บทที่ 5 ตรงมาก
10.00 น.
กริ๊งงงง กริ๊งงงง~
" ขิม.."
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง
" โอ้ยขิม โทรศัพท์แก ! "
เสียงพรีมโวยวาย ก่อนจะดึงหัวตัวเองผงกขึ้นมาจากหมอนนุ่ม หน้ายับยู่ยี่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดสุดขีด ในขณะเสียงเจ้าของดังออกมาจากห้องน้ำ
" รับให้หน่อย ฉันอาบน้ำอยู่ ~"
" โอย..ใครโทรมา..คนยิ่งหลับสบายอยู่ นี่ก็เหมือนกัน ตั้งเสียงเรียกเข้าซะแก้วหูแทบแตก "
พรีมบ่นอุบปิดท้ายก่อนจะกดรับ แล้วมาชะงักตอนหลัง ด้วยน้ำเสียงนี้
ติ้ด!
" ฮัลโหล.."
( อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย..)
" อ๊ะ.." สะตั้นอยู่สองวิ ดึงโทรศัพท์จากการแนบหูมาดูจอ พลางพึมพำ " ผู้ชาย.."
( ฮัลโหล ได้ยินมั้ย )
" คะ..ค่ะ ค่ะฟังอยู่ค่ะ " และมาชะงักอีกทีก็ตอนเคลถาม
( คุณไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์ใช่ไหมครับ )
" อะ..อ่า..ใช่ค่ะ หนูเป็นเพื่อน ยัยขิมอาบน้ำอยู่ "
( อ้อ..ชื่อขิมสินะ )
น่าทึ่งมากที่เขาจำเสียงเธอได้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อ
" ใช่..ค่ะ.. มีอะไรด่วนไหมคะ ฝากพรีมได้นะ เดี๋ยวพรีมจะบอกให้เองค่ะ "
( ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ไม่ได้สำคัญอะไร เอาเป็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะโทรไปใหม่ ถึงตอนนั้นเพื่อนคุณคงสะดวกคุยกับผมพอดี)
" คะ?"
แล้วเขาก็วาง
" อะไรว้า.."
ทำเอาพรีมตาสว่าง นั่งงงเป็นเทวรูป จนกระทั่งเจ้าของตัวจริงเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พรีมจ้องหน้า ตาไม่กระพริบ
" อะไร้.."
"..."
" มองอะไรของแก.." ก่อนพรีมจะชูโทรศัพท์เธอขึ้นมาเขย่า
" ฉันจำเสียงไอ้แบงค์แฟนเก่าแกได้ มันไม่ใช่เสียงนี้ บอกมา..นี่ใคร "
" ผู้ชายโทรมาเหรอ.."
ทว่า ขิมกลับถามกลับ ไม่ได้สนใจท่าทางของพรีมเลยสักนิด
" เออ"
" เสียงทุ้มๆ เสียงแหบๆ ใช่ไหม "
" เออ"
นั่นเลยทำให้ขิมถลาเข้าไปคว้าโทรศัพท์คืนมาทันที พลางถาม..หน้าตาอยากรู้มาก
" เอามานี่ เขาบอกว่ายังไง"
" บอกอีกครึ่งชั่วโมงจะโทรมาใหม่ "
" โอเค ตามนั้น ฉันจะได้ปิดเครื่อง "
พลางหมุนตัวเดินหลีก แต่พรีมกับยื้อไว้
" เดี๋ยวอย่าเพิ่ง บอกมาก่อน..พ่อหนุ่มเสียงหวานคนนั้น..ใคร..แฟนแกเหรอ?"
ทว่าขิม..
" บอกทำไม บอกก็โง่ดิ " แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอีกรอบ
" เฮ้ยยย"
ปัง!
" ฮ่าๆๆ"
พั่บ!
เสียงปิดโทรศัพท์แรงพอกับความหัวเสีย เคลโยนมันไปบนเบาะนั่งข้างๆคนขับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปยังมหาลัยทันที
“ แสบจริงๆ “
พลางยิ้มขำกับตัวเอง หลังจากโทรไปแล้วขิมปิดเครื่อง เขารู้เธอจงใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกรูมเมทเธอไปแล้ว มันไม่ใช่เพราะเคลอยากจะเอาชนะเด็กคนนึงหรอกที่เขาลงทุนถึงขนาดนี้ เพียงแต่ว่าความติดนิสัยเคยชิน การพาพริ้ตตี้มานอน แล้วเลี้ยงดูจนเขามีสามี หรือ เลี้ยงจนตัวเองเบื่อนั้น มันเป็นเรื่องที่เขาทำมานับไม่ถ้วนแล้ว และแต่ละบุคคลเคลไม่เคยขอให้มาผลาญเงินเขาเลยสักครั้ง พวกเจ้าหล่อนนั่นแหละเสนอตัวให้เขาเอง ขุดสันดานแบบนี้ของผู้ชาย ทั้งๆที่มันควรจะอยู่ให้ลึกที่สุดออกมาเอง..
เหตุผลของความมักง่าย คนได้อ่านคงจะสงสัยว่าทำไม
ทำไมเคลถึงเป็นคนมักง่ายขนาดนี้ ...เปล่านะ เขาเปล่าข่มขืนใคร หรือ พรากผู้เยาว์ เขาไม่เคยทำอย่างนั้น และแม้แต่คิดจะทำ...ก็จะไม่มี ทว่า ความเหงา สถานะความเครียดในเรื่องของการเป็นพี่คนโต ภาระหลายๆอย่างที่รุมสุมให้คนๆเดียวอย่างเขาต้องดูแล มันทำให้เขาไม่มีเวลาพอที่จะมีแฟน อีกทั้งจุดด้อยที่ทำให้เขาฝังใจ มันก็มาจากเรื่องนี้นี่แหละ... แฟนทิ้งเขา เพราะเขาไม่มีเวลาให้กับเธอ วันนี้เคลก็เพียงคิด อยากจะดูแลใครสักคน ที่มันมาจากความรู้สึกจริงๆของเขาสักที นั่นก็คือ..สาวน้อยบ้านนอกคนนี้ ที่มีหน้าตาไม่ได้ต่างกันกับดาราในการที่เขาเคยคั่วมาเลยสักนิด
เอี๊ยด!
บริเวณหน้ามหาลัย มีรถคันนึงจอดเยื้ยงกัน แน่นอนแหละว่ามันต้องเป็นรถของเคล ที่มาดักรอขิม ซึ่งเดินมาแต่ไกลในชุด
...เอ่อ..
...กางเกงยีนส์เอวต่ำแฟชั่นเข่าขาดสีขาว ตัดกับเสื้อครอปเอวลอยสีเทา พร้อมกับรองเท้าผ้าใบขวัญใจเธออีกคู่หนึ่ง
“ เฮอะ..เด็กกะโปโลเอ๊ย..”
เคลส่ายหน้าขันเบาๆเมื่อเห็น ก่อนจะลงจากรถ ในขณะที่สาวร่างบางอย่างขิมยังไม่ทันสังเกตุ เดินผ่านรถเขาไปได้สักสามสี่ก้าวแล้ว
มาตกใจจริงๆก็ตอนที่เคลฉวยแขนไว้
“ น้องขิม..”
“ อ๊ะ!”
ด้วยความสูงที่ต่างกัน ทำเธอต้องเชยคางมอง ก่อนจะงงไก่ตาแตก
“ เฮ้ย คุณ...”
“ ครับผม “
“ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ขิมถามเสียงแหลม ตาเบิกกว้างจนเคลหลุดขำ ชี้ไปทางยานพหนะของตัวเอง
“ มากับรถ “
“ รู้แล้ว! คุณคงไม่เดินมาหรอกค่ะ “ ก่อนขิมจะแทรกเสียงฉุน “ แล้วมาทำไมคะ “
“ แวะมาทำธุระแถวนี้ ไม่คิดว่าจะมาเจอ บังเอิญจังเลยนะครับ”
“ หืม...จริงเหรอ ” ขิมถึงกับขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ ไปทานข้าวกันอีกไหม ผมอยากกินอาหารแบบนั้นที่คุณสั่งอีก “
เคลตัดบทถาม พยายามหลีกเลี่ยง ทว่า ขิมกลับ ..
“ ไม่ล่ะคะ วันนี้หนูรีบ ขอตัว..” หมุนตัวเดินต่อ เล่นเอาเคลถึงกับรนราน
“ เดี๋ยวๆ แล้วแผลหายดีแล้วเหรอ “
“ ยังค่ะ แต่จะทน “
“...”
“ ขอตัว...”
“ไปกับผม ผมมีอะไรจะเสนอ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากเดินแบบนี้ “
“ อะไรคะ “
“ มาเถอะน่า “
คราวนี้เคลไม่ปล่อยโอกาสให้ขิมได้เล่นตัวอีก เขายึดต้นแขนเธอไว้ทันทีในขณะพูด ก่อนจะใช้แรงบางส่วนลากเธอให้เดินตามมาที่รถ หลังจากมาถึง
“ อะไรคะ”
“ ทำงานกับผมไหม ผมมีตำแหน่งว่างอยู่ตำแหน่งนึง สามารถทำเป็นพาสไทม์ได้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียการเรียน “
“ อะ..เอ๋.. งานอะไรคะ “
“ เป็นคู่ขาของผม “
ผั๊วะ!!!
“ โอ๊ย! อะไรของคุณเนี่ย! “
เสียงร้องนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน เคลนั่นแหละ ที่เผอิญโดนหมัดนิ่มชกเข้าไปตรงกลางเบ้า ก่อนจะถูกผลักอีกทีร่างถลาไปชนประตูรถ
ปึง!
“ ขอกันง่ายๆเลยเรอะ! คนบ้า!! “
ก่อนตัวคนทำจะถอยหลีก คราวนี้เคลไม่ได้ห้าม ปล่อยขิมเดินหายไปท่ามกลางกลุ่มคน นั่นเพราะไม่ใช่ว่าเขาเจ็บ แต่ทว่า...
“ ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย...”
อึ้งรับประทานครับท่าน! สะตั้นอยู่พักนึง แล้วขึ้นรถไป
ฝั่งด้านของขิม ในขณะที่เธอเป็นฝ่ายเจ็บ เพราะเกิดชกผิดท่าไปหน่อยจนมือบอบช้ำ ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เธอสะท้กสะท้านเท่ากับสีหน้าเธอในตอนนี้เลย ที่มันโกรธซะจนหาที่ลงไม่ได้ ถึงแม้จะเผลอคุมสติไม่ได้ ต่อยคนพูดไปแล้วก็เถอะ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นลงอยู่ดี
“ นี่เหรอ คนรวย ...ให้ตายเถอะ เห็นผู้หญิงเป็นของมีค่าเป็นไหมวะเนี่ย”
บ่นอุบเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนเผลอเหลือบไปเห็นร้านๆนึง ที่ทำให้ขาเธอชะงัก
‘ รับสมัครพนักงานด่วน ‘
“ มีพาสไทม์ด้วยรึเนี่ย “
ได้โอกาสคนร้อนงานอย่างขิม ไม่สนใจสังขารแล้วในตอนนี้ หลังหันไปเห็นป้ายประกาศรับพนักงานอยู่ตรงกระจกหน้า และเขียนตัวใหญ่ๆว่า
...นักศึกษาฝึกงาน/รายชั่วโมงก็ทำได้....
เธอถึงกับเดินมึนเข้าไปทันที โดยไม่ต้องคิดเยอะ นั่นเพราะมันเป็นงานที่เธอถนัด สมัยตอนเรียนมัธยม เธอเคยเป็นคนเช็คของพวกนี้มาก่อน แถมเฝ้าล็อกเกอร์พวกที่มาใช้บรการยิ่งกว่าผู้รักษาความปลอดภัยโรงยิม พอมาเห็นแบบนี้ ก็มั่นใจทันทีว่าตัวเองนั้นทำได้ เลยไม่คิดจะตริตรองหรือรอช้าให้เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว
..กริ๊ง..
“ สวัสดีครับ ...”
ทว่า กลับตัองมาอ้าปากกับคนๆนี้ที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า แล้วมาหุบลงเป็นหน้างงในภายหลัง
“ ขิม! O.O “
“ พี่สปอร์ต O.O “
...ย้อนกลับไป 2 เดือนก่อน...
รักวัยใสที่เหมือนจะไปได้ด้วยดี กลับจบลงแบบไม่ทันได้เริ่ม หญิงร่างสูงโปร่งที่เป็นถึงนักบาสของโรงเรียนอย่างขิม ยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่บนดาดฟ้าอาคารเรียน นั่นเพราะวินาทีนั้นเธออกหัก เกิดพลาดไปจับได้ว่าแบงค์ แฟนรุ่นพี่ปีนึงของเธอ มีคนอื่น ..
...ซึ่ง ภาพนั้นคาหนังคาเขา เห็นชัดเต็มสองตาพอๆกับความเจ็บปวด...
หัวใจขิมถูกทำลายหลังจากนั้นทันที เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าคนที่คบกันมามากกว่า 3 ปี จะทำแบบนี้ได้ ถึงมันจะเป็นรักของเด็กในสายตาผู้ใหญ่
รักที่ใครๆต่างพากันคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องสนุก ทว่า..สำหรับขิมแล้ว หากได้รักใครสักคน เธอรักหมดใจจริงๆ...
‘ พี่ไม่อยากขายเพื่อนนะขิม ‘
‘ บอกขิมมาเถอะนะพี่สปอร์ต ขิมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ‘
‘ ขิม...’
‘ ทำไมพี่แบงค์ถึงมีคนอื่น ทำไมถึงผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับขิมได้ ‘
และเชื่อไหมว่าความเจ็บปวด ที่เธอได้รับมาครานั้น มันไม่ได้มาแค่คำว่าอกหักเพียงอย่างเดียว แต่ทว่า .. มันกลับได้ความเกลียดชังแถมมาด้วย ผู้ชายคนนึง ที่พูดออกมาเต็มปากอย่างไม่ได้คิดจะให้เกียรติผู้หญิง ด้วยเหตุผลที่เขานั้นเลิก มันทำให้เธอแค้นฝั่งหุ่น ถึงขนาดอยู่แผ่นดินจังหวัดเดียวกันกับเขาไม่ได้
ซึ่งมันออกมาจากเพื่อนสนิทอย่างสปอร์ตประมาณว่า..
‘ มันบอกว่าขิมได้ยากกว่าคนนั้น ที่มันไปคบ ความสวย ความเด่น ก็น้อยกว่าด้วย ...’
‘ ฮึก...แค่นั้นน่ะเหรอคะ ...’
“ ขิม ...”
“...”
“ ขิม!!! “
“ คะ! ..คะ...”
“ เรียกตั้งหลายครั้งแล้วทำไมไม่ได้ยิน “
ก่อนเธอจะมาสะดุ้งอีกครั้ง เพราะถูกคนตรงหน้าเรียก
“ เอ่อ..ขอโทษค่ะ ขิมคิดอะไรเพลินไปหน่อย ตะกี้พี่สปอร์ตว่าอะไรนะคะ“
“ พี่ถามว่า เรามาทำอะไรที่นี่ “
“ มาเรียนค่ะ “
“ อันนั้นพี่รู้แล้ว หมายถึง ตรงนี้..และเวลานี้..”
สปอร์ตเลิกคิ้วเข้มขึ้น เหมือนรอคอยคำตอบ ก่อนจะมาชะงักก็ตอนนี้
“ มาสมัครงานค่ะ “
“ ห๊ะ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาเนี่ยนะ!!!”
“ ค่ะ ^^ "
...คาเฟ่ระแวกเดียวกัน ...
สปอร์ตพาขิมมานั่งจิบกาแฟด้วยกัน นั่นหมายถึงการสานสัมพันธ์ใหม่ หลังจากห่างหายกันไปนาน แต่คราวนี้ไม่ใช่ในสถานะเพื่อนสนิทของแฟนนะ แต่มันคือพี่น้องคนละพ่อคนละแม่กัน
" คิดดีแล้วรึไง ถึงมาสมัครงานน่ะ "
ได้โอกาสตอนรอออเดอร์ที่สั่ง สปอร์ตก็ถามขิมทันที พลางขมวดคิ้วหลังจากได้คำตอบนี้
" ดีแล้วสิคะ พี่ถามทำไม มีอะไรรึเปล่า อย่าบอกนะว่าเขาไม่รับพนักงานผู้หญิงน่ะ "
" เปล่าครับ แต่เราน่ะเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง กิจกรรมก็เยอะแยะมากมาย ยังไม่มีเวลาหยุดตายตัว ตั้งใจเรียนก่อนไม่ดีกว่าเหรอ "
ในขณะประโยคนี้ของเขาทำขิมชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน เธอเงียบไป ก่อนจะทำหน้าหงอย
" มันก็จริงอย่างที่พี่ว่า แต่ขิมไม่มีทางเลือก.."
" หมายความว่าไง ไม่มีทางเลือก "
" ขิมไม่มีเงินกินไปวันๆ นอกจากค่าเล่าเรียน แม่คำนวณมาแค่นั้น ไม่มีสิทธิ์ขอเพิ่ม "
เธอบอกตามความจริง ก้มหน้างุน รู้สึกถึงความขายหน้าที่มีนิดๆ
" อะไรกัน..ทำไมถึงขอไม่ได้ ลูกมาเรียนนะ ต้องมีเงินหนุนก่อนสิ ใช่ว่าจะมีทำงานได้เลยซะที่ไหน "
ในขณะที่คนตรงข้ามเหมือนกับฉุน ทว่าขิมกลับแทรกกลางคัน
" คือ..พี่สปอร์ต อันที่จริง ขิมดื้อมาเรียนเองค่ะ แม่ไม่ได้อยากให้มาตั้งแต่แรก.."
ห้ามทัพทันควัน เพราะไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีกับแม่เธอ
" อ่าว... ไหงเป็นงั้นล่ะขิม "
ก่อนเธอจะเงียบไปในที่สุด แล้วก้มหน้างุนปริ่มๆจะร้องไห้แทน
" แม่ขิมไม่อยากให้มา แล้วขิมมาทำไม มหาลัยที่นั่นก็เยอะแยะไม่ใช่เหร.."
"..."
" หรือว่า..เรื่องไอ้แบงค์ "
" ฮึก.."
" ต้องใช่แน่ๆ "
จนกระทั่งสปอร์ตเป็นฝ่ายเงียบไปบ้างนั่นล่ะ เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมน้ำตา
" ฮึก.. พี่.."
" ขิมรักมันมากเลยเหรอ ผู้ชายนิสัยแบบนั้น "
" ขิมเจ็บใจ.."
" ไม่จริงหรอกขิม พี่ว่าขิมเปล่าเจ็บใจ แต่ขิมยังลืมมันไม่ได้มากกว่า.."
"..."
" เสียใจใช่มั้ย.. กับคำที่พี่บอกให้ฟังในวันนั้น "
เพราะความหยั่งรู้ของสปอร์ตแท้ๆ ที่ทำขิมพยักหน้ายอมรับ ก่อนจะถูกบีบมือด้วยอุ้งมือใหญ่เบาๆ
" เวลาจะเยียวยาเราได้เชื่อพี่ "
" ขอบคุณนะคะ.."
ซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานนำกาแฟมาเสิร์ฟพอดี
" อะ มาแล้ว กินกันก่อนดีกว่า หลังจากนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากัน "
" ค่ะ "
" ว่าแต่ขิมมาที่นี่กับใคร? คนเดียวเหรอ "
"มากับเพื่อนค่ะ เพื่อนที่ซุ่มซ่ามไปชนพี่ตอนอยู่สนามบินวันนั้นไง"
" อ่ะ! ตกลงขิมหรอกเหรอ "
" คะ?"
" ตอนที่ชนวันนั้นน่ะ พี่ก็ว่าน่าจะใช่ แต่มานึกได้ ก็ตอนเดินมาไกลแล้ว ตอนนั้นรีบขึ้นเครื่องด้วย ..โทษทีนะ "
" อ่อ.. ไม่เป็นไรค่ะ ^^ " ขิมบอก พลางก้มลงไปดูดกาแฟปั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานใหม่ สลับกันกับสปอร์ต " อร่อยดีนะคะ "
" ครับ ร้านประจำพี่น่ะ "
" จริงเหรอ?? สงสัยขิมต้องมาบ่อยๆละ "
" ทำไม.. อย่าบอกนะว่าอยากจะเจอพี่ "
" หะ??"
" ฮ่าๆๆ หยอก.. "
" โถ่เอ้ย ถ้าเรื่องนั้น ไม่ต้องมาเสียเงินที่ร้านกาแฟก็ได้หรอกมั้งคะ เพราะว่าเดี๋ยวพอขิมได้งานที่นั่น ขิมก็เจอพี่ทุกวันละ "
" หืม หมั่นใจจังเลยนะเรา ทำไมต้องเจอพี่ทุกวันด้วยล่ะ "
" เพราะว่าเดี๋ยวพี่จะต้องรับขิมเข้าทำงาน "
" ทำไมคนรับเราเข้าทำงานต้องเป็นพี่ด้วยล่ะ "
" ร้านนั่นน่ะเป็นของพ่อแม่พี่ไม่ใช่เหรอ พี่ย่อมมีสิทธ์อยู่แล้ว "
" อ้าว แล้วถ้าพี่ไม่รับ? "
" ขิมก็จะอ้อน จะไปนั่งเฝ้า จะรอจะตื้อจนกว่าพี่จะรับไง "
" เฮ้ย เอาจริงดิ "
" จริง ^^ " ก่อนขิมจะหัวเราะร่า เพราะถูกสปอร์ตขยี้หัวเล่น
" นี่แน่ะ!...ร้ายจริงๆ "
" ฮ่าๆๆ"
