บทที่ 4 คนใจร้าย (1)

มีความสำคัญทั้งต่อภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะแต่ละประเทศไม่ได้อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ความกินดีอยู่ดีของประชาชนในแต่ละประเทศ ความสำเร็จในธุรกิจการค้าอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศ

เศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ฉันอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและชีวิตของทุกคนให้กินดีอยู่ดี ถ้าฉันทำได้น้อง ๆ ก็จะไม่ต้องลำบาก

แต่จะประกอบอาชีพอะไรยังไม่ได้คิดเลย อาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำกัน ก็พวก ปลัดอำเภอ, นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดกระทรวง, เจ้าหน้าที่ด้านการปกครองอื่น ๆ , ข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ , ข้าราชการในองค์กรอิสระต่าง ๆ นักการเมืองระดับประเทศ, นักการเมืองระดับท้องถิ่น, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการทูตในระดับต่าง ๆ , พนักงานในองค์กรระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป, เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, นักวิเคราะห์โครงการ, นักวิเคราะห์การลงทุน, นักวิเคราะห์ระบบงาน, นักบริหารองค์การระดับสูง, พนักงานธนาคาร, นักเขียน, นักหนังสือพิมพ์, ผู้ประกาศข่าว ฯลฯ

“......” แนนนี่รู้สึกตัวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากที่เจอบทลงโทษจากคนใจร้าย

ส่วนคนก่อเหตุยังคงนอนหลับแถมยังกอดร่างบางไว้แน่น

“จะไปไหน!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อร่างบางค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งออกจากตัว

“นะ...หนูจะไปอาบน้ำ” เด็กสาวตอบตะกุกตะกักอย่างเลิ่กลั่ก

“ฉันบอกเหรอ ว่าให้เธอไป!” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องหน้าเด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์

“ตะ...แต่คุณทำไปหลายรอบแล้วนะคะ ตอนนี้มันก็จะมืดแล้วด้วย”

เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดจ้องหน้าและพูดความในใจออกไป

“อีกอย่างคุณไม่กลับไปหาน้องพาร์ทเหรอ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวมัน...”

“ไม่ต้องมาสอน!” ไม่ทันที่แนนนี่จะได้พูดจบชายหนุ่มก็พูดสวนขึ้นก่อน

“หนูไม่ได้สอนหนูแค่อธิบายให้ฟัง!”

“หึ...ปากเก่งนะเดี๋ยวนี้กล้าเถียง!” ชายหนุ่มกดเสียงทุ้มต่ำกระตุกยิ้มอย่างขบขัน

“หนูไม่ได้เถียง! ก็บอกอยู่ว่าหนูแค่อธิบาย!” ร่างบางพูดหนักแน่นพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนท่อนใหญ่

หมับ!

“อยากลองดีว่างั้น?!” แต่ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็ถูกเจ้าของท่อนแขนรั้งให้นอนลงที่เดิม

“ไม่ค่ะ!” เมื่อเห็นแววตาเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์คู่นั้นทำให้เด็กสาวได้แต่นอนนิ่ง เพราะถ้าขืนยังพูดต่อปากต่อคำคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่

แค่นี้เธอก็ระบมไปทั้งตัว ผิวขาว ๆ มีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ตามเรียวแขนมีแต่รอยนิ้วมือเต็มไปหมด

ไหนจะรอยกัดรอยเขี้ยวที่หัวไหล่จนเลือดซึม ตามหน้าท้อง ต้นขา พูดได้ว่าส่วนไหนที่อยู่ใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้เป็นรอยหมดทุกส่วน

“ฉันสั่งห้ามเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปเจอลูกชายฉันอีก!” สีหน้าเรียบนิ่งน้ำเสียงดุดันพร้อมสายตาที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองที่เด็กสาว

“นะ...หนูแค่เอาของขวัญวันเกิดไปให้น้องค่ะ ไม่ได้จะไปทำอย่างอื่น” เธอกล่าวเสียงสั่น เพราะคนตัวโตเริ่มออกแรงบีบที่แขนเธออย่างแรง

“ลูกฉันไม่ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้น”

“จำไว้เธอห้ามเข้าใกล้ลูกชายฉันอีก! ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์จะเป็นแม่ของลูกฉันจำไว้!” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวทั้ง ๆ ที่เขาสั่งห้ามแล้วแต่เด็กสาวก็ยังจะฝืนคำสั่ง

“หนูรู้ ว่าหนูไม่มีสิทธิ์แต่หนูขอเจอหน้าน้องบ้างได้ไหม!”

“คุณจะให้หนูทำอะไรก็ได้ จะเอาหนูไปขาย ให้หนูไปนอนกับใครจะตบ จะตี จะทำอะไรหนู หนูยอมหมด” แนนนี่พูดเสียงสะอื้นไห้ พูดระบายความรู้สึกที่เก็บไว้มานานออกมาจนหมด

“ขอแค่ให้หนูเจอหน้าน้องบ้างได้ไหม แค่ได้มองอยู่ไกล ๆ ก็ได้ หนูจะไม่เข้าใกล้น้องเลย ขอแค่มองอยู่ไกล ๆ ก็พอ” เด็กสาวลุกขึ้นยกมือไหว้ชายหนุ่มที่มองเธอด้วยความรำคาญ

“ฮึ...ไม่มีวันอย่าฝันอะไรเกินตัว!” สิ้นคำพูดร่างหนาก็ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำทันที

“อึก!”

“คนใจร้าย!!” แนนนี่ได้แต่มองตามเจ้าของคำพูดคนที่ทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ

“อึก! อึก” เธอได้แต่ก้มหน้ากอดเข่า เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าเด็กน้อยหัวใจเธอก็เจ็บเจียนจะขาดใจตาย...

หลายวันผ่านไป

โรงเรียนเอกชนชื่อดัง

“แนนนี่”

“แนนนี่!”

“ว่าไงเบบี๋” ฉันหันไปยิ้มให้เบบี๋ที่เดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล

“วันนี้เราไปชอปปิงกันไหมเบบี๋ขอแดดดี้แล้ว” เบบี๋เป็นคนน่ารักนิสัยดีแล้วอีกอย่างผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านก็รู้จักกันมานาน

“ไปชอปปิงเหรอ” ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอคุณเขาอีกเลยและเขายังสั่งห้ามไม่ให้ฉันไปเจอน้องพาร์ทอีก

“นะ ไปด้วยกัน” เบบี๋ก็แบบนี้ตลอดชอบอ้อนชอบเอาหน้ามาถูแขนแล้วใครล่ะจะใจแข็งได้

“อือ...” ฉันยิ้มให้เบบี้

“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ นึกว่าแนนนี่จะไม่ไปกับเบบี๋ซะอีก”

“ช่วงนี้แดดดี้ก็เอาแต่ทำงาน ป๊ะป๋าก็เอาแต่ทำงาน พี่เปอร์ก็ไม่รู้ไปไหน เบบี๋เหง้าเหงา”

แก้มป่อง ๆ ดวงตากลมโตใสซื่อ รอยยิ้มหวาน ๆ เสียงหัวเราะที่สดใสของเบบี๋มันทำให้ฉันยิ้มได้

จะว่าไปเบบี๋ก็เหมือนเป็นน้องสาวมากกว่าเป็นเพื่อนมากกว่า

“งั้นเราเข้าห้องกันดีกว่า สอบอีกไม่กี่วิชาก็จะเสร็จแล้ว” ฉันพูดกับเบบี๋ที่กำลังยิ้มให้โทรศัพท์

“แนนนี่ดูนี่สิ”

“เบบี๋ว่าน้องพาร์ทเหมือนกับแนนนี่เลย ยิ่งเวลานอนนิ่ง ๆ ยิ่งเหมื้อนเหมือน” เธอยื่นโทรศัพท์ให้ฉันดู

ใช่! เหมือนมาก นึกว่าเป็นคนคนเดียวกัน ฉันได้แต่มองภาพแล้วยิ้ม มันเป็นภาพที่น้องพาร์ทนอนหลับอยู่บนตัวคุณเขา

“เราไปกันเถอะ!” ฉันพูดตัดบทไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนี้เพราะต้องสอบอีกหลายวิชา

“ปะ!”

ฉันกับเบบี๋เดินคล้องแขนกันไปเข้าห้อง เบบี๋ไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉัน ส่วนฉันก็มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแต่อยู่คนละโรงเรียน

นาน ๆ เราจะนัดเจอกันเพราะเธอต้องช่วยพ่อแม่ทำงานเลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร

ระหว่างที่รอข้อสอบฉันก็เอาหนังสือมาอ่านทบทวน แต่เชื่อเถอะมันไม่เข้าหัวสักนิด ในหัวมันคิดแต่เรื่องจะทำยังไงฉันถึงจะได้เจอน้องพาร์ท

ถ้าจะพาหนีไปอยู่ที่อื่น เฮ้อ ขนาดตัวเองยังเอาตัวเองจะไม่รอดแล้วจะเลี้ยงดูน้องพาร์ทได้ยังไง

อีกอย่างน้องพาร์ท อยู่กับคุณเขา ก็สุขสบายมีทุกอย่างพร้อมไม่ต้องดิ้นรนอะไร แล้วดูฉันสิ มีอะไรเรียนยังไม่จบ ม. ปลายด้วยซ้ำ

“เฮ้อ!” คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ฉันฝันอยากเรียนรัฐศาสตร์ถ้าฉันเรียนจบมีงานทำฉันก็สามารถดูแลน้องพาร์ทได้สบาย

ฉันเลือกเรียนสาขาการระหว่างประเทศ มันเป็นสาขาที่มุ่งทำความเข้าใจกับระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป