บทที่ 11 บทที่ 11.

ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับผายมือไปที่รถคันหรูบอกกลายๆ ว่า เชิญครับคุณผู้หญิง ด้วยสีหน้าพราวยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่า จนคนที่ทำท่าว่าจะหันหลังกลับขึ้นเรือนนั้นจำต้องก้าวขึ้นรถที่ชายหนุ่มเปิดประตูรอ

“ขอบคุณค่ะ”

สั้นๆ แค่นั้นที่หญิงสาวเอ่ยกับเขาและนิ่งเงียบมาตลอดเส้นทางจากคุ้มอินจำปามาถึงบ้านพักในโรงแรม หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขาเพียงนั่งเงียบๆ มือประสานกันไว้บนตักและหันหน้ามองข้างทางอย่างกับว่ามีอะไรน่าสนใจนักหนา ทั้งๆ ที่มันมืดมิด

“หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับน้องอ้อน”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบเมื่อลงมาเปิดประตูให้หญิงสาวเมื่อเห็นท่าว่าเธอจะเปิดประตูลงมาเสียเองอย่างกับว่าเขาเป็นตัวอันตรายไม่น่าเข้าใกล้

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณอัคคี” เธอไหว้เขาตามมารยาทแล้วทำท่าว่าจะผละไปหากเสียงทุ้มนั้นไม่ทัดทานไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องทำท่าว่ากลัวพี่จะกินขนาดนั้นก็ได้ครับ พี่เป็นคนที่มีความยับยั้งชั่งใจพอสมควรแม้ว่าตอนนี้มันจะน้อยนิดก็เถอะ”

“ดิฉันคิดว่าคุณอัคคีคงจะเข้าใจอะไรผิดไปนะคะ ที่ดิฉันแสดงออกว่าไม่อยากอยู่ใกล้คุณไม่ใช่เพราะกลัวหรือเรียกร้องความสนใจอะไรทั้งนั้น แต่เพราะฉันทำไปทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของฉันเอง เพราะไม่อยากสู้รบปรบมือกับใครและไม่อยากเป็นของเล่นไฮโซอย่างคนอื่นๆ หวังว่าคุณคงเข้าใจและขอบคุณอีกครั้งที่มาส่ง ลาก่อนค่ะ คุณอัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล”

หญิงสาวอธิบายอย่างพยายามระงับอารมณ์ แล้วเดินจากไปด้วยท่วงท่าที่มั่นคงสง่างาม ทิ้งให้เสือร้ายอย่างอัคคีมองตามอย่างมาดหมายในตัวเธอ

“เธอคิดว่าเธอจะรอดจากมือฉันไปได้หรืออโนมา อะไรที่ฉันอยากได้มันก็ต้องได้ ไม่นานหรอกเธอจะต้องเป็นของฉัน”

ชายหนุ่มมองตามร่างบางที่เดินจากไปจนเธอเข้าไปในบ้านหลังน้อยจึงขับรถกลับไปที่คุ้มอินจำปาและในใจก็คิดหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อที่จะได้อโนมา มาดับไปที่ร้อนเร่าของตน แต่หากอัคคีจะมีโอกาสล่วงรู้อนาคตเขาจะรู้ว่า นอกจากอโนมาจะมาดับไฟเร่าร้อนในใจของเขาได้แล้ว ยังทำให้ไฟที่ว่าร้อนๆ เช่นเขากลายเป็นไฟที่ให้ความอบอุ่นและพร้อมจะแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน...

ภายในบ้านพักหลังน้อย อโนมาปิดม่านลูกไม้สีขาวแสนสวยลงแล้วถอนใจเบาๆ อย่างหนักใจกับการที่ได้เจอผู้ชายที่รังสีอันตรายแผ่กระจายอยู่รอบตัว ใครบ้างไม่รู้จัก อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล คนนี้ และเธอเองก็รู้จักเขาดีทีเดียว เขาอาจจะจำเธอไม่ได้แต่เธอกลับจำเขาได้ขึ้นใจแต่มันไม่ใช่ความประทับใจแต่มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอต้องจดจำเขาจนวันตายด้วยวาจาที่ร้ายๆ ของเขาในวันวาน และเพราะคำพูดของเขาในวันนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งจนวันนี้เช่นกัน

หญิงสาวหลับตาลงใบหน้าสวยหวานนั้นเศร้าหมองเมื่อนึกถึงวันวานที่แสนจะเจ็บปวดเธอมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่ออยู่คนเดียวชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยวกวนอยู่แต่ในอดีตที่หวนกลับไปแก้ไขไม่ได้ยิ่งช่วงแรกๆ ที่เธอเริ่มตั้งท้องเธอยิ่งเครียดและเงียบงันจนเดือดร้อนเพื่อนรักทั้งสองต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวว่าเธอจะทำอะไรโง่ๆ หรือเครียดจนทำให้สุขภาพย่ำแย่มากกว่าเดิมเมื่อนึกถึงเพื่อนแล้วเธอก็รีบโทรถึงเพื่อนสาวแสนดีทั้งสองทันทีโดยเริ่มที่แม่แมงปอตัวน้อย

“ไงแม่แมงปอทำอะไรอยู่จ๊ะ” เธอถามปลายสายได้ยินเสียงดนตรีแว่วๆ

“กำลังเล่นเพลงใหม่ๆ อยู่น่ะแก พรุ่งนี้มีสอนเด็กๆ แทนแม่น่ะ” เสียงใสๆ ของอรุณนารีส่งมาตามสาย

“แล้วลูกสาวเป็นไงบ้างซนรึเปล่าวันนี้”

น้ำเสียงเมื่อพูดถึงลูกสาวตัวน้อยที่เมื่อนึกถึงลูกทีไรจิตใจที่ห่อเหี่ยวพลันชุ่มฉ่ำเหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เธอมีแรงที่จะสู้กับทุกๆ อย่าง

“ไม่ซนแล้วเดี๋ยวนี้ลูกสาวเราเขาเป็นสาวแล้ว วันนี้เห็นกำลังหัดเล่นเพลงวิมานดินกับคุณตาคุณยาย ชีบอกว่าจะเอาไว้ไปเล่นให้พี่ซันฟัง แล้วหล่อนเชื่อไหมว่าโลกมันกลมจริงๆ” อรุณนารีบอกอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมถึงว่าอย่างนั้นล่ะแก”

“ก็พี่ซันที่ลูกสาวสุดสวยของเราพูดถึงน่ะเป็นน้องชายต่างแม่ของยัยเนตร ลูกยัยมิรันตีสุดแสบคู่ปรับเก่าเราไงแก ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่าโลกกลมจริงๆ” เสียงใสนั้นเล่าอย่างนึกสนุกเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ชื่อ มิรันตี...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป