บทที่ 4 แก้แค้น

ณ โรงแรมแชงกรีลา โรงแรมระดับห้าดาวที่หรูหราที่สุดในเมือง

เวลานี้บริเวณหน้าประตูโรงแรมเนืองแน่นไปด้วยรถหรูจอดเรียงราย ภายในล็อบบี้ตกแต่งด้วยสีทองอร่ามวิจิตรตระการตา

อัญชนาสวมชุดโอตกูตูร์จากแบรนด์ JD ยืนปั้นยิ้มจอมปลอมตามมารยาทคอยต้อนรับแขกเหรื่อ

เหล่าไฮโซสาวต่างพากันกระซิบกระซาบ

สมกับเป็นลูกสาวสุดที่รักของตระกูลสุวรรณศรีจริงๆ ถึงขนาดหาชุดโอตกูตูร์ของเจดีมาใส่ได้ คุณนายไฮโซตั้งกี่คนอยากจะยืมมาใส่แทบตายยังหาไม่ได้เลย

ดูเหมือนจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดฝังเพชรด้วยนะ เป็นรองก็แค่รุ่นฉลองครบรอบของแบรนด์ TB เท่านั้นเอง ตระกูลสุวรรณศรียอมทุ่มทุนสร้างจริงๆ...

อีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้นมาว่า "แบรนด์ทีบีน่ะมีแต่พวกเชื้อพระวงศ์เท่านั้นแหละที่ใส่ได้ ลำพังชุดที่คุณอัญชนาใส่อยู่นี้ก็หรูหราเกินกว่าที่พวกเราจะเอื้อมถึงแล้ว..."

เมื่อได้ยินคำเยินยอเหล่านั้น อัญชนาก็รู้สึกปลาบปลื้มใจจนตัวลอย เธอยืดอกขึ้น แววตาฉายความเย่อหยิ่งและดูแคลนคนอื่น

แต่ก็มีคนที่หมั่นไส้จริตของเธออยู่บ้าง จึงแกล้งยิ้มหวานแล้วพูดเหน็บแนมว่า "วันสำคัญขนาดนี้ พี่สาวเธอไม่มาเหรอ?"

"ได้ข่าวว่าหายตัวไปสามปีแล้วนี่ เฮ้อ ไม่รู้ว่ามีข่าวคราวบ้างหรือยัง"

เมื่อสามปีก่อน ลูกสาวคนโตของตระกูลสุวรรณศรีจู่ๆ ก็หายตัวไป มีข่าวลือหนาหูว่าไปเป็นมือที่สามของคนอื่น จนโดนเมียหลวงไล่ตะเพิด ไม่กล้าโผล่หัวกลับมาอีก

เรื่องนี้เคยทำให้อัญชนาโดนคนหัวเราะเยาะอยู่พักใหญ่

ใบหน้าของอัญชนาบึ้งตึงลงทันที แต่หางตาเหลือบไปเห็นว่าคนรอบข้างกำลังจ้องมองมา จึงรีบปรับสีหน้าหม่นหมองลง แสร้งทำเป็นรู้สึกเสียใจสุดซึ้ง "นั่นสินะคะ พี่สาวก็จริงๆ เลย ถึงจะทำเรื่องผิดพลาดไป แต่พวกเราในฐานะคนในครอบครัวก็พร้อมจะให้อภัยเธอเสมอ"

"ยอมทิ้งครอบครัวเพื่อผู้ชายคนเดียว มันไม่คุ้มเลยจริงๆ"

สิ้นเสียงของเธอ จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งที่สดใสและกังวานกว่าดังแทรกขึ้นมา

"ใครทิ้งครอบครัวเพื่อผู้ชายมิทราบ?"

ทุกคนหันขวับไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว

ญาณินปรากฏตัวในชุดราตรีทรงหางปลาเกาะอกสีแดงเพลิง เนื้อผ้าแนบสนิทไปกับเรือนร่าง ขับเน้นสัดส่วนเว้าโค้งที่เย้ายวน

ตัวชุดประดับประดาด้วยเพชรหลากสีไร้ตำหนิ โดยเฉพาะเพชรสีแดงเม็ดโตตรงกลางที่ส่องประกายเจิดจ้าล้อแสงไฟ ยิ่งขับผิวของเธอให้ขาวผ่องดุจหิมะ ดูสูงส่งและสง่างาม

แต่ทั้งหมดนี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับสร้อยคอมรกตมูลค่าสามร้อยล้านที่สวมอยู่บนลำคอระหงของเธอ

พวกผู้ชายต่างเบิกตากว้าง ตะลึงงันจนตาค้างไปแล้ว

ส่วนพวกผู้หญิงได้แต่จ้องมองชุดของเธอตาไม่กระพริบ แล้วหันไปถามเพื่อนข้างๆ เสียงตะกุกตะกัก "นะ...นั่นมันชุดรุ่นฉลองครบรอบที่มีเพียงชุดเดียวในโลกของแบรนด์ ทีบี ไม่ใช่เหรอ?"

"ชุดนั้นชุดเดียวซื้อบริษัทบ้านฉันได้ทั้งบริษัทเลยนะ..."

"คุณพระช่วย ลูกสาวคนโตของตระกูลสุวรรณศรีมีราศีจับขนาดนี้เชียวเหรอ? แล้วตอนนั้นเธอไปคว้าไอ้แก่หัวล้านนั่นได้ยังไง? ตาบอดหรือเปล่า?"

ญาณินเดินตรงเข้าไปหาอัญชนาโดยไม่วอกแวก

เดิมทีเธอก็มีรูปร่างสูงโปร่งกว่าอัญชนาอยู่แล้ว ยิ่งสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้วเข้าไปอีก มองอัญชนาก็ไม่ต่างอะไรกับมองคนแคระ

"น้องพี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม"

อัญชนาจ้องมองชุดโอตกูตูร์ระยิบระยับและใบหน้าที่สวยสะพรั่งยิ่งกว่าเดิมของพี่สาวด้วยความอิจฉาริษยาจนแทบคลั่ง

แต่จำต้องเก็บอาการ กัดฟันฝืนยิ้มออกมา "พี่คะ กลับมาทำไมไม่บอกกันสักคำ ฉันจะได้ให้คนไปรับ"

"จริงสิ วันนี้คุณหญิงสุดาก็มาด้วยนะคะ ถ้าเรื่องเมื่อตอนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ก็ถือโอกาสนี้พูดให้รู้เรื่องไปเลย จะได้คืนความบริสุทธิ์ให้พี่ด้วย ทุกคนจะได้มาร่วมงานหมั้นของฉันได้อย่างสบายใจไร้ข้อกังขา"

เธอเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน พุ่งเป้าไปที่ต้นตอของความขัดแย้งทันที

ใครบ้างจะไม่ชอบเรื่องชาวบ้าน แขกเหรื่อในงานต่างพากันชื่นชมความงามของญาณินไปพลาง ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นรายละเอียดของเรื่องฉาวในอดีตไปพลาง

ญาณินกระตุกยิ้มเย็นชา ทว่าแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มเย็นๆ ก็ยังดูงดงามเย้ายวนใจ

"น้องจะหมั้นทั้งที อย่างน้อยก็ควรหมั้นกับคนที่ไม่มีพันธะสิ มาหมั้นกับคู่หมั้นของฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?"

รอยยิ้มของอัญชนาแข็งค้าง สีหน้าดูไม่ได้ทันที

ญาณินพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย "จะว่าไปแล้ว ที่เมื่อสามปีก่อนเธอกับแม่ยุยงให้พ่อขายฉันให้คุณสมชาย หรือว่าเป็นเพราะอยากจะแต่งงานกับขุนพล?"

"เธอน่าจะบอกกันดีๆ นะ ฉันเองก็ไม่ได้พิศวาสผู้ชายสารเลวที่แอบกินตับกับน้องเมียตัวเองอยู่แล้ว"

เพียงสามประโยคสั้นๆ แต่ข้อมูลอัดแน่นจนระเบิดตูม

แขกในงานพากันเสพดราม่าจนลืมรักษาภาพพจน์ นี่มันละครฉากเด็ด 'น้องสาวแย่งผัวพี่สาว' ชัดๆ

อัญชนาถูกตอกกลับจนหน้าหงาย ความสามารถในการ 'แอ๊บน่าสงสาร' ที่เคยใช้ได้ผล ถูกความอยากรู้อยากเห็นของแขกกลบจนมิด

"นังแพศยา! ไปยั่วผัวชาวบ้านยังไม่พอ ยังจะมาใส่ร้ายว่าที่น้องเขยในวันมงคลแบบนี้อีก แกตั้งใจจะไม่ให้อัญมีความสุขใช่ไหม!"

นราวดีเดินออกมาจากห้องรับรอง เห็นลูกสาวตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำก็โกรธจนตัวสั่น รีบลากคุณหญิงสุดาเดินเข้ามาเพื่อจะให้ท้ายอัญชนา

พอเห็นว่ามีคนมาช่วย อัญชนาก็รีบหาที่พึ่ง ขยับเข้าไปหาแม่ด้วยท่าทางน่าสงสาร "แม่คะ หนูแค่หวังดีอยากช่วยกู้ชื่อเสียงให้พี่ แต่พี่เขา..."

ทำท่าเหมือนน้ำตาจะร่วงได้ทุกเมื่อ

นราวดีกางปีกปกป้องลูกสาวเหมือนแม่ไก่หวงไข่ มือซ้ายดึงอัญชนาไปหลบด้านหลัง มือขวาประคองแขนคุณหญิงสุดา "เรื่องเมื่อตอนนั้น ถามเจ้าทุกข์เลยจะรู้เรื่องเร็วที่สุด"

สายตาของทุกคนพุ่งเป้าไปที่คุณหญิงสุดาทันที

ญาณินตวัดดวงตาคู่สวยมองไปทางนั้น จ้องมองหล่อนอย่างเงียบงัน

ไม่รู้ทำไม คุณหญิงสุดาถึงรู้สึกกดดันอย่างประหลาด แต่พอนึกถึงสามีตัวเอง แล้วเห็นความสาวความสวยของคนตรงหน้า ความโกรธก็เข้าครอบงำ "ตอนนั้นหล่อนแกล้งเมา ฉวยโอกาสตอนสามีฉันไปดูงานแอบปีนขึ้นเตียงเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนหนักแน่นไม่เล่นด้วย ป่านนี้คงโดนหล่อนขู่กรรโชกทรัพย์ไปแล้ว!"

"หลักฐานตอนนั้นฉันยังเก็บรักษาไว้อย่างดีนะจะบอกให้!"

ดวงตาของญาณินลึกล้ำขึ้น เธอถามกลับเสียงเย็นเยียบ "หลักฐานอะไรคะ? หลักฐานที่เขาวางยาแล้วข่มขืนเหรอ?"

คุณหญิงสุดาเต้นผางทันที "นี่! หล่อนพูดบ้าอะไร!"

ญาณินย้อนถาม "คุณสุดาคะ วันสำคัญขนาดนี้ คุณก็มาแล้ว ทำไมสามีคุณถึงไม่มาด้วยล่ะ?"

คุณหญิงสุดาที่เมื่อกี้ยังเกรี้ยวกราด จู่ๆ ก็หลบสายตาเลิ่กลั่ก ไม่กล้าตอบ

เธอปิดข่าวเงียบกริบ นังเด็กนี่ไม่น่าจะรู้อะไร

ญาณินกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "อ๋อ เพราะว่าอยู่ในคุกสินะคะ ก็ฉันเป็นคนส่งเขาเข้าไปเองกับมือ โทษสูงสุดซะด้วยสิ"

เพื่อจะแก้แค้นด้วยตัวเอง เธอทุ่มเทเรียนกฎหมายอย่างหนัก คดีแรกที่ทำก็คือการรวบรวมหลักฐานส่งไอ้สมชายเข้าซังเต

แม้กระบวนการจะยากลำบากไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็น่าพอใจ

คุณหญิงสุดาหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทาจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

นราวดีคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผันขนาดนี้ แต่ยังคงปากแข็ง "แกอย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อที่นี่นะ!"

ญาณินยกมือขึ้นตบเบาๆ ด้วยท่าทีสุขุม

ไม่นานนัก นิสาก็เข็นเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ออกมา พอกดปุ่มเปิด บนจอภาพที่เดิมทีฉายวิดีโองานแต่งงาน ก็ปรากฏคลิปวิดีโอการสอบปากคำขึ้นมาแทน

ในภาพ สมชายกำลังร้องห่มร้องไห้น้ำมูกโป่ง พยายามแก้ตัวพัลวัน "เขาเป็นคนมาคุยเรื่องความร่วมมือกับผมเอง ผมก็นึกว่าเขาตกลงกับลูกสาวเขาไว้แล้ว!"

"ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าไอ้คินทร์มันจะหน้าเนื้อใจเสือ ขนาดลูกสาวตัวเองมันยังวางแผนขายได้ลงคอ!"

คินทร์ที่เพิ่งคุยกับขุนพลเสร็จเดินออกมาได้ยินประโยคเหล่านี้พอดี หน้าถอดสีจนซีดเหมือนไก่ต้ม รีบพุ่งเข้ามาหมายจะแย่งเครื่องฉายโปรเจคเตอร์

นิสาผลักออกไปเต็มแรง คินทร์คว้าลมจนเสียหลักล้มหน้าคะมำไม่เป็นท่า

แต่เสียงในคลิปกลับดังสนั่นหวั่นไหว เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นของสมชายดังก้องไปทั่วห้องจัดเลี้ยง

"เป็นความคิดของไอ้คินทร์กับเมียใหม่ของมันทั้งนั้น! เอาตัวญาณินมาแลกกับสัญญาธุรกิจไตรมาสหน้า!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป