บทที่ 3 การลงทุนหนึ่งร้อยล้าน

ญาณินรอไม่นาน รถเบนซ์คันหนึ่งก็ค่อยๆ เคลื่อนมาจอดตรงหน้าเธอ

กระจกรถถูกลดลง คนขับเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กสาวสองคนที่ดูไม่ประสีประสา ก็แสดงท่าทีรำคาญออกมาทันที "ไหนล่ะโปรดิวเซอร์ของพวกเธอ?"

ญาณินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วย้อนถามกลับไป "คุณเป็นคนของกองถ่ายเหรอคะ?"

คิ้วของเขาขมวดแน่นกว่าเดิม "เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย แล้วถ้าพวกเธอไม่รู้จักคุณธาราทิพย์ จะไปลากกระเป๋าเดินทางของเขาทำไม?"

นิสาเริ่มโมโหกับน้ำเสียงของเขา จึงเบิกตากว้างจ้องกลับไป "คุณช่วยเบิกตาดูให้ชัดๆ หน่อย นี่แหละคุณธาราทิพย์!"

คนขับจ้องมองญาณินด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ

ญาณินที่เหนื่อยล้าเต็มทีจึงพูดเสียงเรียบ "ฉันเห็นว่าบทของเรื่อง 'นิรันดร์รัก' น่าสนใจดีหรอกนะ ถึงได้ยอมตกลงมาช่วยทำเพลงให้ในราคาพิเศษ ถ้าคุณมีข้อสงสัย ก็ไปถามผู้กำกับเอาเอง"

คนขับรถจ้องมองเธอด้วยความตกตะลึง เพียงเสี้ยววินาที เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มประจบประแจงทันที "ที่แท้ก็เป็นอาจารย์ทิพย์ผมนี่มีตาหามีแววไม่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผมเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ เรียกผมว่าสมศักดิ์ก็ได้ครับ"

พูดจบเขาก็รีบกุลีกุจอลงจากรถมาช่วยเธอยกกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ทีมงานทุกคนในกองถ่ายกำลังรอคุณอยู่เลยครับ"

"ที่คุณให้เกียรติมาช่วยทำเพลงให้ ทุกคนตื่นเต้นกันมากเลยครับ!"

ธาราทิพย์คือใครน่ะเหรอ? เธอคือโปรดิวเซอร์มือทองระดับที่ฮอลลีวูดยังต้องรอเช็กคิวงานของเธอเลยนะ!

โปรดิวเซอร์ระดับตำนานขนาดนี้ ยอมมาทำเพลงให้กับหนังทุนต่ำของพวกเขา นับว่าเป็นวาสนาของทั้งกองถ่ายจริงๆ!

เดิมทีเธอแค่ต้องมาพบกับทีมผู้กำกับและทีมตัดต่อ แต่เพื่อแสดงความให้เกียรติ ทีมงานทั้งกองถ่ายจึงมารอรับเธออย่างพร้อมเพรียง

ผู้ช่วยผู้กำกับขับรถไปพลางพูดยกยอไปพลางไม่หยุดปาก ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหวกับท่าทีดูถูกเหยียดหยามในตอนแรก

ญาณินรำคาญความพูดมากของเขา จึงหลับตาลงแล้วส่งเสียง "จิ๊" ในลำคอ

ผู้ช่วยผู้กำกับเงียบเสียงลงทันที

ในขณะเดียวกัน ณ ชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่บริษัทซิงหรง

เจมส์พลิกดูเอกสารที่บ็อบเพิ่งนำมาส่งตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วพลิกจากหน้าสุดท้ายกลับมาหน้าแรกอีกรอบ

มิน่าล่ะ เขาตามหาแทบพลิกแผ่นดินมาสามปีแต่ไม่เจอ ตลอดสามปีมานี้เธอมีผลงานไม่น้อย แต่ไม่เคยใช้ชื่อจริงเลยสักครั้ง

ตอนเจอที่สนามบิน ฟังจากคำพูดของเธอ นึกว่าจะกลับมาสู้คดี ที่ไหนได้กลับมาทำเพลงนี่เอง

นิ้วเรียวของเขาไล่ไปตามรายชื่อผลงานเพลงของเธอในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ล้วนแต่เป็นชื่อที่โด่งดังทั้งนั้น เพลงบรรเลงบางเพลงถึงกับเป็นเพลงกล่อมเขานอนด้วยซ้ำ

ฝีมือไม่เลวเลยจริงๆ

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ชื่อ "ธาราทิพย์" หางคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย... หือ?

มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น

บ็อบที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นแล้วขนลุกซู่ ท่านประธานตามหามาตั้งสามปีในที่สุดก็เจอตัว... จุดจบของเธอต้องไม่สวยแน่ๆ

รู้สึกเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ทั้งที่มีความสามารถขนาดนี้ น่าเสียดาย

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเจมส์ถามขึ้นว่า "เรื่อง 'นิรันดร์รัก' นี่มีเบื้องหลังอะไรไหม?"

บ็อบชะงักไปเล็กน้อยก่อนตอบ "ไม่มีเบื้องหลังอะไรครับ ก็แค่หนังทุนต่ำธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง"

เจมส์เม้มริมฝีปาก ปลายนิ้วลูบไล้ไปบนรูปถ่ายของญาณิน น้ำเสียงเย็นชาลงเล็กน้อย "ในนั้นไม่มีคนที่ญาณินรู้จักใช่ไหม?"

"...ไม่มีครับ"

ท่านประธานนี่ยังใจดีแปลกๆ จะจัดการญาณินทั้งที ยังกลัวจะไปเดือดร้อนกองถ่ายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีก

สีหน้าของเจมส์ดูผ่อนคลายลง เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "อัดฉีดเงินลงทุนให้ 'นิรันดร์รัก' หนึ่งร้อยล้าน แล้วหาเครื่องมือทำเพลงที่ทันสมัยที่สุดส่งไปให้ด้วย"

"รับทราบครับ ผมจะรีบ... หืม?"

บ็อบเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง ไม่ใช่ว่าจะจัดการญาณินเหรอ? ทำไมกลายเป็นส่งอุปกรณ์ไปให้? แถมยังลงทุนกับหนังธรรมดาๆ อีกตั้งร้อยล้าน?

ถึงแม้หนึ่งร้อยล้านสำหรับท่านประธานจะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่นา?

เจมส์ตวัดสายตาเย็นชามามอง "มีปัญหา?"

บ็อบรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เขาไหนเลยจะกล้าแย้ง ได้แต่ทำตามคำสั่งของเจมส์อย่างเคร่งครัด

"อีกอย่าง จับตาดูความสัมพันธ์รอบตัวเธอทั้งหมด แล้วรายงานฉันตลอดเวลา โดยเฉพาะข่าวคราวที่เธอติดต่อกับผู้ชาย"

"...รับทราบครับ"

บ็อบประหลาดใจจนชักจะชาชิน เดินออกมาพลางฉุกคิดได้ว่า ที่ท่านประธานถามก่อนหน้านี้ว่าในกองถ่ายมีคนที่ญาณินรู้จักไหม คงไม่ใช่เพราะคิดว่าญาณินยอมลดตัวไปทำเพลงให้กองถ่ายเล็กๆ เพราะกิ๊กหนุ่มหน้าไหนหรอกนะ?

ทางด้านญาณินที่มาพบกับทีมงานกองถ่าย ตั้งแต่นักแสดงไปจนถึงฝ่ายสวัสดิการ เธอต้องทนฟังคำเยินยอต่างๆ นานามาเป็นชั่วโมงแล้ว

เธอเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าคำประจบสอพลอบนโลกนี้มันช่างหลากหลายจริงๆ

ขณะที่พระเอกของเรื่องกำลังดึงตัวเธอไปพรรณนาความในใจอย่างออกรส โปรดิวเซอร์ก็ลุกพรวดขึ้น จ้องมองมือถือด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะก้าวยาวๆ มายืนกลางวง แล้วประกาศเสียงดัง "เมื่อกี้บริษัทซิงหรงแจ้งมาว่า ยินดีร่วมลงทุนหนึ่งร้อยล้านบาท!"

ทั้งกองถ่ายเงียบกริบไปหนึ่งวินาที ก่อนจะโห่ร้องออกมาพร้อมกัน!

"คุณพระ! หนึ่งร้อยล้าน!"

"งั้นพวกเราก็ถ่ายทำสถานที่จริงได้หมดเลยสิ เผลอๆ ได้ไปถ่ายต่างประเทศด้วย?!"

เงินหนึ่งร้อยล้าน สำหรับหนังเทคนิคพิเศษอาจจะดูน้อยนิด แต่สำหรับหนังดราม่าทั่วไป นี่มันเหมือนลาภลอยจากฟากฟ้า ชัดๆ เป็นการยกระดับสเปกหนังแบบก้าวกระโดด!

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดี โปรดิวเซอร์เดินตรงเข้ามาหาญาณิน กุมมือเธอไว้ด้วยความซาบซึ้งแทบจะหลั่งน้ำตา "อาจารย์ทิพย์ คุณเป็นตัวนำโชคของพวกเราจริงๆ!"

ญาณินรู้สึกงุนงง พยายามดึงมือกลับพร้อมยิ้มเจื่อนๆ "เกี่ยวอะไรกับฉันคะ?"

โปรดิวเซอร์รีบพูดสวนทันที "ต้องเกี่ยวแน่นอนครับ! เงื่อนไขเดียวในการลงทุนของบริษัทซิงหรงคือต้องให้คุณเป็นคนคุมงานสร้างทั้งหมด แสดงว่าเขาต้องเห็นความสามารถของอาจารย์ทิพย์ และไม่อยากให้คุณต้องลำบากในกองถ่ายแน่ๆ ครับ!"

"คุณวางใจได้เลย มีความต้องการอะไรบอกมาได้เลยครับ!"

ญาณินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เธอไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทซิงหรงเลยสักนิด อยู่ดีๆ ทำไมถึงมาลงทุนโดยเห็นแก่หน้าเธอ?

แต่ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อกองถ่ายยอมปรับตามตารางงานของเธอ เธอก็ไม่ต้องคอยหาเรื่องลางานแล้ว

ญาณินจึงฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า "ในเมื่อได้เงินลงทุนแล้ว ทางกองถ่ายก็ลองหาสถานที่ถ่ายทำจริงใหม่ดูนะคะ พอดีฉันเองก็มีธุระส่วนตัวต้องไปจัดการเหมือนกัน"

โปรดิวเซอร์ไม่มีคำว่า "ไม่" หลุดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ รีบรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ และเดินไปส่งเธอที่ประตูอย่างนอบน้อม "คุณพร้อมเมื่อไหร่แจ้งพวกเราได้ตลอดเลยนะครับ"

เมื่อญาณินขึ้นมานั่งบนรถ เธอก็ถอนหายใจยาวเหยียด

นิสาสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของเธอ จึงพูดด้วยความเห็นใจ "พักหน่อยเถอะ ตั้งแต่ลงเครื่องมาเธอยังไม่ได้พักเลยนะ"

ญาณินเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แววตาฉายแววเย็นชา "ละครฉากใหญ่เพิ่งจะเริ่มต่างหาก เตรียมชุดราตรีเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"

วันนี้เป็นงานหมั้นระหว่างลูกสาวคนเล็กของตระกูลสุวรรณศรีกับลูกชายคนโตของตระกูลบุญศรี

อัญชนาและขุนพล คนหนึ่งคือน้องสาวต่างแม่ของเธอ อีกคนคือเพื่อนสมัยเด็กของเธอ

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ฝ่ายหญิงในงานหมั้นวันนี้ เดิมทีควรจะเป็นเธอ

น่าขันที่ขุนพล ผู้ซึ่งพร่ำบอกว่าจะแต่งงานกับเธอแน่นอน กลับหันไปปีนขึ้นเตียงของอัญชนา พอเธอจับได้คาหนังคาเขา เขายังกล้าแก้ตัวหน้าด้านๆ ว่าเป็นเพราะเธอไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเอง

นิสามองดูความเจ็บปวดที่ฉายชัดออกมาอย่างไม่ตั้งใจของเพื่อน แล้วถามเสียงเบา "เตรียมไว้หมดแล้ว... เธอ... เธอยังชอบขุนพลอยู่เหรอ?"

ญาณินแค่นหัวเราะ "ฉันไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้นนะ เขาเหรอ หุ่นก็ไม่มี นิสัยก็แย่ ชอบเขาเนี่ยสู้ไปชอบนายแบบยังดีซะกว่า"

ขณะพูด ในหัวของเธอก็พลันนึกย้อนไปถึงค่ำคืนอันเลือนรางเมื่อสามปีก่อน ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นจำไม่ได้แล้ว แต่ความสุขสมอันรุนแรงนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึก

นิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ พอจะรู้เรื่องราวอยู่บ้าง จึงเอาศอกกระทุ้งเธอเบาๆ อย่างหยอกล้อ พร้อมขยิบตา "ไม่ลองถือโอกาสนี้ตามหาผู้ชายคนนั้นดูหน่อยเหรอ? ไหนๆ เขาก็ทำให้เธอ 'ติด' ได้ในครั้งเดียว แสดงว่าน้ำยาดีใช้ได้เลยนะเนี่ย..."

ญาณินตีแขนเพื่อนเบาๆ แสร้งทำเป็นโกรธ "ยัยลามก"

แต่มุกตลกที่ถูกจังหวะนี้ก็ช่วยเจือจางความเศร้าหมองในใจเธอลงไปได้บ้าง

เธอปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น "ไปกันเถอะ ไปทำเซอร์ไพรส์ให้บรรดาญาติที่รักของฉันกันหน่อย!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป