บทที่ 3 3
รุ่งเช้าของวันใหม่
“กรี๊ดด” เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นทั่วบ้านหลังเล็กก่อนจะเงียบเสียงลงไป ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น….นาวิกานั่นเอง
ก็จะไม่ให้เธออึดอัดใจและเครียดจนต้องระบายออกมาเป็นเสียงกรี๊ดได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนนี้เธอโดนยัยเจ๊มหาภัยเรียกไปด่าซะหูชา
นอกจากจะด่าแล้ว เธอยังโดนภาคทัณฑ์อีกต่างหาก
เจ๊ปากบานเจ้าของผับบอกกับเธอไว้ว่า…หากเธอก่อเรื่องอีกเป็นครั้งที่สาม เธอจะโดนไล่ออกจากงาน
ทำไม…ทำไม และก็ทำไม…ทำไมเธอต้องเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนแท้ๆ
เมื่อคืนนี้กว่าจะได้กลับจากผับก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เมื่อมาถึงบ้าน เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะมามัวนั่งคิดมาก พอล้มตัวลงนอนได้ก็หลับปุ๋ยไปเสียสนิท
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรื่องราวความเครียดจากเรื่องเมื่อคืนก็ประดังประเดเข้ามาไม่หยุด เธอจึงต้องกรี๊ดๆๆๆๆเพื่อความโล่งใจของตัวเอง
คิดได้แบบนี้แล้ว เธอจึงขอกรี๊ดอีกสักรอบ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
พอเริ่มจะเจ็บคอ เธอก็หยุดโวยวายอย่างคลุ้มคลั่งแล้วลุกจากเตียงไปล้างหน้าในห้องน้ำ ยังล้างไม่ทันเสร็จดี เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้คนดังจ๊อกแจขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ แถมยังมีเสียงตะโกนดังเข้ามาว่า
“คุณครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาวิกาหยิบผ้ามาซับน้ำออกจากใบหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านออกกว้าง และก็ได้พบกับผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่
“มีอะไรกันเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงๆพลางเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่ชายหนุ่มหนวดดกเป็นฝ่ายตอบออกมาว่า
“พวกผมได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณ เลยนึกว่ามีขโมยเข้าบ้าน หรือไม่ก็…คุณกำลังจะถูกข่มขืน ผมกับชาวบ้านเลยวิ่งมาดูนี่แหละ”
ได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว นาวิกาก็อ้าปากพะงาบๆทันที ก่อนที่หญิงสาวจะแหกปากโวยวายลั่นจนชาวบ้านพากันกระเจิดกระเจิงกลับบ้านตัวเองแทบจะไม่ทัน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรโว้ยยยยยยย ฉันแค่กรี๊ดระบายความทุกข์เฉยๆ!!”
“ฉันเป็นคนสวย”
“ฉันเป็นคนมีเสน่ห์”
“ฉันเป็นคนเซ็กซี่”
“ฉันเป็นคนน่ารัก”
“เพราะฉะนั้น…โชคชะตาจะต้องเข้าข้างคนสวยๆอย่างฉันเข้าสักวัน ดังนั้น ฉันจะต้องไม่เครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่งั้นหน้าจะแก่ไว”
เสียงงึมงำดังออกมาจากปากบางของคนที่นอนอยู่ บนหน้าเรียวมีชิ้นแตงกวาที่ฝานบางๆแปะเต็มใบหน้ารวมทั้งดวงตาทั้งสองข้างด้วย
เรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอจะถือเสียว่าเป็นบททดสอบจากนรก สักวันสวรรค์จะต้องเห็นใจแล้วประทานความโชคดีมาให้เธอบ้าง
นาวิกาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ความเย็นจากชิ้นแตงกวาไม่ได้ทำให้ใจของเธอเย็นลงแม้แต่น้อย ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าตัวเองน่ะงามแค่ไหน แต่ความไม่สบายใจก็ยังคงเกาะอยู่ที่จิตใจไม่ยอมคลาย
เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่สมศักดิ์ไปรับจากสถานเด็กกำพร้ามาเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมเพราะไม่มีลูก
แต่พอเธอมาอยู่ได้ไม่นาน ภรรยาของสมศักดิ์ก็เกิดตั้งครรภ์แล้วให้กำเนิดบุตรสาวผิวขาวน่าเอ็นดูขึ้นมา และได้ตั้งชื่อให้ว่า…หฤดี ซึ่งมีชื่อเรียกเล่นๆว่า…หงส์
เพียงแค่ชื่อ ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอชื่อเล่นว่านกกา ส่วนน้องสาวต่างสายเลือดชื่อว่าหงส์
เมื่อหฤดีเกิดมา ความสำคัญของนาวิกาก็ถูกลดลงไป ทั้งพ่อและแม่บุญธรรมต่างหันไปถ่ายเทความรักให้หฤดีจนหมดสิ้น แต่ถึงกระนั้น สมศักดิ์ก็ยังมีน้ำใจพอที่จะส่งนาวิกาเรียนจนจบปริญญาตรี
แต่ถึงจะเรียนมาสูง เธอก็หางานทำไม่ได้ งานสมัยนี้หายากพอๆกับทองคำ จนในที่สุด…เธอก็ถูกทาบทามให้ไปเป็นนักแสดงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เปล่าหรอก…เธอไม่ได้แสดงเป็นนางเอก แต่บทที่เธอได้รับก็คือ…นางร้าย รับบทร้ายสุดๆจนคนทั่วประเทศแทบจะเกลียดเธอไปหมดเพราะอินกับบทละครที่เธอแสดง
เมื่อนาวิกาได้เป็นดารา หฤดีก็แวะมาเยี่ยมเธอที่กองถ่ายทั้งๆที่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้งจนไปเข้าตาผู้กำกับ และได้ถูกทาบทามให้มาเป็นนางเอกละคร
เมื่อหฤดีได้เป็นนางเอกละคร เธอก็พยายามดันนาวิกาออกจากงานให้ได้ ซึ่งหฤดีก็ทำสำเร็จเสียด้วยสิ
ในที่สุดนาวิกาก็ต้องกลับมาอยู่ในสภาพตกงานอีกครั้ง จนต้องบังคับใจตัวเองให้มายอมทนทำงานกลางคืนอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างที่เป็นอยู่
เสียงทอดถอนหายใจดังออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ ความน้อยใจในโชคชะตาผลักดันให้เธอแสดงออกด้วยท่าทางแข็งกร้าว
ชีวิตของเธอเลือกเกิดไม่ได้ แต่เธอก็จะพยายามเลี้ยงชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดในสังคมปัจจุบันให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป นาวิกาคนนี้ก็พร้อมที่จะรับมือเสมอ!!
