บทที่ 1 บทนำ

"เมื่อไหร่จะมีหลานให้แม่อุ้มสักทีภานุ จะรอให้แม่ตายก่อนหรือไงถึงจะมีได้"

ผู้เป็นแม่ตะโกนเสียงดังลั่นบ้านอย่างโมโห ลูกชายทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดจะอธิบายอะไร

"พอเถอะคุณ"

สามีของคุณหญิงเพ็ญนภาร้องห้ามเพราะไม่อยากให้ภรรยากดดันลูกชายของตัวเองมากนัก เขาพอเข้าใจเหตุผลของลูกชายคนเดียวแต่เหมือนผู้เป็นแม่จะไม่เข้าใจ

"พอเหรอคะ... คุณดูลูกคุณสิ รอแล้วรออีกแค่ผู้หญิงคนเดียวไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน แถมถ้าวันหนึ่งแต่งงานกันไปก็ไม่สามารถมีทายาทได้"

"ผมบอกแล้วไงครับว่าถึงเวลานั้นจะรับเด็กมาเลี้ยง"

"แกโง่หรือเปล่าตาภานุ รับเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดมาเลี้ยงเนี้ยนะ! ทั้งๆที่แกก็แข็งแรงดีสามารถมีลูกได้ด้วยตัวเองแท้ๆ แต่ต้องมายอมเพราะผู้หญิงคนเดียวที่มีลูกไม่ได้ รักอะไรนักหนาทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน กลับมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แกจะรอไปจนถึงเมื่อไหร่ห๊ะ!"

คุณหญิงบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถมีลูกได้หรือเรียกว่าเป็นหมันตั้งแต่เด็ก แต่ลูกชายเธอรักมากทั้งๆที่ไม่ได้ตกลงปลงใจคบหากันด้วยซ้ำแต่ก็รอเพียงแค่เธอบอกว่าจะกลับมาหา โง่!

"เราคุยกันแล้วครับแม่ ยังไงพลอยบอกว่าจะกลับมาหาผม"

"เรื่องกลับมาหรือไม่แม่ไม่สนใจแล้ว แม่อยากมีหลานที่มีสายเลือดของตระกูลเท่านั้น แกเอาน้ำเชื้อตัวเองไปใส่ผู้หญิงที่แม่เลือกให้สิ แล้วจากนั้นแกจะไปรักกับใครก็ไปแม่จะไม่ยุ่ง"

เธอพยายามพูดกับลูกชายหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเขายอมให้ผู้หญิงที่เธอเลือกมาอุ้มท้องให้ก็จบ แต่ลูกชายไม่ยอมจะรอแต่ผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วค่อยปรึกษาว่าจะทำยังไงซึ่งเธอรอไม่ไหว

"ผมต้องคุยกับพลอยก่อนนะครับแม่"

"แกจะสามสิบเอ็ดปีแล้วนะภานุ จะต้องรออีกกี่ปีถึงจะมี ธุรกิจที่มีพันล้านหมื่นล้านแกจะยกให้ลูกที่ไม่ได้เกิดจากสายเลือดของตัวเองเหรอ..."

ภานุถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่อยากทำอย่างที่แม่พูดเพราะกลัวว่าพลอยจะรู้สึกแย่เพราะเธอไม่สามารถมีลูกได้ เขาอยากให้เธอเห็นว่าเขารักเธอจริงๆไม่ว่าเธอจะมีได้หรือไม่ได้เขาพร้อมจะรักเธอ

"บอกเลยนะว่าทุกอย่างที่เป็นสมบัติของตระกูลอภิสิริกุลจะต้องมอบให้กับสายเลือดแท้ๆเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งแกรับลูกบุญธรรมมา แม่กับพ่อจะยกทุกอย่างให้เป็นของสาธารณะ ไม่ต้องมีใครได้ไปแม้แต่แกที่เป็นลูก!!"

คุณหญิงขี้หน้าด่าลูกชายของตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ไม่อย่างนั้นจะต้องทะเลาะกันจนแตกหักแน่ เพราะความโง่ของลูกชายเธอแท้ๆที่หลงผู้หญิงจนไม่สนใจความรู้สึกของคนในครอบครัว

"คุญหญิงจะไปไหน"

สามีตะโกนเรียกเธอ แต่ไม่ทันแล้วเพราะเธอขึ้นรถแล้วออกไปจากบ้านซะก่อน เขาหันไปมองหน้าลูกชายก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าอย่างปลอบใจ

"ใจเย็นๆนะลูก เดี๋ยวแม่เค้าก็เข้าใจเอง"

ภานุรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นแม่สมหวัง เขาแค่อยากจะรออีกหน่อยเพื่อคิดอะไรอีกนิดถึงเวลานั้นเขาคงจะหาทางออกได้ แต่เหมือนว่าตอนนี้แม่จะไม่ยอมให้เลี้ยงบุตรบุญธรรม ท่านต้องการลูกที่เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาซึ่งถ้าเขายังเลือกที่จะแต่งงานกับพลอยก็คงไม่สามารถมีได้

"ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับพ่อ ผมตันไปหมดแล้ว"

"แม่เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ยังไงทุกอย่างมันก็เป็นของลูกอยู่แล้ว แม่คงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก"

ภานุถอนหายใจออกมาอย่างเครียดหนัก เขาไม่รู้จะทำยังไงต่อดี แต่ตอนนี้คงต้องง้อแม่ก่อนรอให้ท่านใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยอีกที

ทางด้านของคุณหญิงเพ็ญนภา เธอให้คนขับรถพาไปส่งที่ร้านเบเกอรี่ร้านประจำของเธอเพื่อหาของอร่อยทานให้ใจเย็นลง และอยากจะไประบายกับเพื่อนสนิทด้วยเกี่ยวกับเรื่องความดื้อดึงของลูกชายคนเดียว

"เชิญครับคุณหญิง"

"ไปจอดรถแล้วลงมาทานขนมนะ ฉันจะนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนยังไม่กลับง่ายๆ"

"ได้ครับคุณหญิง"

คนขับรถเปิดประตูให้เจ้านาย เธอเดินลงมาก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่สุดหรู ลูกปลาพนักงานในร้านเห็นคุณหญิงก็รีบไปต้อนรับทันที

"สวัสดีค่ะคุณท่าน"

คุณหญิงเพ็ญนภาเห็นลูกปลาก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ วันก่อนมาที่นี่แต่ไม่เจอเธอเห็นผู้จัดการบอกว่าเธอไปสอบที่มหาวิทยาลัย

"หนูลูกปลาดีใจที่เจอ"

"หนูก็ดีใจค่ะวันนี้มาไวจังเลย นั่งก่อนนะคะเดี๋ยวหนูไปเอาน้ำเย็นมาให้"

เธอพาคุณหญิงไปนั่งที่โซฟาก่อนจะเดินไปหยิบน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้ทานอย่างชื่นใจ ลูกปลาคุกเข่าลงตรงหน้าท่านก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

"ชื่นใจมั้ยคะ"

"มากเลยจ๊ะ ฉันอยากเจอหนูอยู่พอดีเลย วันก่อนมาก็ไม่เจอเห็นว่าไปสอบมาใกล้จบหรือยังจ๊ะ"

"สอบครั้งนี้เสร็จก็จบแล้วค่ะ จะได้วุฒิปริญญาตรีกับเขาสักที โล่งมากเลยค่ะ"

ลูกปลาเอ่ยเสียงใส เธอเห็นเด็กคนนี้มาหลายปีตั้งแต่มาสมัครงานที่ร้านเพื่อนเธอใหม่ๆ เธอเป็นเด็กน่ารักมากมารยาทดีแถมยังกตัญญูอีก ทำงานที่นี่มาสี่ปีหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ เป็นเด็กที่เก่งมากจริงๆ

"ดีแล้วจ๊ะ ไปทำงานที่ห้างฉันมั้ย เดี๋ยวหาตำแหน่งดีๆให้เลยหนูจะได้มีเงินเยอะไปเลี้ยงดูพ่อกับแม่"

"หนูไม่อยากรบกวนเลยค่ะ ยิ่งไปโดยใช้เส้นสายแบบนั้นยิ่งไม่อยากเลย ตอนนี้ทำงานที่นี่ก็ดีอยู่แล้วค่ะเงินดีด้วยนะ อีกอย่างปลาชอบทำขนมค่ะอยากมีแบบนี้เป็นของตัวเอง ถ้าให้ไปทำงานออฟฟิศคงไม่ได้เรื่อง งั้นหนูขอไปทำงานก่อนนะคะเดี๋ยวมาใหม่"

"จ๊ะ ไปเถอะ"

ลูกปลายิ้มแห้งออกมา คุณหญิงลูบผมเธออย่างเอ็นดูก่อนจะปล่อยให้ลูกปลาไปทำงานต่อ เพื่อนสนิทของเธอเดินมาพอดีก็เอ่ยทักทาย

"คุณหญิงเพ็ญนภา โทรมาเสียงหงุดหงิดมีอะไรอีกล่ะ"

"ทะเลาะกับลูกชายตัวดีนะสิ"

"เรื่องเดิมอีกแล้วสินะ แกก็ปลงๆบ้างสิเด็กมันรักกันก็ปล่อยไปเถอะ"

"ฉันไม่เคยห้ามให้คบกันเลยนะ ขอแค่หลานคนเดียวมันจะดิ้นตายหรือไงกัน"

คุณฟ้ามองหน้าเพื่อนก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย เรื่องนี้สุดจะหาวิธีช่วยจริงๆ

"เอาเถอะน่า อายุก็ยังไม่แก่เลย อนาคตอาจจะคิดได้เองแหละ"

"ฉันเนี่ยสิจะแก่ลงทุกวัน เห้อ! คุยกับลูกชายแล้วหงุดหงิด ฉันคุยกับหนูลูกปลามีความสุขกว่าอีก"

คุณหญิงหันไปมองหน้าลูกปลาที่ตอนนี้กำลังถือจานขนมตรงมาทางเธอ

"รับเป็นลูกสาวเลยมั้ยถ้าจะหลงกันขนาดนั้น"

คุณฟ้าเอ่ยเสียงประชด ก็พอเข้าใจว่าทำไมเพื่อนเธอถึงถูกชะตาเด็กคนนี้ เพราะเธอเป็นเด็กดี ทำงานเก่ง แถมยังกตัญญูต่อครอบครัว ไม่ขอเงินที่บ้านแถมเงินที่ได้ยังส่งไปให้พ่อแม่ทุกเดือนอีก ส่งเสียตัวเองจนจบปริญญา หายากมากในเด็กสมัยนี้

"ถ้าสลับตัวได้นะฉันจะไล่ตาภานุออกจากการเป็นลูกแล้วให้หนูลูกปลาไปเป็นแทน เห้อ! นี่ถ้าลูกชายฉันมันไม่โง่หลงผู้หญิงหน้ามืดตามัว ฉันจะจับหนูลูกปลาใส่พานให้เลย"

คุณหญิงเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย เด็กคนนี้น่ารักน่าชังเธอถึงขั้นอยากจะรับเป็นลูกด้วยซ้ำ ถ้ามีลูกชายสองคนจะจับเด็กคนนี้ไปเป็นลูกสะใภ้แล้ว

"คุณท่านคะ ลูกปลาฝึกทำขนมค่ะเชฟสอนเมนูใหม่หนูทำเองเลยนะคะ อยากให้คุณท่านชิม"

คุณหญิงยิ้มกว้างออกมาก่อนจะใช้ช้อนตักชิมอย่างเต็มใจ

"ไหนดูสิน่าทานจังเลย"

เธอลองชิมก่อนจะร้องว้าวออกมา

"อร่อยมากเลย เก่งนะเนี้ยนุ่มพอดีเลย"

"จริงเหรอคะ แบบนี้คุณฟ้าต้องเลื่อนตำแหน่งให้ลูกปลาไปเป็นเชฟได้แล้วนะเนี้ย"

คุณฟ้ายิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็กคนนี้ พูดจาน่ารักใครอยู่ด้วยก็สบายใจ เธอจึงให้เธออยู่ในฐานะพนักงานที่มีสิทธิพิเศษ อยากจะลาไปนั่นนี่อยากจะทำอะไรก็ทำไมว่าอะไรทั้งนั้น

"ฝึกไว้ให้คล่องสิ ไว้เปิดอีกสาขาจะส่งไปเป็นเชฟเลย"

"จริงนะคะ"

ลูกปลายิ้มออกมาก่อนนะส่งจานขนมให้คุณหญิงทานต่อ

"จริงสิ ไปรับลูกค้าก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน"

"ค่ะ"

ทั้งสองคนมองลูกปลาเดินออกไปรับแขกก็หันมายิ้มให้กัน

"น่ารักจริงๆเด็กคนนี้"

"น่ารักสิ เป็นเด็กที่กตัญญูต่อพ่อแม่ ทำงานตัวคนเดียวงกๆไม่เคยบ่นแถมไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียอีก ผู้ชายคนไหนได้ไปถือว่าโชคดีที่สุดเลยแหละ"

"นั้นสิ นี่ถ้าลูกชายฉันไม่ไปหลงผู้หญิงอื่น ฉันจะจับคู่ให้ล่ะ เห้อ!"

บทถัดไป