บทที่ 7 บทที่3.เจ้าของสวนเชอรี่สุดหล่อ 1
บทที่3.เจ้าของสวนเชอรี่สุดหล่อ
มาโค วาน ฮัสเซลท์ “marco van Hasselt” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สไตล์คนยุโรป เส้นผมสีดำแซมด้วยสีขาวปละปลาย เมื่อมาโคใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางแสงแดด เขาลงลุยงานเต็มตัว โดยไม่เกี่ยงว่าตัวเองเป็นเจ้านาย หากคนงานตัดหญ้า เขาก็ร่วมลงแรงด้วย หากคนงานแบกปุ๋ย มาโคคือหนึ่งในคนงานเหล่านั้น เขาสนุกกับการทำงาน เมื่อมันคือจิตวิญญาณของเขา
พี่ น้อง ส่วนใหญ่ของเขา ไม่เคยลงมาคลุกคลี ซึ่งมาโคก็ไม่ได้ว่าอะไร ใครถนัดแบบไหน ก็ให้ทำแบบนั้น หลายๆ ครั้งที่มีคนสำคัญระดับประเทศมาเยือน มาโคถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่คนงาน ซึ่งเขาก็ไม่เดือดร้อน ชายหนุ่มปล่อยให้ มาริโอน้องชาย ที่ถือตำแหน่งรองประธานเป็นคนรับหน้า ถ้าไม่ได้มีอะไรเร่งด่วนจริงๆ
แต่หากวันไหนที่มาโคต้องไปยืนแถวหน้า ก็หาคนในตระกูลข่มเขาลงได้ ในวันที่ต้องเป็นผู้นำ มาโคก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กับการคลุกคลีอยู่กับคนงานในสวน
วันนี้เป็นวันแรกที่มีคนงานใหม่เข้ามาเริ่มงาน คนงานเหล่านั้นเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อวันก่อน เขาปล่อยให้ยาคอบที่เป็นหัวหน้าคนงานอบรมเรื่องกฎระเบียบ ก่อนจะเริ่มปล่อยให้คนงานได้ทำหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมาย
กลุ่มคนงานเกือบ30ชีวิต ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ทยอยรับตระกร้าบรรจุผลเชอรี่ และเดินขึ้นรถบรรทุกไปทิ้งไว้ตามจุดที่ผลไม้สุกงอม มีพี่เลี้ยงตามประกบ จนกว่าจะวางใจให้ฉายเดี่ยวได้ ชายหนุ่มเดินไปรวมกลุ่มกับคนเหล่านั้น แต่ละคนหน่วยก้านใช้ได้ มีแค่คนเดียวที่เดินอยู่ด้านหลังยาคอบ ที่ดูจะตัวเล็กไปสักหน่อย สำหรับงานที่ต้องใช้แรงกาย
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้า เดินขึ้นไปเทียบข้าง...
เขาแหล่มองคนข้างๆ แบบไม่ให้เจ้าตัวจับได้
ชายหนุ่มเอะใจตั้งแต่นาทีแรก...ที่เขาเข้าใจตั้งแต่ต้น คือการเข้าใจผิดถนัด...คนข้างกายเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่กำลังจะโต แต่คือผู้หญิงตัวเล็ก ใบหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู แต่ทำไม? ถึงได้มาทำงานที่ต้องอยู่กลางแดดเช่นนี้ ถึงแดดจะไม่ร้อน แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกที่จะทำอย่างอื่นมากกว่าการขายแรงกาย
งานสบายๆ ตามผับ ตามบาร์มีให้เลือกเกลื่อนกราด
“ยาคอบ” ชายหนุ่มร้องเรียกคนที่เดินนำ ยอคอบหันมามอง เขาเตรียมจะทำทักทายนายจ้างตามความเคยชิน แต่มาโคขยิบตาห้ามไว้เสียก่อน ผู้จัดการสวนมาโคขมวดคิ้ว ยอมทำตามที่เจ้านายต้องการแบบอิดออดหน่อยๆ
“คนงานใหม่รึ?” มาโคถามต่อ
“ครับ...คนต่างชาติทั้งนั้น คงต้องสอนนานกว่าคนพื้นที่ครับ”
ยาคอบสังเกตเห็นสายตาของนายหนุ่มวนเวียนไปที่เด็กสาวบ่อยครั้ง หัวหน้าคนงานหัวเราะในลำคอแบบรู้ทัน การที่เจ้านายปิดบังฐานะ ก็เพราะมีบางอย่างอยากทำตามวิสัยลูกผู้ชายนั่นเอง เกมสนุกๆ ของผู้ชายหนุ่มรุ่นกระทง เขาแอบเห็นใจเด็กสาว เมื่อเจ้าหล่อนยังไม่ประสีประสา ไร้จริตมารยา และดูซื่อเกินกว่าจะทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของนายจ้าง
“ทำไมให้เด็กมาทำงานหนักแบบนี้ด้วยล่ะ?” ชายหนุ่มถามเพื่อให้ตนเองคลายความสงสัย
“อ้อ...นี่หนูนิดา เธอพูดภาษาเราได้พอใช้ ผมเลยให้เธอมาช่วยเป็นล่ามน่ะครับ จะได้ช่วยสื่อสารกับกลุ่มที่ยังพูด หรือฟังไม่ออก” พอยาคอบตอบ มาโคก็เริ่มทดสอบนิรดาทันที
เขาถามหล่อนเป็นภาษาฝรั่งเศส ที่คนส่วนใหญ่ใช้สื่อสาร
“ชื่ออะไรล่ะ อายุเท่าไหร่ คิดว่าทำงานแบบนี้ไหวไหม?”
นิรดามองสบตาหัวหน้าคนงาน เมื่อเขาพยักหน้าเธอเลยตอบทุกคำถามที่มาโคถาม ด้วยภาษาเดียวกันกับเขา แม้สำเนียงจะแปร่งๆ เพราะยังไม่ชิน แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับก้าวแรกของคนที่เพิ่งเดินทางมาถึง
“ชื่อนิรดาค่ะ อายุ19ปี ไหวสิคะ คุณไม่ต้องห่วงว่านิดาจะทำงานให้ไม่คุ้ม” หญิงสาวยิ้มแฉ่งหลังตอบคำถามจบ
พอดีกับที่รถบรรทุกแล่นมาจอดตรงหน้า ยาคอบโบกมือให้คนงานเหล่านั้นขึ้นไปนั่งประจำที่ มีแม่สาวร่างเล็กช่วยสื่อสาร มาโคยืนฟังหล่อนพูด จนลืมกระโดดขึ้นรถคันนั้น เมื่อรถบรรทุกเคลื่อนที่ออกไป ชายหนุ่มจึงบ่นออกมาด้วยความเสียดาย
“มัวแต่ฟังเพลิน ลืมขึ้นรถเลยกู”
นิรดาย่นปลายจมูกให้คนตัวใหญ่ท่าทางน่าเกรงขามที่มองเห็นลิบๆ เมื่อรถบรรทุกแล่นห่างออกมาทุกที เธอเลยหมดความสนใจเขา ตั้งใจฟังคำอิบายของยาคอบ หัวหน้าคนงานจับคนงานแยกออกเป็นสองกลุ่ม มีคนงานเก่าๆ ตามประกบและสอนงานให้ ขลุกขลักเรื่องภาษาในตอนแรก เลยต้องใช้วิธีทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ชั่วเวลาไม่นาน คนงานหน้าใหม่ก็สามารถเดินเก็บผลเชอรี่ตามต้นได้อย่างไม่ต้องห่วง เมื่อแต่ละคนถูกฝึกมาบ้างแล้ว รวมถึงนิรดาด้วย เธอแบกตระกร้าหวายไว้ด้านหน้า เก็บผลเชอรี่ตามที่ถูกสอนมา หย่อนลงในตระกร้าจนเต็ม และนำไปวางไว้ตามจุดที่เขากำหนดไว้ แล้วก็นำตระกร้าใบใหม่เดินย้อนไปเก็บผลเชอรี่ จนกว่าจะหมดวันทำงาน
ถึงเวลาพักเที่ยง...รถคันเดิมก็วิ่งมารับตามจุด เพื่อพาคนงานทั้งหมดไปที่โรงอาหารกลางสวน ทางสวนมีอาหารให้รับประทาน2มื้อ คือเที่ยงกับตอนเย็นซึ่งแล้วแต่ความพอใจของคนงาน เขาจะพกอาหารมากินเองก็ได้ หรือจะรับประทานที่โรงอาหารของทางสวนก็ได้เช่นกัน
นิรดาที่มาใหม่ เดินตามคนงานกลุ่มใหญ่ไป
