บทที่ 5 อย่าบังคับให้ฉันส่งคุณไปต่างประเทศ!

อัญญารัตน์แอบบ่นในใจ นี่เห็นห้องพักฟื้นของเธอเป็นตลาดสดหรือไงกัน? ถึงได้เดินเข้าเดินออกกันไม่หยุดหย่อนแบบนี้

เธอเงยหน้าขึ้นมอง

พลันสีหน้าก็บึ้งตึงลงทันที

ผู้ที่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องพักฟื้นคือ สุเจริญ พ่อของเธอ พริมดาว แม่เลี้ยง และ นวลนภา น้องสาวต่างแม่

ทันทีที่เห็นหน้านวลนภา ภาพเหตุการณ์วุ่นวายในงานหมั้นเมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวอัญญารัตน์

คู่หมั้นของเธอ... ในนาทีความเป็นความตาย กลับทิ้งเธอไว้ แล้วเลือกที่จะไปช่วยน้องสาวต่างแม่ที่เธอเกลียดที่สุดอย่างนวลนภาแทน

นวลนภาเดินเข้ามาที่ข้างเตียง แสร้งทำเป็นถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า "พี่คะ พี่เป็นยังไงบ้าง? ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานพี่เจ็บหนักจนหมดสติไปเลย"

พูดจบ หล่อนก็ยกมือขึ้นซับน้ำตาที่หางตา... ทั้งที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด

อัญญารัตน์รู้สึกสะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เมินเฉยต่อการมีอยู่ของทั้งสามคน

เธอรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว พลิกตัวนอนตะแคง แล้วหลับตาลงแสร้งทำเป็นหลับ

สุเจริญกระชากผ้าห่มออกอย่างแรง "พรึ่บ!" แล้วชี้หน้าด่ากราด "อัญญารัตน์! แกไม่มีมารยาทหรือไง?! น้องอุตส่าห์เป็นห่วง แต่แกกลับทำท่าทางแบบนี้ใส่เนี่ยนะ?!"

อัญญารัตน์เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างดื้อๆ

พริมดาวเห็นท่าทีเย็นชาแบบไม่แยแสของอัญญารัตน์ จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย "คุณคะ ยัยอัญยังเด็ก คุณอย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยค่ะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเปล่าๆ เรามาคุยธุระสำคัญกันก่อนดีกว่า"

สุเจริญยืนเท้าเอว ถลึงตาใส่อัญญารัตน์ด้วยความโมโห

"ยังเด็กงั้นเหรอ? มันอายุ 26 แล้ว จะมาเด็กอะไรกัน? อีกอย่างมันก็เป็นแม่คนไปตั้งนานแล้ว!"

สุเจริญเองก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้นานนัก

เขาจึงออกคำสั่งใส่แผ่นหลังของอัญญารัตน์ตรงๆ ว่า "เรื่องเมื่อวานแกก็เห็นกับตาแล้วนี่ว่าคนที่ธราธิปแคร์ที่สุดคือนวลนภา ยังไงงานหมั้นของแกสองคนก็ล่มไปแล้ว ตัดใจซะเถอะ แกเป็นฝ่ายประกาศยกเลิกสัญญาหมั้นกับธราธิปซะ แล้วให้นวลนภาแต่งงานกับธราธิปแทน"

พอได้ยินประโยคนั้น อัญญารัตน์ก็หันขวับกลับมา

เธอหัวเราะออกมา... เป็นการหัวเราะทั้งที่โกรธจัด

ช่างเป็นคำขอที่สารเลวสิ้นดี

ไม่รู้จริงๆ ว่าคนบ้านนี้จะหน้าด้านไร้ยางอายไปได้ถึงขนาดไหน

ลูกสาวเป็นมือที่สามแย่งแฟนชาวบ้าน พ่อแม่ก็ช่วยกันดันให้ขึ้นแท่น

แถมยังกล้ามาเรียกร้องเอาหน้าตาเฉยต่อหน้าเจ้าของตัวจริงอีก

อัญญารัตน์ดึงหมอนมาหนุนหลัง ขยับตัวขึ้นนั่งกึ่งนอน กอดอกมองดูละครฉากนี้อย่างนึกสมเพช

เธอปรายตามองสุเจริญแล้วถามสวนกลับไปว่า "ทำไมฉันต้องทำ?"

สุเจริญสีหน้าไม่เปลี่ยน พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย "ก็เพราะสองคนนั้นเขารักกันจริง เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก ส่วนแก... ผู้หญิงไม่รักดีที่โดนผู้ชายฟันแล้วทิ้ง ท้องไม่มีพ่อตั้งแต่อายุน้อยๆ เรื่องฉาวโฉ่เมื่อตอนนั้นดังไปทั่วเมืองเอ แกเองก็รู้อยู่แก่ใจ! ชื่อเสียงของตระกูลวุฒิยาภรณ์ป่นปี้ก็เพราะแก! อัญญารัตน์ ตระกูลพรชัยเจริญถือเป็นตระกูลผู้ดีมีหน้ามีตาในเมืองเอ แกคิดจริงๆ เหรอว่าจะเข้าไปเป็นสะใภ้บ้านนั้นได้? คิดว่าเขาจะยอมให้ธราธิปแต่งงานกับผู้หญิงที่มีประวัติด่างพร้อย ทำตัวเหลวแหลกแบบแกงั้นรึ?! ที่ฉันมาพูดดีๆ ด้วยนี่ถือว่าไว้หน้าแกมากแล้วนะ อย่าให้มันมากความ ให้เกียรติแล้วก็หัดรับไว้ซะบ้าง!"

เมื่อตอนอายุสิบแปด อัญญารัตน์ที่ตั้งท้องโดยไม่มีพ่อกลายเป็นตัวตลกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเอ เป็นหัวข้อนินทาในวงสนทนาของชาวบ้าน

สุเจริญไม่สนใจความเป็นความตายของเธอ ส่งเธอไปต่างประเทศอย่างเลือดเย็น ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาไม่เคยถามไถ่แม้แต่คำเดียว ปล่อยให้เธอต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพียงลำพังในต่างแดน

แม้แต่ตอนนี้ ที่เธอเพิ่งจะรอดตายจากกองเพลิงมาได้ เขาก็ยังไม่มีความห่วงใยให้แม้แต่น้อย

มิหนำซ้ำยังกล้าแบกหน้ามาเจรจาเพื่อลูกสาวสุดที่รักอย่างนวลนภา บังคับให้เธอยกคู่หมั้นให้เนี่ยนะ?!

เคยเจอคนหน้าด้านมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอใครหน้าด้านได้โล่ขนาดนี้มาก่อน!

อัญญารัตน์ปรายตามองทั้งสามคนที่มีสีหน้าแตกต่างกันไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "พวกคุณสองคนนี่สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ สันดานการเป็นมือที่สามนี่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วยสินะ! แล้วที่บอกว่าฉันทำลายชื่อเสียงตระกูลวุฒิยาภรณ์? ตระกูลวุฒิยาภรณ์ยังมีชื่อเสียงอะไรเหลือให้ฉันทำลายได้อีกเหรอคะ?

งานศพแม่ฉันเพิ่งจัดเสร็จไม่ทันไร คุณก็รีบเอาเมียน้อยเข้าบ้านจนตัวสั่น ที่น่าขำที่สุดคือ ลูกสาวที่เกิดจากเมียน้อยคนนี้อายุน้อยกว่าฉันแค่ครึ่งปี... สุเจริญ ฉันขอถามแทนแม่หน่อยเถอะ ตอนที่แม่อุ้มท้องฉันอย่างยากลำบาก คุณมัวไปทำระยำอะไรอยู่? ถ้าจะพูดถึงความไม่รู้จักพอ ความมักมากในกาม มองไปทั่วเมืองเอนี้ ใครมันจะไปเลวสู้คุณสุเจริญได้อีกล่ะ?!"

สุเจริญโกรธจนควันออกหู เขาพุ่งตัวเข้าไปง้างมือจะตบอัญญารัตน์ ปากก็ตะคอกลั่น "นังอัญญารัตน์!!..."

นวลนภาและพริมดาวสองแม่ลูกต่างก็หน้าถอดสีไปตามๆ กัน

อัญญารัตน์ยังรู้สึกมึนหัวอยู่หน่อยๆ และคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับคนพวกนี้ "ตระกูลพรชัยเจริญจะยอมรับฉันไหม จะยอมรับฉันเป็นสะใภ้หรือเปล่า ให้ธราธิปมาบอกฉันด้วยตัวเอง ไม่ใช่กงการอะไรของคนนอกอย่างคุณที่จะมาชี้นิ้วสั่งสอนปาวๆ อยู่ตรงนี้! ถ้าพวกคุณยังไม่ไสหัวไปอีกฉันจะแจ้งตำรวจ! เอาสิ ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมา คนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว!"

เวลานี้ ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องพักฟื้น เริ่มมีไทยมุงมายืนดูเหตุการณ์กันบ้างแล้ว

ผู้คนต่างพากันซุบซิบกระซิบกระซาบ พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือวิพากษ์วิจารณ์มาที่พวกเขาทั้งสามคน

สุเจริญรู้นิสัยของอัญญารัตน์ดี เขาตระหนักได้ว่าเธอก็เหมือนกับแม่ของเธอ ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่สนใจโลก แต่ถ้าใครไปกระตุกหนวดเสือเข้า ความเด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าวที่อยู่ในสายเลือดนั้น ก็ไม่มีใครรับมือไหว!

สุเจริญชำเลืองมองฝูงชนหน้าห้องที่เริ่มหนาตาขึ้น ด้วยความที่ยังห่วงหน้าตาของตระกูลวุฒิยาภรณ์อยู่บ้าง จึงขู่ทิ้งท้ายว่า "อัญญารัตน์ อย่าบีบให้ฉันต้องส่งแกไปต่างประเทศอีกนะ!" สุเจริญทิ้งคำขาดไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินสบถด่าพึมพำออกไปจากห้อง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป