บทที่ 2 2

เย็นวันนี้มิลันตีกลับบ้านช้ากว่าที่เคยเพราะเพื่อนร่วมงานลาป่วยไปคนหนึ่ง ทำให้หล่อนต้องทำงานหนักกว่าวันอื่น แม้หลายคนจะมองว่าอาชีพพนักงานขายเครื่องสำอาง วันๆคงสบาย อยู่ในห้องแอร์ แต่งหน้าสวยๆแล้วคอยแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า แต่คงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าหล่อนอึดอัดมากแค่ไหนที่ต้องปั้นหน้ายิ้มทำใจเย็นกับลูกค้าที่มักจะจู้จี้จุกจิก

สวรรค์ของหล่อนคือห้องพักเก่าๆ ถึงแม้จะคับแคบ แต่ก็เป็นสถานที่ที่ทำให้หล่อนเป็นตัวของตัวเองและคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

หล่อนเช่าห้องพักอยู่ร่วมกับดาวราย…เพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่บังเอิญมาเจอกันอีกครั้งเมื่อปีก่อน

ความใฝ่ฝันของหล่อนกับดาวรายคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือความเพียรที่จะขยันหาเงินเก็บสักก้อนไว้ซื้อบ้านอยู่เป็นของตัวเอง ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเช่าห้องอยู่ด้วยกัน จะได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้น้อยลง

แต่วันนี้แตกต่างจากทุกวัน เพราะทันทีที่มิลันตีก้าวเข้ามาในห้อง หล่อนก็พบว่า…ห้องดูโล่งกว่าที่เคย ไม่มีเงาของเพื่อนรักที่มักจะเลิกงานก่อนหล่อนเสมอ ซ้ำเสื้อผ้าในตู้ก็อันตรธานหายไป หล่อนหยิบซองสีขาวบนโต๊ะมาเปิดแล้วหยิบกระดาษออกมาอ่านข้อความ

‘ฉันต้องรีบกลับต่างจังหวัดด่วน ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ลาเธอด้วยตัวเอง ขอโทษสำหรับทุกอย่างจริงๆ หวังว่าเธอจะให้อภัยฉันนะมิ้ว… ลาก่อน’

หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างงุนงง เมื่อวานดาวรายยังมีท่าทางปกติอยู่ แต่ทำไมจู่ๆถึงรีบร้อนไปจากที่นี่นัก ? หล่อนคิดขณะถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำ

ไม่นานนัก หล่อนก็ออกมาโดยมีผ้าขนหนูพันรอบอกเพียงผืนเดียวเท่านั้น เพราะคิดว่าตนอยู่คนเดียวในห้องจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวเอง หล่อนปราดไปที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อจะหยิบโทรศัพท์โทรคุยกับดาวรายให้รู้เรื่อง แต่สัญชาตญาณบอกหล่อนว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ

เหมือนมีใครมองหล่อนอยู่…!

ครั้นหันไปมองทางด้านหลัง มิลันตีก็อ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้ชายร่างสูงยืนกอดอกพิงผนังห้องด้วยท่าทางสบายๆ แต่ดวงตาคู่คมที่จ้องมองหล่อนนี่สิ ทำเอาหนาวเย็นไปถึง ขั้วหัวใจเลยทีเดียว…คนอะไร สายตาเยือกเย็นราวน้ำแข็ง

“คุณ…คุณเป็นใครน่ะ แล้วเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง” หญิงสาวแหวลั่น แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองนุ่งแค่ผ้ากระโจมอก หล่อนหยิบไม้กวาดขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เตือนตัวเองว่า…

อย่าตื่นเต้น…อย่ากลัว…อย่าลนลาน หล่อนต้องตั้งสติให้มั่น ไม่เช่นนั้นมีหวังเสร็จโจรบ้ากามอย่างหมอนี่แน่ๆ

ใช่แล้ว…เขาคงเป็นคนร้าย ไม่งั้นจะเข้าห้องคนอื่นโดยพลการหรือ ?

“คุณคิดจะทำร้ายผมด้วยไม้กวาดผุๆนั่นเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ ไม่มีร่องรอยความกลัวอยู่ในแววตาคมกริบคู่นั้นเลยแม้แต่น้อยนิด ซ้ำยังเลิกคิ้วเป็นเชิงล้อเลียนหล่อนอีกด้วย

“เข้ามาทางไหนก็ออกไปทางนั้นเลยนะไอ้หัวขโมย” มิลันตีเงื้อไม้กวาด หลับตาแล้วฟาดใส่เขาเต็มแรง ขณะที่เขาหลบได้ทันแล้วจับด้ามไม้กวาดกระชาก เป็นเหตุให้ร่างบางถลันมาสู่อ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย

“ว้าย !” มิลันตีอุทาน รู้ตัวว่าพลาดท่าไปเสียแล้ว หล่อนใจเต้นโครมครามด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่ากลับแฝงอารมณ์หวามลึกๆ อยู่ในอก… เป็นครั้งแรกที่หล่อนโดนผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อกอด แล้วทำไมหล่อนต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยเล่า !

อย่าลืมสิว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า แถมยังเป็นขโมยอีกด้วย

“อืม…ตัวนุ่ม ผิวเนียน กลิ่นหอม ผมให้สิบคะแนน” เขากระซิบข้างหูหล่อน ก่อนหลุบตาลงมองอกอวบหยุ่นที่แนบกับอกของเขาแล้วยิ้มกริ่ม “ขนาดหน้าอกก็โอเค ถึงจะไม่ใหญ่นักแต่ถือว่าใช้ได้ เพราะเท่าที่สัมผัสภายนอก คิดว่าน่าจะไม่ได้ทำศัลยกรรมทรวงอกมา ผมให้สิบคะแนนเต็ม”

มิลันตีกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงงกับการกระทำของเขา ขณะที่ชายหนุ่มจับปอยผมที่ระข้างแก้มหล่อนมาจูบเบาๆแล้วพยักหน้า “ผมคุณสวยมาก แต่ถ้าจะให้ดี…”

กฤษกรเว้นคำพูดไว้พักหนึ่งแล้วคลายผมที่หล่อนขมวดเป็นปมออก ส่งผลให้เส้นผมยาวสลวยคลี่สยายเคลียแผ่นหลัง “ผมชอบให้คุณปล่อยผมแบบนี้มากกว่านะ… ให้สิบคะแนนเต็มเลย”

เหมือนสติของหญิงสาวเพิ่งกลับคืนมา หล่อนออกแรงดิ้นอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ หล่อนจึงกัดต้นแขนกำยำอย่างแรง

“เฮ้ย !” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออก หล่อนจึงสะบัดตัวหลุดจากเขาได้ แล้วกระทืบเท้าเขาไม่ยั้ง

“นี่แน่ะๆ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต คะแนนบ้าบออะไรของคุณ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะไม่กระทืบแค่เท้า แต่จะกระทืบกล่องดวงใจของคุณให้เละละเอียดชนิดสูญพันธ์ไปเลย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป