บทที่ 9 Chapter 8

“ไม่เป็นไรหรอก บ้านหลังนี้ครึกครื้นดีฉันชอบ ว่าแต่หนูแก้วยังชอบกินฉู่ฉี่ปลาทูอยู่อีกหรือเปล่า”

“คุณยายรู้ได้ยังไงคะว่าแก้วชอบทานฉู่ฉี่ปลาทู” คราวนี้แก้วกานดาถึงกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หญิงสูงวัยพูดออกมา นอกจากชื่อของเธอจะคล้ายกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะนิสัยใจคอ ที่มักมองโลกในแง่ดี            หรือแม้แต่อาหารการกิน

“ทำไมฉันจะไม่รู้ หนูแก้วอย่าลืมสิ ฉันเป็นใคร นี่คุณนายเรไรผู้กว้างขวาง ที่สำคัญฉันหมายมั่นปั้นมือให้หนูประกายแก้วมาเป็นสะใภ้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป ฉันก็ยังไม่เคยลืม”

พอพูดมาถึงประโยคนี้ ทำเอาหญิงสูงวัยจุกอยู่ในอก เพราะหลายสิบปีมานี้นางอยู่อย่างอ้างว้าง หลังจากที่ไลอ้อนกลับไปง้อภรรยาของเขา แต่ทว่าทั้งคู่ได้ลาลับไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่พอเจอแก้วกานดานางกลับคิดว่าเธอคือประกายแก้ว

“ประกายแก้ว ชื่อคุ้นๆ” กนกรู้สึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พอนึกขึ้นได้ ทำให้หญิงหญิงวัยกลางคนถึงกับยกมือขึ้นมาป้องปาก แต่เธอก็ไม่อยากทำตัวให้ดูมีพิรุธ

“คุณยายทานข้าวดีกว่าค่ะ วันนี้ดิฉันทำเมนูง่ายๆ คุณยายทานได้ไหมคะ” กนกทำเป็นไม่สนใจว่าใครคือประกายแก้ว ทั้งที่ภายในใจอยากเห็นภาพถ่าย เพื่อยืนยันว่าใช่คนเดียวกันกับที่เธอสงสัยไว้หรือเปล่า

“กินได้สิ ฉันขอทานข้าวก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกินหมั่นโถว”

“ห่อไปกินที่บ้านก็ได้นะคะคุณยาย” แก้วกานดารู้สึกชอบที่คุณยายเป็นคนคุยสนุกและเป็นกันเอง

“ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสูงวัยรู้สึกชอบใจในรสชาติอาหารคาวหวาน แม้แต่ขนมไทย คุณนายเรไรยังขอห่อกลับบ้าน เพื่อเอาไปฝากหลานชาย

“กิ่งออกไปดูซิ ใช่รถแท็กซี่ที่โทรเรียกหรือเปล่า”

“เดี๋ยวแก้วไปดูเองค่ะแม่” พอแก้วกานดาเดินออกไป กนกเริ่มทนไม่ไหว เมื่อนางรู้สึกค้างคาใจ ในชื่อของประกายแก้ว

“หลานชายคงชอบหมั่นโถวที่คุณยายเอาไปฝากนะคะ”

“ลูคัสคงไม่กิน แต่ครูซไม่แน่ เพราะหลานชายของฉันคนนี้ ชอบเอาใจคุณย่าเป็นที่หนึ่ง”

“ครูซ ชื่อเพราะจังเลยนะคะ” กนกไม่คิดว่าโลกจะกลม เมื่อเบื้องบนส่งคนที่เคยเกี่ยวข้องกับประกายแก้วเข้ามาวนเวียนในชีวิตของแก้วกานดา

หญิงสูงวัยหยิบธนบัตรส่งให้กนกหลายใบ ซึ่งคงหลายพันบาท แต่กนกกับลูกสาวได้ปฏิเสธที่จะรับ เพราะเธอทำทุกอย่างด้วยใจ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนจากหญิงสูงวัย

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แท็กซี่มาพอดีเลย ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาข้าวกับพวกเราอีกนะคะ” กนกยิ้มให้กับแขกคนแรกของบ้าน ในรอบหลายสิบปีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันจะมาอีกนะ ขอบใจมาก อาหารมื้อนี้พิเศษมากๆ”

“ไปกันค่ะคุณยาย” แก้วกานดาเดินเข้ามาพยุงหญิงสูงวัยไปขึ้นรถ ขณะที่มารดากับน้องสาวของเธอยืนโบกไม้โบกมือให้กับหญิงสูงวัย

“แม่บอกให้ไปส่งคุณยายเป็นเพื่อนพี่หน่อย เรานี่ไม่ไหวเลยนะ”

“โธ่แม่จ๋า กิ่งมีการบ้านต้องทำนี่นา”

“เก็บจานชามไปล้างให้เสร็จก่อน”

“ค่ะ คุณนายกนก”

“เดี๋ยวเหอะ... ลูกคนนี้นี่” พอลูกสาวเดินไปเก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร กนกรีบเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องของเธอทันที ก่อนจะรื้อแฟ้มอัลบั้มรูปภาพเก่าๆ ออกมา ซึ่งภาพของประกายแก้วกับกิตติยังคงฉายแววความรักที่มีให้กัน ราวกับว่ามันจะไม่มีวันจืดจางหายไป

“พวกคุณสองคนคงได้อยู่ด้วยกันแล้วสินะ ฉันฝากคุณแก้วดูแลเขาด้วยนะ ไม่ว่าฉันจะเป็นตัวแทนของใครก็ตามที แต่ฉันก็รู้สึกดี ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายอย่างคุณกิตติ” หญิงวัยกลางคนยังคงเปิดดูรูปภาพเก่าๆ ซึ่งเธอเข้าใจดีว่ากิตติรักประกายแก้วมากเพียงใด

เพราะว่าชื่อของแก้วกานดามีที่มา เดิมทีหญิงสาวมีชื่อเล่นว่ากานดา แต่พอมารดาของเธอจากไป กิตติจึงเรียกลูกสาวว่าแก้ว เพื่อตอกย้ำในความรักที่เขามีให้กับประกายแก้วอย่างไม่เสื่อมคลาย

เมื่อคุณนายเรไรบอกพิกัด ซอกซอยเลขที่บ้านให้คนขับแท็กซี่ แก้วกานดาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือบ้านหญิงสูงวัย เพราะเธอคิดว่าคุณยายคงจำผิด หรือไม่ลูกหลานของนางอาจจะทำงานที่บ้านหลังนี้

“คุณยายแน่ใจนะคะว่าใช่หลังนี้แน่”

“ใช่สิ เราเข้าไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้หลานชายไปส่งเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย เดี๋ยวแก้วจะให้คนขับแท็กซี่จอดรอ แป๊บหนึ่งนะคะ” หญิงสาวเดินไปกดออดหน้าบ้าน ก่อนจะเดินกลับไปคุยกับคนขับแท็กซี่ ซึ่งเธอไม่กล้าปล่อยหญิงสูงวัยเข้าไปในบ้านตามลำพัง เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณยายพูดนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า เพราะบางทีนางอาจจะจำที่อยู่ผิดก็เป็นไปได้

“อ้าว! คุณท่านกลับมาแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ” เด็กรับใช้ในบ้านกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อะไรของหล่อน ฉันแค่ออกไปซื้อของ หนูแก้วมาสิลูกเข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าก่อนค่อยกลับ” แก้วกานดารีบเดินเข้ามาหาหญิงสูงวัย ก่อนที่เธอจะเข้าไปข้างใน พร้อมกับกล่องใส่หมั่นโถว ที่คุณนายเรไรอยากเอามาฝากหลานชาย

“คุณย่า!” ครูซที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนั่งเล่น พอเห็นหญิงสูงวัยก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เขารีบลุกเดินเข้าไปสวมกอดนางเอาไว้ ราวกับเด็กตัวเล็กๆ ที่เห็นมารดากลับจากที่ทำงาน

“วันนี้ไม่ไปค้างที่คอนโดหรือไง ปล่อยย่าได้แล้ว”

“จะไปได้ยังไงครับ ก็ผมรอคุณย่าอยู่นี่ไง ดีใจจังที่คุณย่าไม่เป็นอะไร แล้วนั่น...” ครูซเองถึงกับพูดไม่ออก เพราะยังคงจำใบหน้าของมารดาได้ไม่เคยลืม ไม่ว่าจะเป็นดวงหน้ารูป คิ้วโก่งสวยราวกับจับพู่กันขึ้นมาวาดเอาไว้ แววตาใสซื่อ ริมฝีปากรับกับจมูกของหญิงสาว ช่างมีส่วนละม้ายคล้ายกับมารดาของเขาราวกับฝาแฝด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป