บทที่ 7 ตอนที่5

“นาย….ไม่มีความสุขเหรอไง?”ฉันเอ่ยถามเขากลับไปทันทีอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรเพราะฉันเห็นว่าเขามีแววตาที่เศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดตอนที่ฉันบอกเขาว่าฉันมีความสุขกับงานที่ฉันทำมาก แววตาที่ฉันพูดก็คงจะแพรวพราวล้นเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ฉันมี

“กับงานที่นายทำน่ะ….หรือนายไม่มีงานทำ?”

“เธอทำงานอะไรเหรอ….ที่เธอบอกว่ารักน่ะ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับยิงคำถามใส่ฉันแทน

“ฉันเป็นนักเขียนนิยาย^_^”ฉันตอบเขาไปอย่างภาคภูมิใจและยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ

“งานของฉันขายได้เป็นหมื่นๆเล่มเลยนะ…”

“และได้ตีพิมพ์ถึงสามครั้งต่อหนึ่งปีแหนะ^_^”

“ไม่เชื่อฉันเหรอ….ถึงทำหน้าแบบนั้น?”ฉันถามเขาเสียงเข้มที่เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด

“ก็เชื่อ….แต่เธอก็มองดูมีความสุขจริงๆด้วย”

“ใช่ไหมล่ะ…^_^”ฉันยิ้มกว้างจนลืมไปเลยว่าฉันกำลังทำแผลค้างไว้อยู่

“แล้วนายล่ะ….นายได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไหม?”

“ก็….ทำนะ…”

“ตอนเด็กๆนายฝันว่าอยากเป็นอะไรเหรอ?”

“นักร้อง….”

“นักร้อง?”ฉันแทบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินความฝันของอีตาหน้าหล่อนี่ หน้าอย่างเขานี่น่ะเหรอที่จะเป็นนักร้อง รอยสักเต็มตัวแบบนี้ ใครเขาจะรับเข้าสังกัดไปทำเพลงอ่ะ

“หน้าอย่างฉันเนี่ย….ไม่เหมาะที่จะเป็นนักร้องเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันมาด้วยหน้าตาที่โคตรน่าขำอะ คนอะไรทำหน้าเหวอได้เท่ห์สุดๆ ช่างขัดกับรอยสักบนตัวเขามากเลยน่ะเนี่ย

“ฮ่าๆๆๆ…อุ๊ย….ขอโทษ…”ฉันขอโทษเขาไปที่เผลอลืมตัวหัวเราะเขาซะได้

“เธอ….ไม่รู้จักฉันเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันกลับมาพร้อมกับใช้นิ้วชี้ของเขาชี้ไปที่ตัวเขาเอง

“ฉันจะรู้จักนายได้ยังไง….ในเมื่อเราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก…..”

“และฉันยังไม่ได้ถามชื่อนายเลยด้วย”ฉันพูดต่อพลางทำหน้างงๆใส่เขาและเริ่มหันมาก้มหน้าก้มตาทำแผลบนขาของฉันต่อ มันก็ไม่ได้เป็นแผลลึกอะไรมากหรอก แต่ทำไมเลือดมันออกเยอะจังนะ?

ติ๊ดดดดด

“โทรศัพท์เธอ?”เขาพูดพร้อมกับมองตรงไปที่แสงจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูของฉันที่มีสายเรียกเข้าจากลูกหว้าโทรเข้ามา

“อืม…ใช่…เพื่อนฉันโทรมาน่ะ…แต่มันรับไม่ได้เพราะหน้าจอแตกละเอียดขนาดนี้…”ฉันว่าพร้อมกับหมดอาลัยตายอยากกับโทรศัพท์ราคาแพงของฉันที่เพิ่งจะซื้อออกมาได้ไม่ถึงเดือนเอง

พรึบ

“เอาของฉันไปดิ….”เขาว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ฉัน ซึ่งมันเป็นรุ่นเดียวกับของฉันแต่เป็นสีดำ

“เพราะยังไงๆฉันก็คงจะไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว….”เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าลงหน้าตาดูเศร้าหมองทำให้ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัย ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่

“ทำไมล่ะ…เอ่อจริงสิ…เมื่อกี้ฉันเห็นนายทำท่าจะกระโดดน้ำด้วย…”

“นายจะฆ่าตัวตายเหรอ?”ฉันโผงผางถามออกไปอย่างอยากรู้

“อืม…”เขาตอบฉันสั้นๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยแววตาเอื่อยเฉื่อยและเหม่อลอย

แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความเหงา…

พรึบ

“อย่าฆ่าตัวตายเลยนะ….มันเป็นบาป….”ฉันโผเข้าสวมกอดร่างของเขาและเอาหน้าซุกลงไปบนหน้าอกของเขาและเอ่ยบอกเขาไป อาการแบบนี้…โรคซึมเศร้าแน่ๆ

เขาคนนี้ต้องเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แน่ๆ….

“ถ้านายฆ่าตัวตาย….นายจะยังไม่ได้ไปเกิด…มันเป็นกรรมที่ผิดมหันต์…”

“คนเราเกิดมา….กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์…มันไม่ง่ายเลยนะ…”

“นายไม่สงสารพ่อแม่นายเหรอ…ที่พวกท่านเลี้ยงดูนายมาจนนายโตได้ขนาดนี้…นายไม่คิดที่จะตอบแทนบุญคุณพวกท่านเลยเหรอ?”

ตึกตักๆๆๆๆ

เสียงหัวใจเต้นรัวของร่างสูงที่นั่งตัวแข็งทื่อส่งเสียงดังออกมาทำให้ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาหน้าตาขาวใสของเขากำลังอึ้งตกใจอยู่ ดวงตาชั้นเดียวของเขาเบิกโพลงขึ้น ฉันก็ค่อยๆคลายกอดของเขาและกลับมานั่งตัวตรงตามเดิมพร้อมกับเม้มปากแน่น

ที่ฉันเผลอกอดเขาไป จนลืมไปว่าเขาจะรังเกียจและหวาดกลัวฉันไหม แล้วเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงใจแตกเหรอเปล่า ที่กล้ากอดผู้ชายที่เพิ่งจะพบเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเนี่ย

“ขอโทษ….”ฉันเอ่ยเสียงเศร้าสลดขอโทษเขาไป เขาก็ดูเหมือนจะได้สติก็ค่อยๆหันกลับมามองหน้าฉัน แววตาของเขาสั่นไหว

พรึบ

“นะนาย”ฉันร้องเสียงหลงที่อยู่ดีๆนายหน้าหล่อนี่ก็คว้าร่างของฉันเข้าไปสวมกอดอีกครั้ง คราวนี้ ไม่ใช่แค่เสียงหัวใจของเขาแล้วล่ะ ที่เต้นรัวเร็วแต่มันเป็นเสียงหัวใจของฉันด้วย….น่ะสิ เต้นแรงไม่แพ้ของเขา และกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ลอยออกมาจากตัวของเขาอีก กำลังทำให้ฉันหวั่นไหว

ตึกตักๆๆๆๆ

“ฟอดดดด”เขาใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรนะ…หอมจัง^//^ ฉันว่าในใจหลังจากที่ใช้จมูกสูดดมกลิ่นกายข

องเขาที่จมูกฉันไปอยู่ตรงหน้าอกของเขาพอดี…

บทก่อนหน้า
บทถัดไป