บทที่ 1: สูญเสียความบริสุทธิ์โดยไม่คาดคิด
กานดานอนเปลือยกายอยู่บนเตียง มือลูบไล้เรือนร่างอันเย้ายวนของตัวเองไม่หยุดหย่อน ประกายไฟแห่งความปรารถนาลุกโชนอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในร่างกาย ความว่างเปล่าและความกระสับกระส่ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดถาโถมเข้ามา
นอกหน้าต่างลมฝนกระหน่ำ ฟ้าแลบฟ้าร้อง เธอขยับร่างกายไปมาตามจังหวะเสียงลมฝนที่เกรี้ยวกราด ค่อยๆ เข้าสู่ห้วงแห่งความสุขสม ยอดถันแข็งเป็นไตจากการกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกเธอบดขยี้อย่างไม่ปรานี
“อื้อ!”
เธอไม่อาจสะกดกลั้นเสียงครางอันเย้ายวนที่ดังประสานไปกับเสียงฟ้าร้องนอกหน้าต่างได้
สติของกานดาสับสนเลือนลาง ดวงตาพร่ามัว
แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้คือ เธอถูกน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองวางยา
ยาปลุกเซ็กส์!
นังลูกนอกสมรสที่น่ารังเกียจคนนั้น!
ภายในห้องที่มืดสลัว แสงจากฟ้าแลบสาดส่องเข้ามาเป็นครั้งคราว เผยให้เห็นเงาของส่วนโค้งเว้าอันงดงามบนผนัง ร่างกายนั้นบิดเร้าไปมา
ขาทั้งสองข้างของกานดาเสียดสีกันอย่างควบคุมไม่ได้ มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปทั่วผิวกายจนถึงหน้าอก
เธอปรารถนาให้มีผู้ชายสักคนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ เพื่อมาเติมเต็มจิตวิญญาณที่ว่างเปล่าของเธอ
ในความเลือนราง เธอรู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามา บนตัวของเขามีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของพืชพรรณธรรมชาติชวนให้หลงใหล
เธอลืมตาขึ้นท่ามกลางความพร่ามัว เห็นเพียงเงาเลือนรางของชายร่างสูง
ในตอนนั้นเอง เสียงหอบหายใจที่หนักหน่วงและถี่กระชั้นก็ดังขึ้นข้างหู หัวใจของเธอเต้นระรัวตามไปด้วย
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน นำมาซึ่งแสงสว่างชั่ววูบ
ใบหน้าที่งดงามราวเทพบุตรปรากฏขึ้นในม่านตาของเธอ สติที่เลือนลางได้ผนึกภาพร่างนี้ไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำ โดยไร้ซึ่งร่องรอยให้ค้นหา
เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าวโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจของชายหนุ่มรินรดอยู่ข้างหู
ไม่นะ อย่า!
จิตใต้สำนึกของเธอต้องการต่อต้าน ผลักไสชายที่ทาบทับอยู่บนร่างของเธอออกไป แต่ร่างกายกลับไม่เป็นไปตามสั่ง ไม่เพียงแต่ไม่ผลักเขาออกไป แต่กลับกอดรัดเขาไว้แน่น
เสียงครางอันเย้ายวนดังขึ้นอีกครั้ง
“เปรี้ยง!”
เงาสะท้อนบนผนัง ร่างกายสองร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแนบแน่น
เม็ดฝนกระทบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ราวกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
นอกหน้าต่าง ลมพัดกระโชกอย่างบ้าคลั่ง กิ่งไม้ไหวเอนอย่างรุนแรงในสายลม เกิดเป็นเสียงซ่าๆ
เสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงประสานกับเสียงลมฝน กานดารู้สึกเพียงว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
อย่าแตะต้องฉัน!
สติของเธอร่ำร้อง ต่อต้านอย่างสุดกำลัง
แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย ร่างกายยังคงตอบสนองเขาอยู่
ความรู้สึกซาบซ่านที่แผ่มาจากจุดอ่อนไหว ทำให้เธอกอดเขาแน่นขึ้น ลมหายใจหอมกรุ่น พึมพำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “เร็วอีกนิด ฉันต้องการอีก!”
“ผู้หญิงอย่างเธอ หิวกระหายขนาดนี้เลยเหรอ?”
ชายหนุ่มหอบหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การรุกรานของเขา การต่อต้านของกานดาก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“ฉัน... ฉันต้องการอีก”
ความปรารถนาค่อยๆ ไต่ระดับสู่จุดสูงสุด
ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นร่างกายของกานดาอย่างไม่หยุดยั้ง กระแทกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเธอ
สติของกานดาดับวูบลง ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ ราวกับถูกกักขังอยู่ในฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด
จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยจากนอกประตูดังขึ้นปลุกเธอให้ตื่น เธอลืมตาขึ้นมาเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน
“คุณพ่อคะ อย่าโทษพี่เลยนะคะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ ปวีณ์แค่บังเอิญเห็นพี่เขาอยู่กับผู้ชายที่นี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรายังไม่รู้อะไรเลยนะคะ”
“นางกล้าดียังไง?”
ประตูถูกถีบเปิดออก
กานดามองคนสองคนที่เดินเข้ามา ชายผมบางที่อยู่ด้านหน้าคือพ่อของเธอ ณัช!
ส่วนคนที่เดินตามหลังณัชมา ก็คือน้องสาวผู้แสนดีที่วางยาเธอเมื่อคืน ปวีณา!
เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า ณัชมีสีหน้าบึ้งตึง “กานดา! แกกำลังจะแต่งงานกับธนินท์แล้วนะ แกทำเรื่องเสื่อมเสียศีลธรรมแบบนี้ได้ยังไง แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไปเจอคนตระกูลธาดาวรวงศ์ได้ยังไง?”
“คุณพ่อคะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ปวีณาเป็นคนใส่ร้ายกานดาค่ะ” กานดารีบอธิบายอย่างลนลาน
“หุบปาก! ปวีณาเป็นน้องสาวของแก นางเป็นเด็กดีมาตลอด จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?”
“พี่คะ ปวีณ์รู้ว่าพี่ดูถูกปวีณ์มาตลอดเพราะปวีณ์เป็นลูกนอกสมรส ถ้าการใส่ร้ายปวีณ์จะทำให้พี่สบายใจขึ้น น้องก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ปวีณ์แค่กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายพี่ ก็เลยรีบไปเรียกคุณพ่อมาช่วย”
ปวีณาน้ำตาไหลพราก คำพูดดูจริงใจและน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
“หุบปากนะ นังผู้หญิงจอมเสแสร้ง แกวางแผนใส่ร้ายฉัน ฉัน...”
กานดายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกณัชตบหน้าจนคำพูดขาดหายไป
เธอดื้อรั้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา ข่มความเจ็บปวดและความอัปยศเอาไว้
“พอได้แล้ว! น้องสาวแกเป็นห่วงแกขนาดนี้ จนป่านนี้ยังช่วยพูดแก้ต่างให้แกอยู่เลย แล้วแกเป็นยังไง? ทำเรื่องน่าอายแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ ยังจะกลับดำเป็นขาว ใส่ร้ายน้องสาวตัวเองอีก!”
ณัชชี้หน้าเธออย่างเกรี้ยวกราด “สันดานต่ำทราม ศีลธรรมเสื่อมเสีย ตระกูลสุวรรณไม่มีลูกสาวอย่างแก ไสหัวออกไปจากตระกูลสุวรรณเดี๋ยวนี้!”
ณัชพูดจบก็หันหลังเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
“คุณพ่อคะ ฟังหนูอธิบายก่อน...”
ตอนนี้บนตัวกานดามีเพียงผ้าห่มผืนเดียว เธอทำได้แค่เอ่ยปากรั้งเขาไว้
ไม่ว่าเธอจะตะโกนเรียกอย่างไร พ่อของเธอก็ไม่หยุดเดิน จนกระทั่งลับสายตาไป
“ทำไมเธอต้องใส่ร้ายฉันด้วย?”
“พี่พูดอะไรคะ ปวีณ์ไม่เห็นเข้าใจเลย”
กานดาจ้องมองปวีณาด้วยความรังเกียจ
“พอได้แล้ว คุณพ่อไปแล้ว เธอยังจะเสแสร้งต่อไปมันน่าสนุกนักหรือไง? ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ที่บ้านก็ไม่มีวันไหนสงบสุขเลย ของขวัญวันเกิดที่ฉันตั้งใจเตรียมให้คุณพ่อ ก็ถูกสับเปลี่ยนเป็นหนูตาย อาหารเป็นพิษกันทั้งบ้าน สุดท้ายมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่เป็นอะไร ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนวางยา ก่อนหน้านี้ ฉันนึกว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของศัตรูคุณพ่อ! แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการชั่วร้ายของเธอทั้งนั้น!”
เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา กานดาถึงได้ตระหนักว่าน้องสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลย วางแผนเล่นงานเธอมาตั้งแต่แรก
เมื่อเผชิญหน้ากับการกล่าวหาของกานดา ปวีณากลับยิ้มอย่างสบายๆ บนใบหน้ามีความภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย "ใช่ ฉันทำเองแล้วจะทำไม? ตอนที่วางยาครั้งนั้น เพื่อที่จะใส่ร้ายเธอให้สำเร็จ ฉันต้องกินยาในปริมาณที่มากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว ถ้าส่งโรงพยาบาลช้าไปนิดเดียว ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้"
“ใจเด็ดจริงๆ!”
ก็เพราะเหตุการณ์วางยาครั้งนั้นเอง ที่ทำให้ความอดทนของพ่อที่มีต่อเธอลดลงอย่างมาก ท่าทีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลับกัน ยิ่งให้ความสำคัญกับปวีณาน้องสาวลูกนอกสมรสคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่รู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่ฉันก้าวเข้ามาในตระกูลสุวรรณ ตอนที่พี่ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามฉัน! ตั้งแต่วันนั้นฉันก็สาบานกับตัวเองว่า ฉันจะแย่งทุกอย่างที่เป็นของพี่มาให้หมด”
ปวีณามองกานดาจากมุมสูง ในตอนนี้ ในที่สุดเธอก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายในวันนั้น
ความรู้สึกสูงส่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด!
ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เหลือบมองด้วยสายตาดูแคลน ก็ทำให้เธอในตอนนั้นอดไม่ได้ที่จะหดตัวถอยหนี
“พี่เรียนเก่งกว่าฉัน มีพรสวรรค์มากกว่าฉัน แม้แต่คู่หมั้น ก็ยังดีกว่าแฟนที่ฉันคบอยู่เป็นร้อยเท่า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของปวีณาก็บึ้งตึง เสียงกดต่ำอย่างสุดขีด ในแววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ทำไม? ทำไมพี่ต้องดีกว่าฉันทุกอย่าง? ทำไมทรัพยากรทุกอย่างต้องทุ่มไปที่พี่? ทำไมพี่ถึงมีทุกสิ่งทุกอย่าง?”
ปวีณาบีบคอของกานดาอย่างตื่นเต้น คำรามอย่างบ้าคลั่ง
จนกระทั่งเธอระบายอารมณ์เสร็จ มองใบหน้าที่ดื้อรั้นของพี่สาว แล้วเผยรอยยิ้มที่ได้ใจออกมา
ไม่รู้ทำไม กานดากลับมองเห็นความขมขื่นในรอยยิ้มที่ได้ใจนั้น
“ฉันเป็นลูกนอกสมรสแล้วยังไง? ฉันสู้พี่ไม่ได้ในทุกด้านแล้วยังไง?”
“พี่คะ พี่ที่มักจะทำตัวสูงส่งมาตลอด สุดท้ายก็ถูกฉันที่เป็นลูกนอกสมรสคนนี้เล่นงานจนไม่เหลืออะไรไม่ใช่เหรอ?”
กานดามองปวีณาด้วยความเคียดแค้น เธอแค้น! แค้นที่ตัวเองรู้ตัวช้าเกินไป แค้นที่ตัวเองไม่ได้สืบสาวราวเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ถึงที่สุด
“ใช่ สีหน้าแบบนี้แหละ ฉันชอบสีหน้าตอนนี้ของพี่ที่สุดเลย อยากจะฆ่าฉันให้ตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”
ปวีณาหัวเราะลั่น เธอสะบัดคางของกานดาทิ้งอย่างไม่ไยดี ราวกับกำลังทิ้งขยะชิ้นหนึ่ง
“ฉันรอวันนี้มานานแล้ว ตอนนี้พี่คงจะอิจฉาฉันมากสินะ? ฉันแย่งทุกอย่างของพี่ไปหมดแล้ว!”
ปวีณามองเธอด้วยความสมเพช “พี่คะ พี่ก็แค่ทำตัวเหมือนหนูตัวหนึ่ง แล้วไปตายเงียบๆ ในมุมที่ไม่มีใครสนใจซะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ปวีณาก็นึกถึงเรื่องสนุกขึ้นมาได้ เลยตัดสินใจจะเล่าให้กานดาฟัง
“อ้อ จริงสิ มีอีกเรื่องที่ลืมบอกพี่ เสื้อผ้าของพี่มันสกปรกเกินไป น้องสาวคนนี้เลยใจดีเอาไปทิ้งถังขยะให้แล้ว เพราะตระกูลสุวรรณจะให้มีของสกปรกไร้ประโยชน์อยู่ไม่ได้ พี่ว่าจริงไหมคะ?”
กานดาจ้องปวีณาเขม็ง เธอจะต้องจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ให้ขึ้นใจ เธอจะต้องแก้แค้นให้ได้!
ยิ่งกานดาเคียดแค้นมากเท่าไหร่ ปวีณาก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น จนกระทั่งเธอเล่นจนเหนื่อย จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ยังไม่ไปอีกเหรอ?”
กานดาไม่พูดอะไรสักคำ ลุกขึ้นใช้ผ้าห่มพันกาย แล้วลากสังขารที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจจากไป
แต่ในตอนนั้นเอง ปวีณาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“หยุดนะ!”
กานดาหันกลับมามองอย่างตกใจ
ปวีณาพูดว่า “ผ้าห่มผืนนี้ก็เป็นของตระกูลสุวรรณ!”
กานดามองน้องสาวที่ไม่คุ้นเคยคนนี้ด้วยความโกรธ ไม่คิดว่าแม้แต่ผ้าห่มผืนเดียวที่ใช้ปกปิดร่างกายก็จะถูกแย่งไป!
“ในเมื่อพี่ไม่ยอมให้ งั้นฉันช่วยเอง!”
