บทที่ 5 บทที่ 5

‘หนู’ อย่างนั้นเหรอ เธอแทนตัวเองว่าหนูเวลาพูดกับเขา ให้ตายสิ! มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังจะรังแกเด็กไม่มีทางสู้ยังไงยังงั้น แต่ไม่มีทางหรอกที่เขาจะสงสารหรือเห็นใจกับอีแค่เรื่องเท่านี้ ในเมื่อเด็กนี่มันเป็นน้องสาวของไอ้เพื่อนทรยศ

“เธอมันอวดดี เอ๊ะ...หรือว่าจริงๆ ไม่ได้อวดดี แต่แอบร้ายลึกเหมือนพี่ชายของเธอ เห็นฉันหล่อรวยก็เลยอยากได้เป็นผัวใช่มั้ย งานนี้สบายทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ไถ่บาปให้พี่ชาย เผลอๆ ถ้าทำให้ฉันรักฉันหลงได้ เธอก็สบายไปทั้งชาติ แต่ไม่มีทางหรอกนะอย่าได้ฝันหวาน คนอย่างฉันนอกจากจะไม่ให้โอกาสคนพร่ำเพรื่อแล้ว ฉันยังไม่คิดจะโง่ซ้ำซากด้วย เธอจะไม่มีวันได้รับความรู้สึกดีๆ หรือสิ่งดีๆ จากฉัน สิ่งเดียวที่เธอจะได้รับก็คือการระบายความแค้นเท่านั้น จำใส่หัวเธอไว้ด้วย”

“ค่ะ หนูจะไม่ลืม” หนูน้อยในกำมือราชสีห์ตอบอย่างใสซื่อ สายตาที่มองเขาก็เช่นกัน

“เลิกแทนตัวเองว่าหนูได้แล้ว มันน่ารำคาญ” แถมคำคำนั้นอาจจะทำให้เขาใจอ่อนเข้าสักวันก็เป็นได้ เขาเลยต้องทำท่าหงุดหงิดใส่แบบที่ทำอยู่ตอนนี้ไงล่ะ

“ขอโทษค่ะ”

“พูดกับฉันเหมือนเวลาที่เธอพูดกับคนอื่น แต่ห้ามเรียกฉันว่าพี่ไนท์ เธอต้องเรียกฉันว่าคุณไนท์ เพราะตอนนี้เธออยู่ในฐานะ ‘นางบำเรอ’ ของฉัน”

“ไผ่ต้องทำอะไรบ้างคะ”

“ก็นอนถ่างขาให้ฉันเอาไง!” ประโยคนั้นดังเกือบเป็นตะคอก ทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยง แต่ใบหน้าแดงซ่านด้วยความกระดากอาย

“คือไผ่หมายถึงเรื่องอื่นค่ะ คุณอยากให้ไผ่ทำอะไรให้บ้างคะ”

“ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำตัวเชื่องๆ ก็พอ แล้วก็อย่าคิดทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน เพราะเธอไม่มีสิทธิ์” เขาย้ำถึงสถานะของเธออีกรอบ ทำให้กลิ่นจันทร์ต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไว้ในอกอย่างรวดเร็ว

“ไผ่รู้ค่ะว่าไผ่ไม่มีสิทธิ์อะไร ไผ่อยากรู้ว่าคุณอยากให้ไผ่ลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วมาอยู่กับคุณหรือเปล่า”

“ไม่ต้อง จะลาออกมาทำไม เป็นภาระฉันเปล่าๆ เธอคิดจะมานอนอยู่บ้านสบายๆ อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอกลับไปเรียนหนังสือเหมือนเดิม เวลาฉัน ‘อยาก’ ฉันจะโทร.ไปบอกให้เธอมาหาเอง ที่สำคัญหายาคุมกินให้เรียบร้อยซะ เพราะถ้าเธอปล่อยให้ตัวเองท้องเมื่อไหร่ ฉันจะถีบหัวเธอส่งทันที และอย่าหวังว่าฉันจะชายตาแลมารหัวขนนั้นด้วย”

“ค่ะ” เสียงหวานรับคำสั้นๆ แววตาฉายความหวาดหวั่นและหมองหม่นออกมาพร้อมกัน ทำให้นภัทรต้องรีบเมินหน้าหนีแล้วเอ่ยปากไล่

“กลับไปซะ แล้วฉันจะโทร.หา”

กลิ่นจันทร์ไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่ออีก เธอทำแค่หมุนตัวกลับ แล้วเดินไปเปิดประตูออกจากห้อง จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปยังมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกที่ทั้งสับสนและหวาดหวั่นกับอนาคตของตัวเอง…

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กับการต้องเดินเข้ามาในร้านยาที่ตั้งอยู่ย่านมหาวิทยาลัย แล้วบอกกับเภสัชกรว่าต้องการซื้อยาคุมกำเนิด แต่ไม่ว่ายากแค่ไหน กลิ่นจันทร์ก็จำต้องบอกความต้องการของตัวเองออกไป ก่อนที่จะมีคนเข้ามาในร้าน ซึ่งนั่นยิ่งจะทำให้เธออับอายมากกว่าเดิม

“หนูอยากได้ยาคุมค่ะ” บอกเสร็จก็เสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคนขาย

“เอายี่ห้ออะไรดีครับ”

“ยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ”

“ไม่ต้องอายนะครับน้อง ป้องกันไว้น่ะดีแล้ว ดีกว่ามีปัญหาตามมาทีหลัง” เภสัชกรเหมือนจะรู้ว่ากลิ่นจันทร์กำลังรู้สึกอย่างไร จึงบอกเพื่อให้สาวน้อยคลายความกังวล ขณะส่งกล่องยาให้เธอ

“คือหนูไม่เคยกิน ต้องกินยังไงคะ” กลิ่นจันทร์ข่มความอายถามออกไป พลางภาวนาว่าขออย่าเพิ่งให้คนอื่นเข้ามาในร้านตอนนี้เลย

“ง่ายๆ ครับ ไม่ต้องกังวลนะ ยาตัวนี้เป็นยาชนิด 21 เม็ด น้องทานตามวันที่ระบุบนแผงเลย เช่นวันนี้วันอังคารก็ให้น้องแกะเม็ดของวันอังคาร กินวันละเม็ดตามลูกศรไปเรื่อยๆ พอยาหมดก็ให้เว้นเจ็ดวัน แล้วค่อยเริ่มแผงใหม่”

“แล้วมันมีผลข้างเคียงหรือเปล่าคะ”

“ก็มีบ้างนะ เช่นวิงเวียนศีรษะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีหรอก ถ้าน้องกลัวก็ให้กินก่อนนอนทุกวัน อ้อ…บางคนกินแล้วอาจดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ หุ่นบางๆ อย่างน้องพี่ว่าน่าจะสวยและน่ามองขึ้นกว่าเดิมเลยละ เอาไปเผื่อเลยมั้ย”

“ถ้าหมดแล้วหนูค่อยมาซื้อใหม่ดีกว่าค่ะ”

“ครับ แล้วแต่สะดวก”

“ขอบคุณนะคะ” กลิ่นจันทร์ยื่นเงินค่ายาแล้วรีบเก็บกล่องยาใส่กระเป๋าขณะรอเงินทอน และตอนนั้นเองกลิ่นจันทร์ก็เห็นอิงดาวเดินเข้ามาในร้าน ทำเอาเธอต้องแอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้จะตอบคำถามของอิงดาวว่ายังไง

“อ้าวไผ่ กลับมาแล้วเหรอ มาซื้อยาอะไรน่ะ”

“เรามาซื้อยาอมแก้เจ็บคอน่ะ แล้วอิงล่ะ” กลิ่นจันทร์จำต้องโกหกเพื่อน พร้อมกันนั้นก็นึกเกลียดตัวเอง ที่เหมือนจะกลายเป็นคนขี้โกหกไปแล้ว แต่เรื่องนี้เธอบอกความจริงไม่ได้จริงๆ

“มาซื้อยาแก้ปวดท้องประจำเดือน เจอแกก็ดีแล้ว แกช่วยลารุ่นพี่ให้หน่อยนะ วันนี้เราจะไม่เข้าเชียร์ บอกพี่เค้าว่าเราปวดท้องประจำเดือน”

“ปวดมากมั้ยอิง แล้วจะไปเรียนไหวหรือเปล่า” กลิ่นจันทร์ถามอย่างเป็นห่วง และลืมเรื่องความกังวลของตัวเองไปเสียสนิทในทันที

“ก็มากอยู่ แต่คิดว่ากินยาแล้วนอนพักก็คงหายแหละ บ่ายนี้เราคงไม่เข้าทั้งเรียนทั้งเชียร์นั่นแหละ”

“งั้นเดี๋ยวเราจดเลกเชอร์เผื่อนะ เรียนเสร็จจะถ่ายเอกสารไว้ให้”

“ขอบใจนะไผ่ แกเป็นเพื่อนที่ดีเสมอเลย” อิงดาวบอกอย่างซาบซึ้ง แล้วก็ยืนรอเหมือนกับอึดอัดใจที่จะซื้อยาต่อหน้าคนเป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงขอตัวกลับหอเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในช่วงบ่าย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป