บทที่ 5 5

“อรไม่ใช่แฟนของพี่” ศิวาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะถามกลับอย่างสนใจว่า “แล้วนกกาเป็นใคร”

“อ้าว นกกาก็เป็นคนเดียวกันกับนาวิกาน่ะสิครับ เมื่อสองสามปีก่อน ผมชอบดูละครที่เธอแสดง ผู้หญิงอะไร…แสดงได้แรดสมบทบาทมาก” คำวิจารณ์ของผู้เป็นน้องชายทำให้ศิวาต้องเงียบกริบ ตาคมหลุบลงมองมือตัวเองที่กำลังหมุนแก้วกาแฟเล่นอยู่

ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่นอกจากตัวของเขาเองเท่านั้น…

หลังจากนั่งคิดอะไรไปชั่วครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองศินันท์แล้วยิ้มเย็นๆ

“พี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันทีหลัง” พูดจบ ศิวาก็ลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านหลังงามด้วยสีหน้าที่ยังครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องอยู่ไม่หาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่า…มีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังเขาไปอย่างอิจฉาริษยา

“นี่มันอะไรกัน!!” อินอรขว้างหนังสือพิมพ์ลงบนพื้นอย่างกราดเกรี้ยวจนคนรับใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต้องรีบลนลานมาเก็บหนังสือพิมพ์ให้

“ทำไมมีข่าวแบบนี้ได้ โธ่เอ้ย!!” อินอรสบถอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปกวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆท่ามกลางสีหน้าที่ซีดเผือดหนักกว่าเก่าของสาวใช้

“แล้วแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน กรี๊ดๆๆๆๆ” อินอรกรีดร้องระบายความอึดอัดใจ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาคล้องที่แขน ดวงตาที่ถูกกรีดอายไลเนอร์ไว้จนดำคมตวัดฉับไปมองหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือของสาวใช้อีกครั้งด้วยสายตาเหมือนจะเผากระดาษให้ไหม้เป็นจุณๆ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินออกไปจากตัวบ้านทันที

งานนี้เธอเสียหน้าอยู่เห็นๆ เพราะฉะนั้น…ศิวาจึงเป็นคนเดียวที่จะช่วยรักษาหน้าให้กับเธอได้

ส่วนนังผู้หญิงคนนั้น…นังนาวิกา อย่าให้เจออีกทีก็แล้วกัน เธอจะตบให้คอหักเลยทีเดียว

อย่าให้เจออีกนะ!!!

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง มือใหญ่ปิดแฟ้มตรงหน้าลงพร้อมเอนกายพิงพนักเก้าอี้ มือสอดประสานกันไว้ตรงหน้าท้อง มองคนที่ก้าวฉับๆเข้ามาในห้องอย่างรู้เท่าทัน

“มาหาผมเพราะเรื่องในหนังสือพิมพ์เหรอไงอร” ศิวาเปิดปากถาม ในขณะที่อินอรเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังเก้าอี้ผู้บริหารของเขา พร้อมโอบรอบลำคอแกร่งอย่างออดอ้อน

“คุณก็เห็นใช่มั้ยคะว่าในข่าวนั่นพูดถึงอรว่ายังไง”

“อือ แล้วไงครับ” ชายหนุ่มถามอย่างเซ็งๆ กลิ่นน้ำหอมที่โชยมาแตะจมูกทำให้เขารู้สึกแสบจมูกอย่างบอกไม่ถูก

“คุณต้องรักษาหน้าให้อรนะคะ”

“รักษายังไงล่ะ ผมไม่ใช่หมอ” เขาตอกกลับด้วยเสียงทื่อๆเล่นเอาหญิงสาวชักสีหน้าขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเหมือนเดิมพร้อมกับวางคางลงบนไหล่กว้างของเขา

“ไม่ใช่หมอก็รักษาได้ค่ะ”

“ทำยังไงล่ะ”

“ก็คบกับอรเป็นแฟนอย่างออกหน้าออกตาไงคะ”

“…” ศิวาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะแกะมือเรียวออกจากบ่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน หันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอย่างไม่พอใจ

“เราเคยตกลงอะไรกันไว้ล่ะอร จะไม่ผูกพันกันใช่มั้ย”

“ค่ะ แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ครับ “

“แต่อรจำเป็นต้องพูด อรรักคุณเข้าจริงๆเสียแล้วนี่คะ ความสาวก็เสียให้คุณไปแล้วด้วย” อินอรยกมือมาเกาะท่อนแขนแข็งแรงราวจะเรียกคะแนนสงสาร แต่ชายหนุ่มกลับเพียงยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะหยัน

“คิดว่าผมไม่รู้เหรอไงว่าคุณเคยผ่านผู้ชายมาหลายคนแล้ว ถ้าคุณเป็นสาวบริสุทธิ์ ผมคงไม่สร้างรอยบาปให้คุณหรอกอร”

“คุณซี!!” อินอรตะเบ็งเสียงลั่น จนศิวาต้องยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง

“คุณเคยบอกกับผมว่า เรื่องของเรามันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว สนุกๆเท่านั้น ไม่คิดถึงขั้นจริงจัง แล้วตอนนี้คุณจะมาเรียกร้องอะไรอีกงั้นเหรอ”

“แต่ว่า….” อินอรอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่มือหนายกขึ้นมาเป็นเชิงห้ามเสียก่อน

“เลิกพูดเถอะ ผมจะทำงานต่อ”

“ไล่อรเหรอคะ”

“แล้วแต่จะคิด” ชายหนุ่มตอบพร้อมทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิมแล้วหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่านต่อ ในขณะที่มืออีกข้างก็ถือปากกาหมุนเล่นไปมาเหมือนไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างหลังสักนิด

อินอรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รู้สึกอึดอัดใจจนแทบอยากจะกรี๊ดออกมา แต่สิ่งที่ทำได้ ก็คือกำมือแน่นแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิด

เมื่อลับร่างของอดีตคู่ควงคนล่าสุดแล้ว ศิวาก็วางปากกาลงพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงนิ่งนาน

ภาพที่ปรากฏในหัวสมองของเขาไม่ใช่ภาพของผู้หญิงที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ แต่เป็นภาพของผู้หญิงหน้าตาสวยแบบเรียบๆแต่เซ็กซี่บาดใจคนนั้นต่างหากล่ะ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด เตรียมพร้อมจะทำงานต่อไปจนกว่าจะเสร็จ แล้วตอนกลางคืน…เขาจะได้กลับไปเยือนที่ผับแห่งนั้นอีกครั้งตามเสียงเรียกร้องจากส่วนลึกๆในใจที่กำลังรบเร้าเขาอยู่ในขณะนี้

สีของท้องฟ้าถูกฉาบไล้ด้วยสีดำสนิท เมื่อรัตติกาลเริ่มมาเยือนประเทศไทย หากเป็นต่างจังหวัดที่อยู่ในแถบชนบท เวลานี้คงเป็นเวลานอนหลับที่มีความสุขและสงบที่สุด แต่ที่นี่เป็นกรุงเทพ…เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ท้องถนนยังคงสว่างจ้าเหมือนเมื่อช่วงกลางวัน ผู้คนยังคงคึกคักเหมือนไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะ…ในผับสยาม

เสียงดนตรีเร่งเร้าเป็นจังหวะเร้าใจ ปลุกสายเลือดความคึกคะนองให้โหมกระหน่ำ เหล่าวัยรุ่นและวัยทำงานต่างพากันขยับเอว ขยับแขน และขยับขา โชว์ลีลาเต็มที่ โดยมีเหล้าดีกรีแรงเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้เกิดความสนุกและหรรษา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป