ รับรองไม่ผิดหวัง”
“คงไม่ทันแล้วแหละน้าส้ม คุณยายเลือกหนู แล้วหนูก็ไม่ยอมให้ใครมาแทนที่ด้วย”
“เออรู้แล้วน่า” ดวงดาวเริ่มหมั่นไส้หลาน “คุณยายเมตตาแกมากนะตาหวาน แกทำตัวดีๆ กตัญญูกับคุณยายมากๆ ให้มากเท่าที่กับกตัญญูกับที่บ้าน อย่าทำให้คุณยายผิดหวังนะตาหวาน”
“จ้ะน้าส้ม” ตาหวานไม่มีวันทำให้พะเยาว์ผิดหวัง
“ว่าแต่แกอ่านนิยายที่ฉันให้ไปหรือยัง”
“ยังเลย”
“ทำไมไม่อ่านล่ะ มันมีประโยชน์นะ”
“มีประโยชน์ยังไงน้าส้ม”
“มันจะสอนให้แกรู้ว่า แกต้องเจอกับอะไรบ้างในคืนเสียตัว แกจะได้รู้ จะได้เตรียมตัวและรู้ว่าต้องทำอะไร มันเหมือนให้แกทำใจไว้ล่วงหน้า” ดวงดาวพยายามอธิบาย
“ไม่อ่านหรอกน้าส้ม ถ้าอ่านมีหวังหลับแน่ๆ ขนาดหนังสือเรียนเล่มบางๆ อ่านไม่กี่หน้าตาก็จะปิด”
“มันไม่เหมือนกัน แกลองสิ ลองอ่านดู เสริมสร้างประสบการณ์ไง” ดวงดาวพูดต่อ “ถึงวันนั้นจริงๆ แกจะไม่กลัวจนเวอร์วัง อ่านแล้วแกจะได้ทำใจไงว่า วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลดความตื่นเต้นไปในตัวด้วย”
ไม่ใช่ว่าตาหวานจะไม่ตื่นเต้น ยิ่งใกล้วันเกิด หล่อนยิ่งตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ กังวลและกลัวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนั้น วันที่หล่อนตกเป็นของเตศวร ทำหน้าที่ตามที่พะเยาว์ต้องการ สาวบริสุทธิ์คนใดบ้างไม่ประหม่ากับคืนแรกที่ต้องนอนกับบุรุษ ยิ่งเป็นชายหนุ่มที่ตนหลงรักมานานยิ่งตื่นเต้นหนักมากขึ้น
ตาหวานจึงคิดว่า หนังสือเล่มนั้นคงไม่ได้ช่วยอะไร คงอ่านเพื่อความบันเทิงคงไม่ทำให้ตนเรียนรู้อะไรมากนัก
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบอ่าน” ตาหวานพูดขณะหิ้วถุงขึ้นมา “ไปเก็บของดีกว่า” พูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ส่วนน้าสาวได้แต่ส่ายหัวกับความดื้อของตาหวาน แต่ก็ไม่ได้พูดไล่หลัง หล่อนก้มหน้าตัดเล็บต่อไป
ตาหวานวางของทั้งหมดลงบนพื้นริมห้องข้างโต๊ะกับเก้าอี้ตัวประจำที่หล่อนมักมานั่งมองดูดาว ก่อนจะรื้อมันออกมาทีละถุง แกะป้ายราคาสินค้าออก แล้ววางเสื้อผ้าลงบนโต๊ะข้างหน้าต่างที่มีหนังสือนิยายที่ดวงดาวให้มาเมื่อคืนนี้วางอยู่ หล่อนมองนิยายเล่มนั้นนิ่ง มองมันพร้อมกับนึกถึงคำพูดของดวงดาว
‘หนังสือเล่มนี้ช่วยแกได้ แกลองอ่านสิ’
ตาหวานมองนิยายเล่มนั้นนิ่ง สมองก็คิดไปด้วยว่า มันจะช่วยตนได้จริงหรือ ขณะที่กำลังคิดว่า จะหยิบมันขึ้นมาอ่านดีหรือไม่ ยังไม่ทันตัดสินใจมือหล่อนก็เอื้อมไปหยิบมัน หยิบมามองหน้าปกที่เป็นรูปผู้หญิง มีดอกไม้หลายชนิดเป็นส่วนประกอบ ชื่อเรื่อง เล่ห์รักคุณอาที่รัก นามปากกา อัญญาณี
หนังสือในมือตาหวานถูกเปิดอ่านทีละหน้า เป็นนิยายเรื่องแรกที่หล่อนอ่าน ตอนนี้ไม่ใช่ว่าตาหวานอยากอ่านหนังสือเล่มนี้มาก หล่อนอ่านเพราะอยากรู้ว่า มันจะช่วยตนได้จริงหรือ
ตาหวานเปลี่ยนที่นั่งอ่านหนังสือ ลุกเดินไปนอนคว่ำหน้าเหยียดขาตรง เปิดอ่านทีละหน้า แต่น่าแปลกที่หล่อนไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอน ทั้งที่นอนอ่านหนังสือเรียนท่านี้ทีไร นอนคว่ำหน้าทับหนังสือทุกที เนื้อหาในนิยายแม้ว่าไม่มีสาระ ทว่าก็ทำให้หล่อนรู้สึกเพลิน อ่านไปอ่านมาก็เกือบห้าสิบหน้า และกำลังถึงหน้าที่จะทำให้หล่อนรู้ว่า หนังสือนี้จะช่วยหล่อนได้อย่างไร จะช่วยได้หรือไม่และมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครรู้ นอกจากตาหวานคนเดียว
