บทที่ 6 ความซวยของสาวเชยจอมอัจฉริยะ (75%)
“ลองให้คนของเราในกรมตำรวจไปเจรจากับมันดู หากยุ่งยากนักก็หาทางกำจัดมันซะ” มาซาโตะไม่ขอทนกับตัวขัดเส้นทางการทำมาหากิน ท้ายประโยคจึงสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม การฆ่าคนสำหรับเขาถือเป็นเรื่องปกติ หากจะกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซากตามวิถียากูซ่าก็คงจะเป็นวิธีนี้แหละที่เหมาะสมที่สุด
ทุกครั้งมาซาโตะจะปล่อยให้ผ่านเลยไป หากรู้ว่าของไปตกในมือนายตำรวจผู้ตรงฉินอย่างภาคินัย อัศวโพคิน แต่ครั้งนี้เขายอมไม่ได้จริงๆ เพราะของล็อตนี้เป็นของที่จะต้องนำไปส่งให้ลูกค้ารายสำคัญ มันมีมูลค่ามหาศาลและที่สำคัญมันจะถูกส่งไปยังตะวันออกกลาง เพื่อตีตลาดใหม่ในแถบนั้น
“ได้ครับนายท่าน ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยครับ” ชายมาดเหี้ยมรับคำน้ำเสียงแข็งขัน แต่ก็ยังแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หนักใจเพราะงานที่ได้รับมอบหมาย อาจจะไม่สำเร็จอย่างที่นายอยากจะให้เป็นเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“แล้วไอ้มาซากิมันหายหัวไปไหน ทำไมไม่มากับพวกมึง” ถามถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทน และวันนี้ก็ให้ไปทำงานร่วมกับมือขวาของตน แทนที่มาซากิจะกลับมารายงานด้วยตนเองกลับหายหน้า
“นายน้อยแวะเข้าไปที่ไนท์คลับครับนายท่าน เห็นบอกว่าเซ็งๆ” รายงานตามที่ได้เห็นกิริยาของมาซากิตั้งแต่ลงจากเครื่อง เพราะรายนั้นแสนจะเบื่อหน่ายกับแผนการที่ผู้เป็นพ่อให้ทำ
“เออ…ให้มันได้อย่างนี้สิวะ วันๆ กินแต่เหล้าเคล้านารี บอกมันด้วยว่าให้ทำตามแผนเดิม และอย่าให้พลาดอีกล่ะ เพราะของที่จะเอาเข้าไปในไทยครั้งนี้มีมูลค่ามหาศาล อย่าให้ตำรวจตามกลิ่นเจอเป็นอันขาด เข้าใจไหม!” สั่งด้วยน้ำเสียเฉียบขาด
“ครับนายท่าน” ค้อมหัวให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะหันหลังเดินออกไปโทรศัพท์สั่งให้คนจองตั๋วเครื่องบินให้นายน้อยของตนกลับไปสานต่อภารกิจที่ประเทศไทยอีกครั้ง
คล้อยหลังคนสนิท มาซาโตะก็หันไปเรียกลูกน้องกลับมาต่อสู้กันอีกสักยกสองยก เพราะตอนนี้เขาทั้งหงุดหงิดและโมโหจนต้องระบายออกโดยใช้การประลองดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย
บ่ายนี้มณีญา อัศวโพคิน ด็อกเตอร์สาวจอมอัจฉริยะ สาวน้อยหน้าใสวัยยี่สิบห้าย่างยี่สิบหก ผู้ที่แอบซ่อนความสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้ม ไว้ภายใต้แว่นตาหนาเตอะและเสื้อผ้าแสนเชย ออกมาซื้อของสดในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ย่านสาทรเพียงลำพัง เพราะไม่โดนพวกแก๊งยากูซ่าตามรังควานมาได้สองอาทิตย์แล้ว มันหายไปหลังจากที่มาก่อกวนที่บ้านอัศวโพคิน จนมารดาของเธอต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะช็อก จากนั้นเธอก็ไม่เห็นหน้าเหลี่ยมๆ ของพวกมันอีกเลย วันนี้แม่สาวจอมอัจฉริยะจึงกล้าที่จะออกไปไหนมาไหนคนเดียว โดยไม่ต้องได้รับการคุ้มครองจากตำรวจซึ่งเป็นลูกน้องของภาคินัย อัศวโพคิน อาหนุ่มของเธอ
เหตุที่ทำให้คนไม่พิสมัยในการทำอาหาร และไม่คิดจะจับตะหลิวมากไปกว่าหลอดทดลอง ต้องออกมาจ่ายตลาดทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนในวันนี้ ก็เพราะว่าอยากจะทำยำผักบุ้งกรอบไปฝากมารดาที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ไปเยี่ยมท่านทีไรคนป่วยก็จะแอบกระซิบกระซาบว่าอยากจะกินยำผักบุ้งกรอบ เอาที่น้ำยำรสแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ มณีญาเลยตั้งใจว่าจะซื้อวัตถุดิบกลับไปให้แม่บ้านสอนทำ แล้วเอาไปฝากมารดาของเธอในวันพรุ่งนี้
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมเบาๆ ทำให้คนที่กำลังเดินฮัมเพลงไปพร้อมกับการล้วงหากุญแจรถถึงกับหยุดชะงักลงนิดนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงทักอย่างไม่เป็นทางการนั้น
“เฮ้ย…ไอ้บ้านี่มันยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเหรอวะเนี่ย” มณีญาขมุบขมิบปากพึมพำกับตัวเองเบาๆ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ แต่ก็พยายามตั้งสติเอาไว้ให้มั่น พลางสอดส่ายสายตาหาทางหนีทีไล่
“ว่าไงจ๊ะคนสวย เห็นหน้าว่าที่สามีถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ หึๆ” มาซากิแสร้งยิ้มหวาน แล้วเอ่ยทักทายด้วยท่าทางขี้เล่น แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด
“ไอ้บ้า อย่ามาพูดจาพล่อยๆ นะ ใครเขาจะยอมเป็นเมียนักเลงหัวโตอย่างแกไม่ทราบ” ทั้งที่กลัวจนฉี่จะราด แต่คนไม่เคยยอมใครอย่างมณีญา ก็โต้ตอบไปทันควันชนิดที่ว่าสั่นสู้กันเลยทีเดียว
“คนอย่างมาซากิ อยากได้อะไรก็ต้องได้นะสาวน้อย” ร่างเตี้ยล่ำของลูกชายยากูซ่าเดินเข้าหาสาวแว่นอย่างคุกคาม แสยะยิ้มให้เมื่อพูดจบ เหมือนเป็นการข่มขวัญว่าอย่าขัดใจเขาถ้าไม่อยากเดือดร้อน
“ฝันไปเถอะ ไอ้หน้าเหลี่ยม!” มณีญาตะโกนลั่น แค่คิดว่าจะต้องร่วมหอลงโลงกับไอ้เตี้ยหน้าเหลี่ยมที่ดีแต่ขู่ เธอก็สะอิดสะเอียนจนอยากจะสำรอกออกมาแล้ว
“เล่นตัวแบบนี้ อยากให้พ่อกับแม่เธอเดือดร้อนใช่ไหม” เมื่อมาซากิเห็นว่าเรื่องชักจะไม่ง่าย ไม่นึกว่าผู้หญิงเฉิ่มเชยจะฝีปากกล้า แถมยังทันคนได้มากขนาดนี้ เขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดออกมาข่มขู่ให้เธอกลัวเกรง
“แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ ทำไมต้องไปรังแกคนแก่ด้วย” มณีญาพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยท้าออกไปด้วยท่าทางอวดดี
“แหม…ว่าที่เมียฉันเก่งซะด้วย แบบนี้แหละพี่ชอบ” มาซากิเอ่ยล้อเลียนด้วยท่าทางขบขัน แอบแสยะยิ้มที่มุมปาก แม่นี่คงคิดสินะว่าคนอย่างเขาจะหลงเสน่ห์พิศวาสผู้หญิงแปลกอย่างเธอเข้าจริงๆ
“ถ้าแกยังกล้าไปรังควานพ่อกับแม่ฉันอีกล่ะก็ ฉันจะเอาแกเข้าคุกแน่” มณีญาประกาศกร้าว ปกป้องบุพการีอันเป็นที่รักทั้งสองอย่างเต็มที่
“อย่าพูดมาก ไปกับฉันซะดีๆ” ทายาทยากูซ่าถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ผู้หญิงอะไรไม่สวยแล้วยังทำตัวน่ารำคาญ พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าของร่างเตี้ยล่ำตรงเข้ามากระชากแขนเรียวเร็วไว จนมณีญาไม่ทันระวัง จึงไม่อาจเหนี่ยวรั้งตัวเองเอาไว้ได้
“ไม่ ปล่อยนะ ฉันไม่ไปไหนกับอันธพาลอย่างแกทั้งนั้น ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ไอ้บ้านี่มันจะฉุดฉัน” สะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมเร่าๆ ปากก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไม่หยุดหย่อน พลเมืองดีคนหนึ่งเดินเข้ามาถามไถ่ทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงโวยวายของมณีญา
