บทที่ 4 4
ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวบุนวมหนา หน้าคมยังคงเรียบเฉยเหมือนวันก่อนๆ สีหน้าที่เย็นชาเหมือนไร้อารมณ์ของศิวาดูจะเป็นที่ชินชาของทุกๆคนเสียแล้ว
ชายหนุ่มยกขาขึ้นไขว่ห้าง พลางยกแก้วกาแฟที่คนรับใช้นำมาเสิร์ฟขึ้นมาจิบ ในมือมีหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง
ตาคมกวาดไปตามตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ข่าวไหนก็ไม่สามารถดึงความสนใจของเขาได้เท่ากับ…ข่าวเมื่อคืน
จะว่าไปแล้ว นักข่าวของเมืองไทยก็ทำงานได้ฉับไวไม่หยอก จมูกดมกลิ่นข่าวได้ไวไม่เบา เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน วันนี้ก็ลงข่าวได้แล้วว่า…ศิวา หนุ่มนักธุรกิจพันล้านควงสาวอินอรไฮโซสาวไปเที่ยวผับยามราตรี มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่าเมื่อคืนนี้ที่ผับสยามที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ได้มีเหตุศึกชิงหนุ่มเกิดขึ้น ระหว่าง…ไฮโซสาวกับนางร้ายตัวแม่
คำว่านางร้ายตัวแม่ทำให้คิ้วเข้มต้องขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงก่อนจะพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ไปที่หน้า6เพื่อจะอ่านเนื้อเรื่องต่อ และก็ได้รับรู้สมใจ
ในข่าวได้บอกไว้ว่า…นาวิกาก็คืออดีตดาราสาวที่แสดงบทนางร้ายได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่เพราะนิสัยร้ายกาจและความขี้วีนของเจ้าหล่อนทำให้ทางวงการเอือมระอาจนไม่มีใครจ้างงาน เธอจึงต้องตกอับมาทำงานตามผับตามบาร์
นาวิกา…นาวิกา
ศิวาทวนชื่อนี้ซ้ำไปมาหลายๆครั้งในหัว ก่อนที่รอยยิ้มแปลกๆจะผุดขึ้นที่มุมปาก
อยากรู้จริงๆว่านางร้ายอย่างเธอจะ‘แซ่บ’ขนาดไหน เมื่อต้องมาอยู่บนเตียงกับเขา
เมื่อความคิดของบุรุษเพศเริ่มล่องลอยไปไกล ความตื่นตัวก็เริ่มเกิดขึ้น ภาพท่าทางเย้ายวน เรียวขาเรียว หน้าท้องแบนราบที่เจาะสะดือเอาไว้ รวมทั้งหน้าอกอึ๋มเกินตัวที่เห็นด้วยตาเขาก็เดาออกเสียแล้วว่าจะต้องเป็น‘ของจริง’ไม่ใช่ยัดฟองน้ำอย่างอินอรอย่างแน่นอน
แล้วไหนจะหน้าตาสวยเฉี่ยวของเธออีกล่ะ เมื่อมารวมเข้ากับดวงตาเหมือนแม่เสือสาวที่ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเอาชนะเธอ
อยากเห็นดวงตาไม่ยอมคนคู่นั้น อ่อนแสงลงเหมือนดวงอาทิตย์ยามอัสดง อยากสัมผัสตัวตนของเธอว่าเธอจะเป็นพริกหยวกหรือว่าพริกแจวกันแน่
ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงเมื่อเท้าที่สวมรองเท้าหนังมันปลาบของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้องโถง เพียงแค่ได้ยินเสียงรองเท้าที่หนักหน่วงเดินลงส้นเท้าเหมือนคนเอาแต่ใจ ศิวาก็พอจะเดาออกแล้วล่ะว่าเจ้าของเสียงเดินคนนี้คือใคร
“ว่าไงนันท์ เพิ่งตื่นเหรอไง” ศิวาออกปากทักทายก่อน มองสีหน้ามึนๆตึงๆของผู้เป็นน้องชายที่เดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขาอย่างพินิจ
ศินันท์เป็นน้องชายแท้ๆของเขา ทั้งเรือนร่างและหน้าตา ดูจะสมส่วนไปหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ผิวสีเข้ม ตาเรียว คิ้วหนาเป็นปื้น และริมฝีปากบางเฉียบที่บ่งบอกลักษณะเอาแต่ใจของเจ้าตัว
ถึงจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ศินันท์ก็มีนิสัยแตกต่างจากผู้เป็นพี่ชายเสียลิบลับ
ศิวาเป็นคนขรึมๆแต่พูดจริงทำ ทำจริงเสมอ
แต่ศินันท์เป็นคนพูดเก่งแต่มักจะไม่ทำจริง
ศิวาเป็นคนขยันทำงาน พยายามคิดหาหนทางที่จะเสริมสร้างให้บริษัทของตัวเองเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเสมอ
แต่ศินันท์เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำงานสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะงานที่ใช้แรงงานหรือมันสมอง
ศิวาเป็นคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ เล่นการพนันมาก่อน
แต่ศินันท์ติดทั้งการพนันแถมยังติดยาสูบจนเป็นนิสัย
ก่อนที่คุณวรนาทจะสิ้นชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ท่านได้เรียกบุตรชายทั้งสองมาหาเพื่อจะคุยเรื่องการแบ่งมรดก
นอกจากเรื่องเงินทองที่แบ่งจัดสรรกันคนละ600ล้านบาทแล้ว ก็เหลือบริษัทกับทองแท่งจำนวน 20แท่ง
ความที่เป็นคนไม่ชอบทำงานที่ใช้มันสมองทั้งวัน เขาจึงขอกับมารดาว่าจะรับเป็นทองแท่งทั้งหมดไว้เองเพื่อนำไปลงทุนในด้านอื่นๆ ส่วนบริษัท เขายินดียกให้พี่ชายเป็นคนดูแลและรับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
คุณวรนาทเองก็ดูเหมือนจะรู้จักนิสัยของบุตรชายทั้งสองเป็นอย่างดีจึงได้นำทองแท่งจำนวน3แท่งใส่ในกะลาใบใหญ่ ส่วนทองที่เหลืออีก17แท่งได้ใส่ไว้ในหีบ แล้วใช้กระดาษสัญญาเซ็นมอบอำนาจให้ศิวาเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวใส่ลงในกะลาอีกใบหนึ่ง
จากนั้นคุณวรนาทก็มอบทองให้ศินันท์ และมอบสัญญาฉบับนั้นให้ศิวา
หลังจากที่มอบสมบัติให้ลูกๆอย่างเท่าเทียมกันแล้ว คุณวรนาทก็สิ้นใจลงท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้องและบุคคลที่รู้จักมักคุ้นกับคุณวรนาท
เมื่องานศพผ่านพ้นไป ศิวาก็หันมาบริหารงานในบริษัทอย่างจริงจังและมุมานะจนบริษัทเติบโตจนแตกสาขาไปได้อีกหลายแห่ง ส่วนด้านศินันท์นั้นก็นำเงินสดไปลงทุนจริงๆอย่างที่เคยบอกกับมารดาไว้ แต่เป็นการ…ลงทุนในบ่อนพนัน
ช่วงแรกๆก็ได้เงินดีอยู่หรอก ได้ครั้งละล้าน หรือไม่ก็สองล้าน แต่พอนานๆวันเข้า มันก็เริ่มมีแต่เสียกับเสีย แต่ศินันท์ก็ไม่สนใจ เพราะเขาถือว่า เงินของเขายังมีอีกมาก จะใช้จ่ายอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปง่ายๆ
แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเงินในส่วนของศินันท์เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีแต่การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยแล้วไม่มีการหามาเพิ่ม เงินก็เริ่มหมดไป
ศินันท์จึงนำทองออกมาขายทีละแท่งแล้วก็นำเงินไปละลายในบ่อนพนันจนแทบจะหมด
ตอนนี้ศินันท์จึงเริ่มรู้สึกกลัว…กลัวความจนที่จะมาเยือนตัวเองในอีกไม่นานนี้ เขาจึงเริ่มหันกลับมามองผู้เป็นพี่ชาย
พี่ชายของเขานั้นเก่ง ป่านนี้คงทำงานมีเงินในธนาคารนับพันๆล้านๆ หากไม่มีศิวาสักคน สมบัติของศิวาทั้งหมดก็จะต้องตกเป็นของเขา
รอยยิ้มแปลกๆผุดขึ้นที่มุมปากของศินันท์เมื่อเขาพิงหลังลงบนความนุ่มนิ่มของพนักโซฟา ดวงตาจับจ้องมองที่หนังสือในมือของพี่ชาย
“ผมตื่นนานแล้วครับ เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พี่ไม่รีบเข้าบริษัทเหรอ”
“วันนี้คงเข้าสายหน่อย” ศิวาตอบก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“ว่าแต่นายเถอะ ช่วงนี้เพลาๆเข้าบ่อนเสียหน่อยก็ดีนะ การพนันไม่เคยทำให้ชีวิตใครรุ่งเรืองขึ้น มีแต่จะจมดิ่งลงเรื่อยๆ สุดท้ายนายจะไม่เหลืออะไรเลยนะนันท์” ศิวาเตือนอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ศินันท์เองก็นิ่งรับฟัง แต่…ไม่คิดจะทำตาม
“อย่าบ่นนักดิพี่”
“แค่เตือนเพราะหวังดี นายก็หาว่าพี่บ่น” ศิวาส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
“ผมไม่หมดตัวง่ายๆหรอก” ศินันท์พูดอย่างไว้ฟอร์ม ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นไปอ่าน ก่อนจะไปสะดุดโครมเข้าที่ข่าวฉาวในผับเมื่อคืนนี้
“นี่มันข่าวพี่นี่ครับ” ศินันท์เลิกคิ้วขึ้นสูงพลางกวาดตาไปทุกตัวอักษร แล้วหันมาพินิจดูรูปภาพที่ถ่ายมาไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมองเห็นได้รางๆว่า ผู้หญิงสองคนนั้นคือ…อินอรกับนาวิกา ดาราเซ็กซี่ตัวร้าย
“แฟนพี่ตบกับนกกาเหรอครับ”
