บทที่ 4 ชะตาพลิกผัน (25%)

ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย

ในปลายเดือนธันวาคมที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ หากคนขี้หนาวก็คงบอกว่าหนาวจับขั้วหัวใจ แต่ถึงแม้จะหนาวเหน็บสักเพียงใด ลักษณ์ณารา สุขวิมล สาวน้อยโฉมสะคราญวัยยี่สิบสามปีก็ยังเดินทางออกมาจากรีสอร์ตที่พักในช่วงเวลาเช้าตรู่ ขับรถคันเล็กกะทัดรัดจากค่ายรถยอดนิยมสัญชาติญี่ปุ่นที่ไปหาเช่ามาใช้ในช่วงที่อยู่เชียงราย ขึ้นเขาทางลาดชันอย่างระมัดระวังมาเพื่อทำงาน หลังจากแหกขี้ตาตื่นและล้างหน้าล้างตา แต่งตัวในชุดรัดกุมต้านลมหนาวเรียบร้อยแล้ว ดีที่ที่พักของเธออยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่งซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง เพราะถ้าหากขับรถมาในเวลาเช้ามืดที่มีหมอกลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยไม่กระจ่างตา ก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ลักษณ์ณาราเป็นจิตรกร หญิงสาวเรียนมาทางวาดภาพจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย ด้วยใจรักจึงเลือกที่จะเรียนสาขาวิชาที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นนักวิจัยฝุ่นเพราะตกงาน ค่อนข้างมีรายได้น้อย หากไม่มีชื่อเสียงหรือฝีมือไม่เข้าขั้น ก็อาจจะต้องผันตัวไปทำงานอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ยังดีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่โชคร้ายขนาดนั้น เพราะเมื่อต้นปีที่แล้วเธอได้นำผลงานของตัวเองเข้าประกวดในโครงการเฟ้นหาจิตกรหน้าใหม่จนได้รับรางวัลติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ หลุดพ้นจากคำว่าศิลปินไส้แห้งที่ใครหลายคนมาพูดจากระทบกระเทียบให้ได้ยินเป็นประจำก่อนหน้านั้น

ลักษณ์ณาราเดินทางขึ้นมาที่เชียงรายเป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว เธอไม่ได้มาพักผ่อนหย่อนใจหรือมาเที่ยวเหมือนใครหลายๆ คนที่ต่างพากันแห่แหนขึ้นภาคเหนือเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว แต่เธอมาที่นี่มีจุดประสงค์เพื่อทำงาน โดยได้รับการว่าจ้างด้วยเงินจำนวนไม่น้อยจากแม่เลี้ยงคำหล้า เศรษฐีนีชาวเชียงรายผู้คลั่งไคล้ภาพวาดทั้งบนผืนผ้าใบและฝาผนัง ตอนแรกที่แม่เลี้ยงติดต่อไป ลักษณ์ณารามีความปลาบปลื้มยินดีจนยิ้มแก้มปริ เห็นได้ชัดว่าจากการจัดนิทรรศการจิตกรหน้าใหม่เมื่อสองเดือนที่แล้ว ชื่อเสียงของเธอก็พอเป็นที่รู้จักในแวดวงงานศิลป์ ถึงแม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างราวกับพลุแตก แต่มันก็สามารถให้เธอทำมาหาเลี้ยงชีพได้ด้วยมันสมองและสองมือของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ

จะว่าไปเธอก็ไม่ได้แบมือขอเงินจากใครมานานแล้ว ตั้งแต่แม่และพ่อเลี้ยงได้จากไปเพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้เธอเสียบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองตั้งแต่เรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย ถึงแม้จะหลงเหลือพี่ชายต่างมารดาอย่างอธิป สุขวิมล ผู้เปรียบเสมือนญาติเพียงคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ แต่อธิปก็ไม่เคยดูดำดูดีเธอเลยตลอดสองปีหลังจากที่ขาดเสาหลักของครอบครัว

เมื่อบิดาและมารดาเลี้ยงจากไป แรกๆ อธิปก็ดูแลลักษณ์ณารา สาวน้อยน่ารักที่เขารักประดุจดั่งพี่น้องร่วมอุทรที่คลานตามกันมาเป็นอย่างดี หากแต่การดูแลเอาใจใส่จากพี่ชายที่แสนดีกลับแผ่วลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หลงเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า เงินที่เคยได้จากพี่ชายที่ไปทำงานไกลถึงสวีเดนทุกเดือนก็กลายเป็นไม่ได้ แถมเขายังไม่เคยโทรกลับมาถามข่าวคราวน้องสาว ที่ต้องอาศัยหอพักของมหาวิทยาลัยเป็นที่ซุกหัวนอน ดีที่เธอยังมีเงินเก็บที่มารดาเอาเข้าบัญชีให้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทำให้การเรียนมหาวิทยาลัยในปีสุดท้ายไม่ลำบากและอัตคัดขัดสนจนเกินไป

เมื่อปลายปีที่แล้วอธิปก็กลับมาอยู่ที่บ้านกับเธอ กลับมาแบบสิ้นเนื้อประดาตัว กลายเป็นว่าเธอต้องหาเลี้ยงพี่ชาย หนำซ้ำเขายังกลายเป็นคนติดเหล้า เมาหัวราน้ำแทบทุกวัน และติดการพนัน จนบางทีมีเจ้าหนี้มาตามทวงเงินถึงที่บ้าน เดือดร้อนให้เธอต้องคอยตามล้างตามเช็ด ด้วยความที่พี่ชายกลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ทำให้ลักษณ์ณาราต้องลุกขึ้นมาเป็นคนสู้ชีวิต ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง นอกจากจะวาดภาพตามที่ลูกค้าต้องการแล้ว เธอยังนำภาพวาดไปฝากขายตามร้านต่างๆ อีกด้วย

อากาศบนยอดดอยสูงหนาวจัดจนควันออกปาก ดังคำที่ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว หายใจแต่ละทีก็จะมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ลักษณ์ณาราวางขาตั้งเฟรมวาดภาพไว้ในตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้ครอบคลุมมากที่สุด ก่อนที่จะลงมือตวัดปลายพู่กันลงบนผืนผ้าใบอย่างชำนาญการ

ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด

ยังเอาก้นแตะเก้าอี้นั่งวาดภาพได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมารบกวนสมาธิ ทำให้ดวงตาสีนิลเจือไว้ด้วยความหวานซึ้งที่กำลังจับจ้องดอกซากุระสีสวย แข่งกันบานเบ่งอวดความงามอยู่เบื้องหน้าต้องละออกมา วางพู่กันในมือให้จุ่มลงในถังน้ำใบเล็กอยู่ใกล้กับถาดสี แล้วหยิบโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงไม่หยุดหย่อนขึ้นมากดรับสาย

“ว่าไงคะ พี่อธิป” น้ำเสียงที่ส่งไปทักทายพี่ชายยังคงสดใสดั่งแสงตะวันในยามเช้า แม้จะรู้แก่ใจดีว่าหากอีกฝ่ายโทรหาตนอย่างนี้จะต้องมีเรื่องมารบกวนจิตใจอย่างแน่นอน และถ้าเดาไม่ผิด ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเงิน

“แกหายหัวไปไหน ยายน้ำ” เสียงคนโทรมาฟังดูอ้อแอ้ คุกรุ่นไปด้วยความไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ยังนับว่าดีอยู่ที่พี่ชายของเธอไม่ใช้สรรพนามสมัยพ่อขุนรามเรียกขานให้ระคายหู

“น้ำมาทำงานที่เชียงรายค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้บอกพี่อธิป” หญิงสาวยังคงทำใจเย็น ตอบคำถามพี่ชายขี้เมาด้วยถ้อยคำหวานหูดังเดิม

“แล้วแกจะกลับมาเมื่อไหร่” น้ำเสียงยานคางของคนโทรมาบ่งบอกได้ชัดว่ามีระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดอยู่ไม่น้อย ซึ่งลักษณ์ณาราก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวๆ และส่ายหน้าอย่างปลงๆ ไม่อยากจะกล่าวตักเตือนพี่ชายให้ต้องโดนเอ็ดตะโรเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากบอกให้เขาเพลาๆ ลงทั้งเรื่องเหล้าและการพนัน

“คงอีกประมาณสักสองอาทิตย์ล่ะค่ะ เพราะงานน้ำยังไม่เสร็จเลย” สาวน้อยตอบพี่ชายตามสภาพหน้างาน เพราะแม่เลี้ยงคำหล้าไม่เพียงว่าจ้างให้เธอวาดภาพลงบนผืนผ้าใบอย่างเดียวเท่านั้น นางยังจ้างให้วาดภาพบนฝาผนังบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป