บทที่ 4 4

ถ้าผู้ชายคนนี้เกิดคิดจะฆ่าเธอขึ้นมาจริง ๆ ก็หารอดพ้นไม่ หากทว่าในความประหวั่นพรั่นใจปรายฟ้ากลับนึกคิดถึงชายที่เขมราชบริภาษอย่างรุนแรง... ก้องกาจ เช่นนั้นหรือที่เป็นคนใจร้ายทำลายน้องสาวของเขาจริง ๆ ก้องกาจ บุรุษที่มีความเป็นสุภาพชนในสายตาของผู้หญิงเช่นเธอ เขาอ่อนโยนและให้เกียรติคู่หมั้นไม่เคยล่วงเกินเธอแม้ปลายเล็บ แล้วเขมราชเป็นใครกันจึงยัดเยียดข้อหาให้เขาเป็นยิ่งกว่าจำเลยความผิดอุกฉกรรจ์ทว่าผู้ถูกพิพากษารับโทษทัณฑ์กลับเป็นว่าที่เจ้าสาวซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ปรายฟ้านับหนึ่งถึงร้อยเพื่อค่อยปัดเป่าความสับสนภายใน เธอจะยอมให้เขามาทำเยี่ยงเธอเป็นทาสไม่ได้ ฉะนั้น...เธอต้องคิดหาวิธีหนี แต่แผนการที่เหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิดต้องรอบคอบและสุขุม หญิงสาวข่มความกลัวลงได้ยากเย็นเมื่อภาพถนนหลวงข้างทางแปรเปลี่ยนเป็นแคบเล็กและรกครึ้มด้วยไม้ใหญ่มากขึ้นทุกขณะ

ท่ามกลางความมืดปรายฟ้ามองเห็นเพียงปลายไม้ไหวในที่ร้างไร้แสงไฟสว่างและบ้านผู้คน รถจิ๊ปคันใหญ่โยกโยนไปตามเส้นทางที่เริ่มขรุขระและลาดชันมากขึ้นทุกขณะ เสียงล้อบดเบียดพื้นเป็นหลุมบ้างนูนบ้างบอกให้รู้ว่าเส้นทางเดินรถหมดไปแล้วซึ่งอาจเป็นก้อนหินและรากไม้วางตัวอยู่รายทาง  ใบหน้าคมคายทว่าเคร่งเครียดยังคงสงบนิ่งอยู่หลังพวงมาลัย ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปตามแสงไฟเบื้องหน้าที่สาดส่องเนินดินและหินซึ่งพาดผ่านเข้าไปยังป่ารกชัฏ สำหรับปรายฟ้าช่วงเวลาบนรถคันนี้เสมือนชั่วชีวิต นานนับชั่วโมงที่คนขับพายานพาหนะเก่าคร่าทว่าแข็งแกร่งหลีกเลี้ยวกิ่งก้านไม้และหินดินดานราวกับเป็นผู้ชำนาญทางอย่างดีแล้ว           เบื้องหลังมีเพียงความมืดทิ้งตัวห่างออกไปมากขึ้น ๆ เสมือนกล่าวคำอำลาต่ออิสรภาพที่น้อยลงทุกทีจนทำให้หญิงสาวยิ่งนึกหวั่นว่าแล้วเส้นทางที่เธอวางแผนหลบหนีเล่าจะสิ้นสุดลง ณ ที่ใด เธอมองไม่เห็นสิ่งใดให้เป็นที่สังเกตได้เลยว่าเป็นจุดเริ่มต้นหรือจุดจบในป่าอันลึกล้ำนี้ ฤาหากจะมีอาจเป็นตัวเธอเองกระมังที่ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนเขาจะพาเธอไปจรดที่หมายเบื้องหน้า

“อุ๊ย!...นี่คุณ...ช่วยหยุดรถทีสิ!” ปรายฟ้าคู้ตัวและนิ่วหน้าร้องบอกให้คนขับชะลอคันเร่ง

“ทำไม!...เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ!”

“ฉันปวดท้องฉี่...คุณขับรถเข้ามาในป่านี่ตั้งนานแล้วนะ ฉันก็อยากทำธุระของฉันบ้างสิ!...โอ้ย!”

หญิงสาวต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้งเมื่อเขมราชเหยียบเบรคกะทันหันจนร่างของเธอเหมือนถูกกระชากกลับไปกระแทกคอนโซลด้านหน้าอีกครั้ง

“นี่คุณ!...เบรคดี ๆ ไม่เป็นรึยังไง ฉันเจ็บไปหมดแล้วนะ!”

“เรื่องของคุณ!...ผมไว้ชีวิตคุณมาถึงนี่ก็นับว่าบุญเท่าไหร่ อย่ามาทำลวดลายกับผมก็แล้วกันปรายฟ้า แล้วอย่าหาว่าเขมราชคนนี้ไม่เคยเตือนคุณ!”  เสียงคำรามลั่นสั่นประสาทของปรายฟ้าจนกระเจิดกระเจิงไปเกือบหมด หากแต่เธอต้องเก็บความยั้งคิดสุดท้ายที่ตกผลึกไว้ ไม่ว่าสิ่งที่เธอเผชิญจะน่ากลัวมากแค่ไหน หากเธอไม่ลงมือทำอะไร นรกขุมท้ายสุดต้องรอเธออยู่แน่นอน

“ผมให้เวลาคุณห้านาที...ถ้าขืนชักช้าผมจะเข้าไปลากคุณออกมาเอง!”

เขมราชสาดคำคาดโทษไว้อีกก่อนจะลงจากรถและเดินลงส้นไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ปรายฟ้ารีบสะบัดเท้าเรียวออกจากรองเท้าส้นสูงคู่งามที่อาจไม่มีความหมายอะไรต่อไปก่อนจะก้าวลงเหยียบพื้นด้านล่างอย่างทุลักทุเล

เมื่อเธอทรงตัวยืนในขณะที่มือทั้งสองยังถูกมัดไว้ด้วยเชือกก็เห็นว่าคนที่เธอกำลังชังน้ำหน้าเขาอยู่ในตอนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่กำยำมากแค่ไหน มัดกล้ามที่แขนและหน้าอกภายใต้เสื้อยืดเนื้อบางทำให้ร่างอรชรที่ดูเล็กไปถนัดใจต้องคิดคำนวณทางหนีทีไล่มากกว่าเดิม             หากใช่เพียงรูปร่างนั้นที่สั่นไหวหัวใจของหญิงสาว ใบหน้าอันคมคายหล่อเหลาราวเทพบุตรคล้ายทำให้เจ้าของร่างบางซึมซับภาพของเขาไว้ในใจโดยเธอก็แทบไม่รู้ตัว

ปรายฟ้าค่อย ๆ ย่างเท้าเปล่าเข้าไปหลังพุ่มไม้อย่างยากลำบากเพราะอุปสรรคใหญ่คือชุดเจ้าสาวกระโปรงลูกไม้ยาวเยื้อยคอยแต่จะเกาะเกี่ยวไปบนยอดไม้ปลายกิ่งที่แตกก้านใบเรี่ยรายบนพื้นดิน เธอไม่อยากหันไปมองผู้ชายคนนั้นที่เป็นยิ่งกว่ามัจจุราชกระชากเธอไปลงทัณฑ์รับโทษ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะมีใครกันที่ยังจะอยากปลดทุกข์ในป่าใหญ่มืดครึ้ม เธอไม่ได้มีความรู้สึกอยากทำอะไรดังที่บอกกับเขา แค่เพียงโอกาส...ที่จะได้ปลีกกายห่างออกมาจากคนอหังการอย่างเขมราช หากมันจะเป็นโอกาสสุดท้าย เมื่อได้จังหวะเหมาะหญิงสาวจึงเหลียวหลังกลับไปมองผ่านทางช่องพุ่มไม้ใหญ่ เขายังยืนอยู่ข้างรถจิ๊ปที่สตาร์ทเครื่องยนต์ไว้ให้มีไฟส่องทาง ปรายฟ้าก้มลงมองชายกระโปรงลูกไม้ยาวก่อนตัดสินใจใช้มือที่ยังถูกมัดไว้ฉีกทึ้งมันออกอย่างไม่เสียดายเพื่อให้ชายของชุดสุดหรูสั้นขึ้นไปแค่เข่าของเธอ ไม่มีเวลาใดเหมาะมากไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างบางระหงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะพุ่งทะยานไปด้านหน้าวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

เร็วสิปรายฟ้า...เธอต้องวิ่งไป...เธอต้องวิ่งไป....

“โอ๊ะ!....ว้าย!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นหลังจากที่หญิงสาววิ่งห่างออกมาได้ไม่นาน อารามรีบทำให้เธอสะดุดรากไม้ในความมืดก่อนร่างบางจะล้มลงซ้ำยังกลิ้งไปตามทางลาดที่มองไม่เห็นและกระแทกกับโคนไม้ใหญ่เข้าอย่างจัง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป