บทที่ 2 บทที่ 2
บทที่ 2
เกือบเที่ยงคืน ลูกค้าในร้านเริ่มมีอาการเมามายตามประสานักดื่ม อีกทั้งเสียงดนตรีก็เร่งเร้า จนหลายคนลุกขึ้นเต้นอย่างสนุกสนาน ทว่าบรรยากาศแห่งความครื้นเครงเหล่านั้นก็พลันต้องสะดุดลง ไฟที่เปิดพอสลัว สว่างโร่ขึ้น นักดนตรีซึ่งกำลังเล่นสดอยู่บนเวทีก็ต้องหยุดเล่น เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าสิบนายเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับหมายค้น กวินเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไปเคลียร์เพราะไม่อยากให้ลูกค้าแตกตื่น
“มีอะไรเหรอครับคุณตำรวจ”
“ผมได้รับแจ้งว่า ร้านนี้มีการมั่วสุมยาเสพติดและมีการค้ายาด้วย”
กวินถึงกับผงะเมื่อได้ยินข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงนั้น
“ผมรับรองครับว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นในร้านของผม”
“ผมจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ ผมขอค้นร้านของคุณ และจะต้องสุ่มตรวจปัสสาวะลูกค้าในร้านนี้ด้วย นี่ครับหมายค้น” ตำรวจยศร้อยเอกส่งหมายค้นให้กับกวิน จากนั้นก็พยักหน้าให้เจ้าหน้าที่คนอื่นตรวจค้นร้าน และตรวจปัสสาวะของลูกค้าที่มาใช้บริการหลายคน
“เกิดอะไรขึ้นคะป้อง” ปัณรสเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลแตกตื่น ไม่แพ้พนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้าน
“ตำรวจมาค้นร้านน่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะบีม เราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย”
“ทำไมจู่ๆ ตำรวจถึงมาค้นร้านเราล่ะคะ”
“คงมีคนบอกให้มานั่นแหละ” กวินบอกเสียงเรียบๆ ทว่าแค่นั้น ก็ทำให้ปัณรสรู้ทันทีว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง เพราะวันนี้ธุรกิจด้านเสริมความงามของเธอ ก็เพิ่งถูกกล่าวหาว่ามีสารต้องห้ามไว้ในครอบครอง
“บีมขอโทษนะป้อง ถ้าไม่ใช่เพราะบีม ป้องก็คงไม่ต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมรักคุณ ไม่ว่าจะต้องเผชิญอะไรหรือต้องเลวร้ายแค่ไหน ผมก็พร้อมจะรักและยินดีจะเผชิญ”
กวินดึงร่างบางของปัณรสมากอดเพื่อปลอบโยนและเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เพราะเขารู้ว่าการแก้แค้นของนภัทรได้เริ่มขึ้นแล้ว
ความโกลาหลในร้านเกิดขึ้นอยู่นานนับชั่วโมง ก่อนที่ตำรวจซึ่งเป็นหัวหน้าทีม จะแจ้งผลการตรวจค้นกับเจ้าของร้านอย่างกวิน จนทำให้เขาถึงกับหน้าเครียด
“เราตรวจพบว่าลูกค้าหลายคนมีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง และบางคนพกพายาเสพติด เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องสั่งปิดร้านของคุณชั่วคราว จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ทางร้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหรือเป็นแหล่งซ่องสุมการเสพยา”
“ผมรับรองครับผู้กอง ว่าทางร้านผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ”
“เราว่ากันไปตามพยานหลักฐานจะดีกว่านะครับ ถ้าผลการสอบสวนออกมาว่า ร้านคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ร้านคุณก็สามารถเปิดได้ตามปกติ”
“ใช้เวลานานแค่ไหนครับ”
“คงจะสักสองอาทิตย์หรือไม่ก็หนึ่งเดือน”
“แต่ผมต้องจ่ายค่าเช่าและเงินเดือนพนักงานนะครับ ปิดนานขนาดนั้นผมต้องแย่แน่ๆ”
“เอาเป็นว่าผมจะเร่งสอบสวนเพื่อที่คุณจะได้เสียหายน้อยที่สุด ถ้าคุณบริสุทธิ์จริงๆ ก็อดทนรอหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ อ้อ...แล้วอย่าฝ่าฝืนคำสั่งล่ะ ไม่อย่างนั้นโทษจะหนักกว่าเดิม” ตำรวจยศร้อยเอกกำชับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเข้มดุ ก่อนจะพาลูกน้องคุมตัวผู้ต้องหากลับไปยังโรงพัก
“ป้อง” คราวนี้เป็นปัณรสที่โอบกอดแฟนหนุ่มเพื่อให้กำลังใจ เธอรู้ว่าเขาลำบากมาก เนื่องจากลงทุนลงแรงไปกับร้าน จนต้องกู้หนี้ยืมสินมาไม่ใช่น้อย กิจการกำลังไปได้ดีแท้ๆ แต่กลับมาต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ
“ผมโอเค...บีม” กวินกอดกระชับร่างบางไว้แน่น หากทว่าในใจเต็มไปด้วยความกังวลกับปัญหามากมายที่กำลังจะตามมาจากการที่ร้านต้องโดนปิด
สองหนุ่มสาวยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะบอกให้พนักงานเก็บร้าน พร้อมกับบอกข่าวร้ายว่าร้านโดนปิดชั่วคราว แต่เขายังจะจ่ายเงินค่าจ้างให้ทุกคนเช่นเดิม
แสงไฟยังคงส่องสว่างไปทั่วร้าน ในขณะที่พนักงานต่างช่วยกันยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะ และทำความสะอาดเช็ดถูคล้ายกับบรรยากาศช่วงปิดร้านในแต่ละคืน จะต่างกันก็เพียงคืนนี้ปิดร้านไวกว่าเท่านั้น และพรุ่งนี้กับคืนต่อๆ ไป พวกเขาจะไม่ได้มาทำงานที่ร้านไปอีกหลายวัน
กลิ่นจันทร์ช่วยพนักงานคนอื่นๆ เก็บร้าน เธอยังคงเงียบและไม่ได้เอ่ยถามอะไรกับพี่ชาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เธอตกใจไม่น้อย เธอไม่เชื่อและไม่คิดจะเชื่อ ว่าพี่ชายที่แสนดีของเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะกวินพร่ำสอนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้เธอเสมอมา พี่ชายของเธอรักเสียงดนตรี เล่นกีตาร์เก่งมาก ตอนเด็กๆ เขามีความฝันอยากมีร้านแบบนี้เป็นของตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จแล้ว แต่จู่ๆ กลับต้องโดนปิด แม้ใครไม่รู้ แต่กลิ่นจันทร์รู้ดีว่ากวินเสียใจแค่ไหนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทว่า เธอยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพี่ชาย หากแม้ว่าจะมีทางใดที่พอช่วยได้ เธอก็พร้อมจะแลกทุกอย่าง เพื่อให้ร้านของพี่ชายได้กลับมาเปิดอีกครั้ง
เสียงการสนทนาที่ค่อนข้างดัง ปลุกสาวน้อยซึ่งนอนอยู่ในห้องนอนของคอนโดมิเนียม ให้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนค่อนข้างดึกก็ตาม ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วชะเง้อดูเหตุการณ์ด้านนอก เห็นกวินและปัณรสกำลังเจรจากับชายสองคนที่อยู่ในชุดซาฟารีสีกรมท่าด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“คุณไนท์ให้เวลาถึงเย็นนี้เท่านั้นนะครับ ถ้าคุณสองคนยังไม่ย้ายออก คุณไนท์จะแจ้งความข้อหาบุกรุก”
“จะแจ้งได้ยังไง ผมทำสัญญาซื้อขายแล้ว ตอนนี้ผมเป็นเจ้าของที่นี่”
“สัญญายังไม่ถือว่าสมบูรณ์นะครับ เพราะคุณยังไม่ได้โอนเงินให้กับคุณไนท์ เพราะฉะนั้นตามกฎหมายถือว่าตอนนี้คุณไนท์ยังเป็นเจ้าของที่นี่อยู่”
“โอเคครับ พวกคุณสองคนกลับไปก่อน เดี๋ยวผมจะไปเจรจากับเขาเอง”
