บทที่ 5 เด็กสำออย

บทที่  5 เด็กสำออย

เช้าของอีกวันมันเป็นวันที่ไบรตั้นสมควรจะได้พักผ่อนแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่

“ใครมันโทรมาแต่เช้าวะ!” ชายหนุ่ม ผงกหัวขึ้นจากหมอนทั้งที่ตายังไม่ลืม มือหนาควานหาโทรศัพท์เจ้ากรรมที่มันยังดังอยู่ไม่หยุด

“โหล! ใครวะโทรมาแต่เช้า” ชายหนุ่มกรอกเสียงเกรี้ยวกราดเข้าโทรศัพท์โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครโทรมา

‘แม่แกไง! ตื่นได้แล้ววันนี้แกต้องไปรับน้องพิมพ์ไปเรียนนะ’

“อะไรอีกเนี่ย!!! แม่จะเอาอะไรกับผมนักหนาเนี่ยแม่...” น้ำเสียงของไบรตั้นเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจเวลาไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย

‘ไม่รู้แหละแกต้องไปส่งน้อง ตามนั้นนะน้องมีเรียนแปดโมงเช้าช่วยไปให้ทันด้วย’ ผู้เป็นแม่รีบกดวางสายไปทันทีที่พูดจบเพราะถ้าให้สิทธิ์ลูกชายได้พูดมีหวังยังไงมันก็ไม่ยอมไปแน่ๆ ร่างสูงใหญ่ดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับแถมยังเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไปอีก หลายนาทีต่อมาไบรตั้นเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบเพียงผืนเดียว หยาดน้ำที่เกาะอยู่บนร่างของเขายิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่มากขึ้นพร้อมกล้ามเป็นมัดๆ อีก

“ตามกูเหมือนวิญญาณเลยนะ” ปากบ่นพึมพำแต่มือก็จัดการแต่งตัวให้ตัวเองจนเสร็จ ไบรตั้นพลิกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดู “แม่งนี่พึ่งจะหกโมงครึ่งเอง” ชายหนุ่มสถบคำพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินอาดๆ ออกมาจากห้อง

“เดี๋ยววันนี้กูเอารถไปเองไม่ต้องตาม” เสียงเข้มเอ่ยกับลูกน้องทั้งสองก่อนจะหยิบเอากุญแจรถแล้วลงลิฟต์มายังที่จอดรถส่วนตัว

“มึงเห็นหรือยังไอ้พี...”

“เออว่ะพี่” ลูกน้องทั้งสองมองตามแผ่นหลังของเจ้านายแบบหน้ายิ้มๆ

รถหรูคันสีดำสนิทเคลื่อนเข้ามาจอดภายในบ้านของเด็กสาวแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมลงจากรถ

“ไปเรียกเจ้านายเธอมาฉันไม่มีเวลาขนาดนั้นนะ” ไบรตั้นลดกระจกรถลงก่อนจะกดเสียงต่ำบอกสาวใช้ไปเรียกตัวการที่ทำให้เขาต้องตื่นเช้ามา

แม่บ้านรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะบอกคุณหนูของเธอว่าคู่หมั้นหนุ่มมารอเธอที่หน้าบ้านแล้ว

“คุณหนูพิมพ์คะคุณฉลามมารอที่หน้าบ้านแล้วค่ะ” แม่บ้านพูดเสียงหอบเพราะวิ่งขึ้นมา เสียงแตรรถดังก้องไปทั่วบ้าน

“พิมพ์รู้แล้วค่ะป้า” หญิงสาวชะโงกหน้ามองรถที่บีบแตรอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าเซ็งๆ กระนั้นก็ยอมเดินลงมาหาเขา

“เล่นตัวอยู่ได้ ขึ้นรถ!” พิมาราไม่แม้จะมองหน้าเขาเธอรีบขึ้นรถตามที่เขาสั่งทันที รถหรูขับออกไปจากบ้านด้วยความเร็วทำเอาคนตัวเล็กนั่งตัวลีบติดเบาะรถเพราะกลัว

“ขับช้าๆ หน่อยค่ะพิมพ์กลัว” เธอพูดเสียงสั่นมือเล็กสั่นเทาเอื้อมไปจับกระเป๋าตัวเองไว้ไม่ให้มันหล่น

“ฉันชอบขับแบบนี้ถ้าเธอไม่ชอบก็ไปนั่งแท็กซี่ไปเองสิ” ไบรตั้นพูดหน้านิ่งเขาไม่มองหน้าหญิงสาวด้วยซ้ำ พอได้ยินคำตอบของชายหนุ่มพิมาราก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งเงียบๆ ทั้งที่ตัวสั่นไปหมดแล้ว

“ไม่ต้องทำตัวได้ใจหรอกนะที่ฉันยอมมาส่งเธอที่มหา’ ลัย” ไบรตั้นปรายตามองเด็กสาวก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งที่คนตัวเล็กนั่งอยู่ มือหนาเปิดประตูรถเพื่อให้หญิงสาวนั้นลงจากรถ สายตาของนักศึกษาต่างจับจ้องมาที่ชายหนุ่มสาวๆ ต่างกรี๊ดกร๊าดกับความหล่อและความเท่ของไบรตั้นและอิจฉาหญิงสาวที่ชายหนุ่มมาส่งถึงมหา’ ลัย

“รีบๆ ลงมาได้แล้วน่า อย่ามาสำออยแถวนี้มันไม่ใช่บ้านเธอแล้วเลิกทำตัวสำออยได้แล้ว” ไบรตั้นยังพูดเหน็บแนมพิมาราอยู่เรื่อย แต่เธอไม่ได้สำออยแต่หัวใจเธอมันเต้นแรงจริงๆ เหมือนจะเป็นลม

“ขอเวลาสักสองนาทีนะคะ พิมพ์เหมือนจะเป็นลมเลยค่ะ” หญิงสาวนั่งหย่อนขาลงมาข้างล่างพร้อมยกมือขึ้นมาสะบัดพัดวีให้ความเย็นแกใบหน้าซีดเผือดของตัวเอง

“อย่ามาสำออยหน่อยเลยรีบๆ ลงมาได้แล้ว!” มือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กและออกแรงดึงให้คนตัวเล็กลุกขึ้นมาทว่าเธอไม่มีแรงที่จะลุกจริงๆ ทำให้ร่างเล็กเซล้มใส่ตัวของชายหนุ่มทันทีแต่ดีที่เขายังคงรับร่างของเธอไว้ทัน

“ขอโทษค่ะ พิมพ์ไม่มีแรงจริงๆ” หญิงสาวรีบถอยออกห่างจากเขาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอากระเป๋าสะพายข้างของเธอ

“สำออยฉิบหาย!” ไบรตั้นสบถคำพูดแรงๆ ก่อนจะจับข้อมือเล็กแล้วกระชากให้เธอเดินตามไปนั่งพักที่ม้านั่งใต้ตึก

“นั่งพักตรงนี้!” เสียงห้วนๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเดินหายไปอยู่สักพักก็กลับมาพร้อมน้ำและยาดม ไบรตั้นยื่นถุงน้ำและยาดมให้หญิงสาวแต่เขาไม่ได้มองหน้าเธอแต่อย่างใด

“ขอบคุณนะคะ” พิมารารับถุงน้ำมาเธอเปิดน้ำดื่มไปนิดหน่อยและก็แกะยาดมมาดมให้หายเหนื่อย

“ไม่ต้องคิดว่าฉันจะยอมทำดีกับเธอนะ” ไบรตั้นยืนกอดอกมองหน้าคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปที่รถของเขา

“ตอนเย็นต้องเห็นเธอมานั่งรอตรงนี้ห้ามช้า!” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้มก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปอย่างเร็ว ส่วนพิมาราก็ได้แต่นั่งถอนหายใจหนักๆ อยู่คนเดียว

“ยังไงๆ เพื่อนพิมพ์ เล่ามาค่ะ คนนี้ใช่ไหมคู่หมั้นแก” เพื่อนสาวเดินเข้ามาหาหญิงสาวก่อนจะพากันนั่งสอบสวนเพื่อน

“คุณฉลามคู่หมั้นพิมพ์เอง” หญิงสาวตอบเพื่อนด้วยสีหน้านิ่งๆ

“แล้วแกจะแต่งกับเขาจริงๆ เหรอยัยพิมพ์ ดูแล้วพี่เขาไม่ค่อยชอบแกเลยนะ” นานาเพื่อนสาวเอ่ยขึ้น

“คงต้องแต่งแหละนานา เพราะว่าเราสองคนหมั้นกันแล้ว”

พิมารายกมือข้างที่สวมแหวนหมั้นให้เพื่อนดูต่างก็พากันทำตาโตเพราะเพชรมันเม็ดใหญ่มาก...

“อิจว่ะแก...นานาฉันว่าพานางชะนีน้อยนี่ไปทุบหัวแล้วปล้นแหวนดีไหม” เพื่อนชายแต่ใจเป็นหญิงเอ่ยขึ้นทำเอาหญิงสาวหลุดขำออกมา

“นี่เพื่อนนะมะเดื่อ!” นานา ๆ ดุเพื่อนเชิงหยอก

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันชื่อนาเดียร์...!!!” มะเดื่อทำหน้าบึ้งใส่เพื่อนทำให้ทั้งสามคนต่างพากันหัวเราะชอบใจ นาฬิกาที่ข้อมือถูกพลิกขึ้นมาดูพอได้เวลาขึ้นเรียนทั้งสามก็เดินคุยกันขึ้นไปบนชั้นเรียนจนถึงเย็นได้เวลาเลิกเรียน

“แกฉันต้องไปแล้วนะบาย...” ร่างบางลาเพื่อนเสร็จก็รีบมารอตามที่ชายหนุ่มบอกเอาไว้ เธอทั้งวิ่งทั้งเดินให้มาถึงที่ที่ชายหนุ่มบอกจะมารับแต่พอมาถึงก็ต้องหยุดนิ่งไปเพราะเขายืนกอดอกพิงรถมองมายังเธอ...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป