บทที่ 6 บทที่ 6.

“อ้อนอยู่เชียงรายค่ะแต่อยู่กรุงเทพเสียนานเพราะเรียนและทำงานที่นั่น”

“อ๋อ อยู่เชียงรายนี่เอง แต่น้องอ้อนคมขำไม่เหมือนสาวเหนือเลยนะคะ นี่หากหน้าไม่หวานตาไม่สวยซึ้งและอู้คำเมืองชัดแจ๋วแม่นทุกคำละก็พี่เกดคิดว่าน้องอ้อนเนี่ยเป็นคนใต้แน่ๆ เลยค่ะ” แม่เลี้ยงเกศราแทนตัวเองว่าพี่เกดและเรียกสาวงามตรงหน้าว่าน้องอย่างถูกชะตา ซึ่งนับว่าน้อยคนที่จะได้รับความสนิทสนมขนาดที่ว่าแม่เลี้ยงแทนตัวเองว่า พี่เกด เพราะโดยปรกติแล้วแม่เลี้ยงเกศราจะแทนตัวว่าแม่เลี้ยงกับคนทั่วไป

“ก็พ่อของอ้อนเป็นคนใต้นี่คะ แต่รักไร้พรมแดนเลยมาติดแหงกอยู่เชียงรายกลายเป็นหนุ่มเหนือผิวเข้ม อ้อนก็เลยเป็นสาวเหนือที่ตัวดำไงคะ”

“ดำที่ไหนกันน้องอ้อนก็พูดไป เขาเรียกว่าผิวสีน้ำผึ้งค่ะน้องอ้อน แหมพูดซะเสียหายเลย ผิวสีนี้ไม่ใช่ใครก็มีได้และมีแล้วสวยนวลเนียนเหมือนน้องอ้อนนะคะ นี่ขนาดพี่เกดยังอยากมีผิวสีนี้เลย พูดก็พูดนะคุณพี่ผิวน้องอ้อนนี่สวยมากๆ เลยนะคะยิ่งมองยิ่งสวยนวลผ่อง”

“นี่น้องเกดจ๊ะดูน้องสาวคนใหม่ของน้องสิเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว อะไรจะชื่นชมจนปิดไม่มิดขนาดนั้นจ๊ะที่รัก”

“แหมคุณพี่ก็ น้องชอบน้องอ้อนจริงๆ นะคะนี่ถ้ามีน้องชายซักคนน้องจะยกให้น้องอ้อนเลยค่ะ ทีนี้นะคะน้องอ้อนก็จะได้เป็นน้องของเราจริงๆ ซะเลย”

“ถามน้องอ้อนสักคำรึยังว่าถ้าเรามีน้องชายจริงๆ แล้วเขาจะรับรึเปล่า และถ้าน้องชายเรามีนิสัยดื้อรั้นอย่างน้องนี่เขาจะรับเป็นแฟนมั้ย”

“คุณพี่นี่ล่ะก็ชอบขัดซะเรื่อยเสียบรรยากาศหมดเลย นี่กะว่าจะจีบลูกสาวน้องอ้อนไว้ให้ลูกชายตัวแสบเราอยู่นะคะเนี่ย” พูดพลางทำท่าวาดฝันสวยงาม

“ลูกชายเราเพิ่งจะสิบเอ็ดขวบนี่นะคิดการณ์ไกลจังทูนหัว”

“อ้าว...ก็น้องอ้อนมีลูกสาวเรามีลูกชายก็ผูกมิตรไว้ซะแต่ตอนนี้ฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนไงคะ ว่าไงน้องอ้อนตกลงมั้ยคะ เรามาผูกมิตรกันไว้ก่อนนะคะ” ไม่วายฝากความหวังจะได้เกี่ยวดอง

“โธ่พี่เกดก็พูดไปซะไกลอย่างที่พี่อินว่าจริงๆ ล่ะค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอมยิ้มกับภาพความน่ารักตรงหน้าพูดยิ้มๆ กับความเฮี้ยวของผู้ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยงแห่งคุ้มอินจำปา และก่อนที่แม่เลี้ยงเกศราจะเอ่ยปากทักท้วงพ่อเลี้ยงอินคำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นฝั่งที่หันหน้ามาทางบันไดทางขึ้นเรือนก็เอ่ยทักผู้มาใหม่เสียก่อน

“อ้าว ไงอัคคีพี่นึกว่าเราจะไม่มาซะแล้ว มาๆ นั่งด้วยกันตรงนี้” แล้วพ่อเลี้ยงอินคำก็ยืนขึ้นเพื่อต้อนรับผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ ด้วยสายตาหมายมาดอะไรบางอย่างซึ่งมีเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้

“สวัสดีครับพี่อิน พี่เกด” อัคคีทำความเคารพสองสามีภรรยาที่เขาให้ความเคารพดุจพี่น้องมาเนิ่นนาน นับแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเพราะว่าทั้งตระกูลของแม่เลี้ยงเกศราและตระกูลของเขานั้น ทำธุรกิจร่วมกันมานานและผูกพันกันมาหลายชั่วอายุคน แต่สิ่งที่ทำให้เขาตรงดิ่งมาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาคุยธุรกิจกับสองสามีภรรยา แต่มันมีสาเหตุมาจากหญิงสาวร่างบางซึ่งนั่งหันหลังให้เขาคนนั้นต่างหากที่ทำให้เขาต้องเอาเวลาที่จะได้พักผ่อนหาความสำราญกับแม่สาวๆ นั้นทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

อัคคีมองแผ่นหลังสีน้ำผึ้งนวลเนียนไม่วางตา นับตั้งแต่แรกก้าวขึ้นเรือนมาเจ้าของแผ่นหลังงดงามที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ตอนเย็นที่โรงแรม สีผิวที่เขาเห็นไกลๆ ว่าดูสวยน่าสัมผัสแล้วเมื่อมองใกล้ๆ กลับพบว่ามันยิ่งสวยนวลเนียนเย้ายวนน่าสัมผัสกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งสายลมที่พัดผ่านแผ่วเบาก็พาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนร่างบางอรชรมาแตะจมูกยิ่งทำให้เลือดในกายหนุ่มร้อนรุ่มอย่างประหลาด แม้แต่กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังของบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยควงใช้กันก็ไม่อาจทำให้เขามีความรู้สึกอย่างนี้

“น้องอ้อนคะ นี่นายอัคคคีภัย อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล หนึ่งในหุ้นส่วนของเราค่ะ” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยแนะนำด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าเมื่อชายหนุ่มมายืนใกล้ๆ อโนมา

“และนี่น้องอ้อน คุณอโนมา น้องสาวคนใหม่ของเรา” แม่เลี้ยงเอ่ยอวดๆ

“สวัสดีค่ะคุณอัคคี” อโนมายกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างไว้ตัวทำให้คนที่กำลังจะยื่นมือมาจับอย่างธรรมเนียมที่เขาคุ้นเคยโดยเฉพาะกับผู้หญิงสวยๆ นั้นเก้อไปนิดๆ จนต้องกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตนเอง

“สวัสดีครับน้องอ้อน เอ่อ...เรียกพี่ว่าพี่ไฟก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มตีขลุมให้ตัวเองหน้าตาเฉย จนแม่เลี้ยงหมั่นไส้ทนไม่ได้ต้องเอ่ยขัดคออย่างรู้ทัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป