บทที่ 10 บทที่ 10.

“เฮ้อ นี่ถ้าพี่เกดไม่มาหาอ้อนมีหวังอ้อนยืนตากน้ำค้างทั้งคืนแน่ค่ะ” อโนมาเป่าลมออกจากปากบางสวยอย่างโล่งใจและยิ้มให้แม่เลี้ยงอย่างอ่อนหวาน

“เป็นน้องสาวพี่เกดแล้วไม่มีทางถูกทิ้งให้ตากน้ำค้างหรือแทะเล็มหรอกค่ะ”

“นี่ก็ดึกแล้วอ้อนคงต้องขอตัวกลับแล้วล่ะค่ะพี่เกด” หญิงสาวยกข้อมือดูนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ

“เดี๋ยวพี่เกดให้คนที่คุ้มไปส่งนะคะ แล้วพรุ่งนี้เราจะไปรับน้องอ้อนตอนเจ็ดโมงนะคะ แล้วเราไปรับตาสิงโตด้วยกันและเลยไปเที่ยวบ้านน้องอ้อนเลย” คนพูดจัดตารางการเดินทางให้เสร็จสรรพ จนคนที่ด้อยอาวุโสกว่าไม่กล้าที่จะขัดด้วยน้ำใจไมตรีที่แม่เลี้ยงเกศรามีให้ท่วมท้น

“แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าบ้านอ้อนน่ะยังไม่เจริญเท่าไรยังต้องเข้าไปจากปากทางหลวงอีกหลายกิโลเมตรนะคะ และไม่มีอะไรที่จะอำนวยความสะดวกอย่างในเมือง” หญิงสาวกล่าวอย่างเกรงใจเพราะกลัวว่าการเดินทางไปเยี่ยมบ้านของเธอนั้นจะสร้างความลำบากให้แม่เลี้ยงคนงาม ด้วยตอนนี้ทั้งพ่อแม่ของเธอก็ลาออกจากราชการแล้วหันมาทำสวนผักสวนผลไม้เล็กๆ อยู่ที่บ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริได้หลายปีแล้ว

“โธ่น้องอ้อน พี่เกดของน้องอ้อนน่ะก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่อ่อนเหยาะแหยะมาแต่ไหนแต่ไรแล้วละครับ ยิ่งเรื่องผจญภัยเดินป่าเดินเขานี่น่ะเขาชอบนักล่ะ” พ่อเลี้ยงอินคำเอ่ยสนับสนุนเมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของอโนมา

“ใช่ค่ะน้องอ้อน ยิ่งตาสิงโตน่ะชอบมากเลยการได้ไปเที่ยวแบบสมบุกสมบัน ไม่มีปัญหาค่ะเอาเป็นว่าถ้าน้องอ้อนไม่รังเกียจเรา เราก็เดินทางไปเที่ยวแบบมันส์ๆ กันเลยนะคะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะพี่เกด ถ้าอย่างนั้นอ้อนขอตัวกลับก่อนนะคะแล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” หญิงสาวไหว้ลาทั้งสองสามีภรรยาผู้ใจดีอย่างนอบน้อมและเดินตามคนขับรถที่ทางแม่เลี้ยงกำชับให้ไปส่ง

เธอลงเรือนไปที่ลานจอดรถด้านล่างที่รายล้อมด้วยดอกไม้เมืองเหนือนานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ ทำให้เธออดที่จะสูดกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นั้นไม่ได้ และเมื่อเดินผ่านซุ้มดอกแก้วที่ออกดอกขาวสะพรั่งเต็มต้น อีกทั้งไม้ดอกอื่นๆ เช่น ประยงค์ บุหงาส่าหรี ราตรี ที่ยิ่งดึกยิ่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ดอมดม หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกแก้วสีขาวสะอาดนั้นเบาๆ และโน้มกายลงสูดกลิ่นหอมนั้นอย่างอดไม่ได้

“ผู้หญิงกับดอกไม้เป็นของคู่กันอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ นะครับ...น้องอ้อน” เสียงทุ้มกังวานที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังเพลิดเพลินอยู่กับกลีบดอกไม้สีขาวสะอาดหันขวับไปมองแล้วต้องนิ่งงันเมื่อเห็นว่าตัวต้นเสียงนั้นอยู่ใกล้ชิดเธอเพียงแค่ช่วงแขนเดียว

“คุณอัคคี”

“พี่จำได้ว่าขอให้เรียกพี่ว่าพี่ไฟนะครับน้องอ้อน” เขากล่าวเสียงเรียบหากแววตาพราวระยับอย่างพึงพอใจเมื่อจับได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังตื่นตระหนก

“ดิฉันคงไม่กล้าตีตัวเสมอหรอกค่ะคุณอัคคี ฉันก็แค่คนธรรมดาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจขนาดที่คุณต้องลดตัวมาสนิทสนมด้วย” หญิงสาวพูดอย่างไว้ตัวอย่างเปิดเผย ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจและขุ่นเคืองนิดๆ ที่หญิงสาวตรงหน้ากล้าพูดตรงๆ อย่างตัดไมตรีเขา ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ากำลังฮอต เสน่ห์ร้อนแรงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ค่อนประเทศ

“ใครว่าล่ะครับน้องอ้อนน่ะน่าสนใจสำหรับพี่สิครับ ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ต้องทำหน้าที่สารถีขับรถไปส่งน้องอ้อนที่โรงแรมแน่นอน” ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจก็แน่ล่ะเขาอุตส่าห์ลงมาดักรอและสกัดดาวรุ่งคนขับรถของแม่เลี้ยงเกศราเพื่อจะหาโอกาสเข้าใกล้หญิงสาวตรงหน้านี่นา หญิงสาวทำหน้าเหวอเมื่อเจอมุกนี้เพราะไม่คิดว่าเพลย์บอยตัวอันตรายอย่างอัคคีจะกล้าลดตัวลงมาทำอะไรที่มันไม่ค่อยจะมีเหตุมีผลในสายตาและความคิดของเธอ

“แล้วคนขับรถที่พี่เกดบอกว่าจะไปส่งฉันล่ะคะ” หญิงสาวทำท่าระแวงแล้วมองซ้ายมองขวาหาคนขับรถที่เธอเดินตามมา แต่พอเผลอชื่นชมดอกไม้นิดเดียวเท่านั้นคนขับรถตัวดีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“พอดีคำหล้าปวดท้องกะทันหันก็เลยวิ่งไปเข้าห้องน้ำ พี่เห็นท่าว่าไม่ดีกลัวว่าเขาจะนานก็เลยอาสาไปส่งน้องอ้อนเอง หรือว่าน้องอ้อนไม่ไว้ใจพี่ครับ” ชายหนุ่มต้อนหญิงสาวอย่างไม่ยอมให้หลีกเลี่ยงและนึกสนุกที่เห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอ เหมือนลูกกวางที่พลัดตกหลุมนายพรานแล้วกระวนกระวายหาทางออกไม่เจอ สร้างความพอใจให้ชายหนุ่มยิ่งนัก

“อีกอย่างนี่ก็เริ่มดึกแล้ว พี่เกดกับพี่อินก็กำลังส่งแขกและเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เห็นว่าจะไปรับตาสิงโตที่ไปเข้าค่ายลูกเสือ และก็จะไปเที่ยวเชียงรายด้วยเลยต้องเตรียมพักผ่อนเอาแรงไว้เที่ยว”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป