บทที่ 5 Chapter 5
มันส่งผลให้จูบร้อนร้ายชะงัก มีเพียงลมหายใจร้อนแรงแผดเผากลีบปาก เธออับอายเกินกว่าจะมองหน้าเขาได้ เบี่ยงหน้าหลบทั้งที่หอบสั่น สองมือขยุ้มแน่น รับรู้ถึงท่อนแขนที่ค่อยๆ เลื่อนไปโอบเอว เชื่องช้าในความรู้สึก ที่สุดร่างกายก็ถูกวางลง
“ไป”
สมองสับสนอลหม่าน ประมวลสิ่งที่ได้ยินไม่ทัน เสียงพร่าดุจึงสำทับอีกครั้ง
“มะลิกลับเข้าห้องไป เดี๋ยวนี้!”
เธอไม่รอให้คมคายพูดซ้ำ วิ่งเข้าห้องโดยไม่เหลียวหลัง ปิดประตูลงล็อกได้ ขาอ่อนพับ ร่างกายสั่นๆ ทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง มีเพียงหัวใจเต้นสนั่นหวั่นไหว...
เหล้าคุณภาพเยี่ยม ดีกรีแรงถูกเปิดดื่มไม่ง้อแก้ว ความร้อนแรงบาดลำคอหากไม่สามารถกดข่มสัญชาตญาณนักล่าให้สงบลงได้ มันจึงถูกยกดื่มติดๆ กัน ไม่ถึงนาทีพร่องไปกว่าครึ่งขวด
คมคายกระตุกสาบเสื้อแรงๆ กระดุมกระเด็นออกจากรังหลายเม็ด กระตุกซ้ำอีกครั้งสาบเสื้อก็เป็นอิสระจากกัน เผยกล้ามเนื้อแผงอกและหน้าท้องสวยงาม ราวกับว่าทำแบบนั้นแล้ว มันสามารถระบายความรุ่มร้อนอันเกิดจากกลิ่นกรุ่นวัยสาวที่เขาเพิ่งผละจากมา
เด็กบ้า! ไม่มีใครบอกใครสอนหรือไงนะ อย่าเข้าใกล้ผู้ชายตอนแต่งตัวล่อแหลมอย่างนั้น ไม่ต้องพยายามเขาก็รู้ทันทีว่าภายใต้ชุดนอนเนื้อนุ่มนั้น เธอหาได้สวมสิ่งใดอีก
รสชาติไร้เดียงสานั้นมันช่างหอมหวนยวนยั่วจนไม่อยากห้ามใจ มันทำให้เขาหงุดหงิด
คมคายพยายามปัดความคิดไม่ซื่อทั้งหลายแหล่ออกจากหัว คว้าขวดเหล้าติดมือ พลิกตัวยืนตรงหน้าผนังกระจกสูงจรดเพดาน สายตาปะทะเข้ากับหลังคาตึกห่างออกไปทางตะวันออก ที่ที่เชลยถูกจองจำไว้ เขาเล่นสนุกกับพวกมันทุกวัน ไอ้ตัวหัวหน้ามันอึดไม่เบา สมกับที่เคยเป็นหัวหน้าการ์ดฝีมือดี ขณะที่คนอื่นๆ ดันใจเสาะตายไปตั้งแต่ยังไม่ครบเจ็ดวันด้วยซ้ำ คงเพราะพวกมันเป็นเพียงช่างเครื่อง ฝีมือและสมรรถภาพร่างกายต่ำ ไอ้ตัวหัวหน้าเพิ่งจะตามพรรคพวกของมันไปเมื่อตอนหัวค่ำวันนี้
มุมปากได้รูปกระตุก มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ไม่เสียใจสักนิดที่ฆ่ามันตายกับมือ
เลือดล้างด้วยเลือด
กรอกเหล้าลงคออีกอึกใหญ่ เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังเข้ามาใกล้เรียกความสนใจ เขาได้เห็นรัฐกรมาพร้อมกับผู้ชายหัวเกรียนหน้าเคร่งขรึม
“ไอ้ธาม”
“พี่คาร์ล”
เขาขยับเข้าไปตบไหล่หนุ่มรุ่นน้อง พยักหน้าให้นั่งบนโซฟา ขณะที่รัฐกรหาเหล้ากับแก้วอีกสองใบมาเทส่งให้หนุ่มรุ่นน้องกับตนเอง
“สภาพมึงแม่ง”
“ดูดีสุดๆ แล้ว ติดคุกตั้งหลายปี” ปฏิพัทธ์ไหวไหล่ ยกแก้วที่รัฐกรเลื่อนมาให้ขึ้นดื่ม
“ถ้ากูรู้ มึงจะไม่ได้ติดสักปี”
“ผมไม่อยากรบกวน”
หลายวันมานี้ เขาให้รัฐกรนำตัวรุ่นน้องคนนี้ออกมาจากคุก หลังจากรู้โดยบังเอิญว่า มันอยู่ในนั้น
“พูดงี้ มึงดูถูกกูอยู่นะ”
การนำตัวใครสักคนออกจากคุก หรือการทำให้ใครสักคนถึงหลายคนหายตัวไปไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา สำหรับศิลาลักษณ์
“ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากให้พี่วุ่นวาย”
คมคายส่ายหน้าระอา มือหนายื่นขวดไปชนกับแก้วเหล้าของอีกฝ่าย
ปฏิพัทธ์อายุน้อยกว่าเขาสามปี รู้จักกันตอนนั้นมันอยู่ปีหนึ่งมาทำงานในผับของเขาเอง มันขยัน ซื่อสัตย์ เขาชอบนิสัยจึงคบเป็นเพื่อนโดยไม่สนฐานะทางสังคมอะไร แต่ขาดการติดต่อกันไปตอนที่เขาไปเรียนเมืองนอก คนที่ผับก็ไม่ได้แจ้งเรื่องมันให้เขารู้ ไม่คิดว่า มันจะเกิดเรื่องจนต้องเข้าไปกินข้าวแดงในคุกเสียหลายปี
“ขอบคุณพี่มากที่ช่วยผมออกมา”
“มึงจะเอาไงต่อไป”
“ยังไม่รู้เลย คนขี้คุกแบบผม”หนุ่มรุ่นน้องทำเสียงหยันในลำคอ ตามด้วยกรอกเหล้าเข้าปาก
คมคายมองเห็นประกายแข็งกร้าวในตาของปฏิพัทธ์
มันคือความคั่งแค้นสุมอก! แบบที่เขารู้สึกมาตั้งแต่รู้ข่าวพ่อกับแม่
“มึงคงอยากแก้แค้น”
ปฏิพัทธ์ขบกรามแน่น มือเกร็งกำแก้วเหล้าจนมองเห็นเส้นเลือดดันผิวหนัง
“ผมจะทำอะไรได้”
“ได้สิวะ ถ้ามึงกล้าแลก”
“ชีวิตนี้ผมคงไม่มีให้หวงแหนแล้วนอกจากทราย”
“ทราย”
“น้องสาวของผม”
“งั้นมาทำงานกับกู แต่มึงต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อย กูมีโครงการใหม่อยากให้มึงไปดูแล”
คมคายสรุป ตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ รู้ว่ามันเข้าใจความหมายนั่น เขาเบนสายตาไปยังคนสนิทที่นั่งดื่มเงียบเชียบ อีกฝ่ายรู้ว่าต้องจัดการอะไรบ้าง
“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท”
หมดเวลาสำหรับความสนุกสนานแล้ว
รัฐกรนำแก้วอีกใบมารินให้ผู้เป็นเจ้านาย เขาเห็นว่าสายตาเย็นชาคู่นั้นมองไปยังตึกหลังงามทางตะวันออก ที่นั่นเป็นศูนย์บัญชาการของพวกการ์ด ใต้ตึกหลังนั้นคือห้องเชือด ห้องที่คมคายใช้มันทุกวันตลอดหนึ่งเดือนมานี้
“มีอีกเรื่องที่อยากให้นายจัดการ”
“อะไรนะคะ...”
เธอแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองที่ถามออกไป ในจิตใจตอนนี้ถูกบีบจากมือที่มองไม่เห็นจนหายไม่ออก
“หนูลิจะได้ใช้ชีวิตในแบบเพื่อนวัยเดียวกัน ไม่ดีหรือ”
“อยู่ที่นี่ลิก็ใช้ชีวิตแบบนั้นได้นี่คะ”
รัฐกรคลี่ยิ้มอบอุ่นอย่างที่เคยยิ้มให้เธอมาตลอดสิบเก้าปี เขาหวังดีและเอ็นดูเธอมาตลอด เธอเข้าใจความหมายของเขา
ทว่า คมคายต้องการให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้
คำถามคือ ทำไม...
เมื่อคืนเขาทำหยาบคายกับเธอแบบไม่มีที่มาที่ไป วันต่อมากลับให้คนสนิทมาบอกให้เธอออกจากบ้าน
