บทที่ 9 หวั่นไหว
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านโปร่งที่ปิดไม่สนิท ลำแสงสีทองซีดไล้ผ่านปลายผ้าคลุมเตียงแล้วเลื้อยขึ้นมาสัมผัสใบหน้าเรียวสวยของหญิงสาวที่นอนนิ่งราวกับรูปปั้น เส้นผมยาวสีน้ำตาลช็อกโกแลตแผ่คลุมหมอนข้าง ผิวเนียนเรียบฉ่ำวาวสะท้อนแดดเผยให้เห็นว่าผิวของเธอนั้นสุขภาพดีขนาดไหน
ไอวาลืมตาช้าๆ ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางสะท้อนแสงอุ่นของวันใหม่ เธอหลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ร่างกายอ่อนล้า จิตใจกระวนกระวาย เธอลุกขึ้นนั่ง มือควานหาแก้วน้ำบนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อพบว่าแก้วว่างเปล่า
เงียบ...
ทั้งห้องเงียบราวกับกลืนคำพูดสุดท้ายของเมื่อคืนไปหมด เหลือไว้เพียงความทรงจำบางอย่างที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศ
‘คุณไม่ได้ต้องกลัวผมหรอก ผมไม่ใช่คนที่ใจร้ายกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ’ คำพูดของเจเดนยังดังก้องอยู่ในหัว ราวกับเสียงสะท้อนในห้องโล่ง เธอจำได้ดีว่าเขาพูดมันเพียงเบาๆ ขณะเทไวน์ลงแก้วให้เธอ มือเขาไม่เคยแตะต้องเธอเกินจำเป็น น้ำเสียงเขานุ่มนวลแต่ทรงอำนาจ
และที่สำคัญ... ดวงตาเขานิ่งจนเธออ่านไม่ออกเลยว่าภายใต้ความเยือกเย็นนั้นเขาคิดอะไรอยู่ เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเขา
เจเดนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์แบบที่ไม่ต้องพยายามเขาไม่พูดเกินคำ เขาไม่เร่งรุก ไม่ดึงเข้า ไม่ผลักไสแต่ทุกประโยค ทุกการสบตา ทุกการยิ้มมันเหมือนกับว่าเขา “รู้อยู่แล้ว” ว่าเธอจะตอบยังไงเธอจะทำอะไรและเธอจะ ยอม แค่ไหน เขาอ่านความคิดของเธอออก และรู้ว่าเธอยังไม่พร้อม
“บ้าเอ๊ย...” ไอวาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกจากเตียง เดินตรงไปยังห้องครัวเล็กๆ ในคอนโดฯ แล้วหยิบแก้วน้ำมารินน้ำอุ่น
เสียงน้ำไหลจากเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล กลายเป็นเสียงเดียวในเช้าที่เงียบงัน หญิงสาวยืนพิงเคาน์เตอร์ ปล่อยให้เครื่องทำงานโดยไม่ได้จ้องมองมัน จริงๆ แล้วสายตาของเธอล่องลอยออกไปไกล...ไกลจนเหมือนย้อนเวลากลับไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการสัมผัส ไม่มีการล่วงเกินไม่มีคำพูดหยาบคาย หรือสายตาแทะโลม เจเดนให้เกียรติเธอ...และนั่นแหละที่ทำให้เธอ กลัวมากที่สุด
เพราะถ้าเขาทำตัวเป็นผู้ชายหื่นกระหาย เธอจะรู้วิธีป้องกันตัวเองจากเขา แต่ถ้าเขานิ่ง เขารู้จังหวะ เขาทำให้เธอรู้สึกว่า “เธอปลอดภัย” มันยิ่งทำให้เธอลังเลทำให้เธอ...ประมาท เขาเป็นเสือผู้หญิงสมคำร่ำลือจริงๆ
ไอวาเคยคิดว่าความใกล้ชิดกับผู้ชายที่มีอำนาจอย่างเขามันคือความอันตราย แต่เจเดนทำให้คำว่า “อันตราย” เปลี่ยนรูป เขาไม่ใช่ระเบิดที่กำลังจะปะทุเขาเหมือนคลื่นใต้น้ำที่เยือกเย็นและรอจังหวะ
เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะทำร้ายเธอ แต่กลับรู้สึกว่า เขาอาจทำให้เธอ ลืมว่าตัวเองกำลังเล่นเกมอยู่
เสียง “ติ๊ง” จากเครื่องกาแฟดึงเธอกลับมา ไอวาหยิบถ้วยขึ้นมาช้าๆ สูดกลิ่นกาแฟเข้าปอด แล้วเดินกลับไปที่โซฟาตัวโปรด ม่านโปร่งยังไหวอยู่ตามแรงลมเบาๆ จากเครื่องปรับอากาศ เธอล้มตัวลงนั่ง มือข้างหนึ่งยกถ้วยขึ้นจิบอีกครั้ง แล้วหลับตา ปล่อยให้ความขมของกาแฟปลุกให้เธอฟื้นจากความคิดวกวน ที่เหมือนจะไร้หนทางกำจัดออกไปง่ายๆ เธอคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เจเดนบอกก่อนจะกลับ
“คุณไม่จำเป็นต้องพยายามเอาอกเอาใจผม เพราะกลัวว่าจะไม่ได้มง แต่คุณต้องทำให้ผมเห็นว่า...คุณคุ้มค่าและน่าลงทุนด้วย”
“น่าลงทุน…”
เขาไม่ได้บอกว่าต้องการให้เธอเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ มันทำให้เธอกำลังเดินตรงไปตกหลุมพรางนั้น
สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมันหมายความว่า เขากำลังพยายามล่อลวงให้เธอยอมเขาอย่างเต็มใจ และเธอก็ไม่รู้เลยว่า เธอควรรู้สึก “ดี” หรือ “แย่” กับมัน
เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างโซฟาดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ชื่อของ “บอสตี้” กะพริบอยู่บนหน้าจอ
เธอไม่รีรอที่จะกดรับสาย
“ฮัลโหลเจ๊...”
“ยัยนี่ ตื่นยัง!? เดี๋ยวฉันจะขึ้นไป!” เสียงของบอสตี้ฟังดูทั้งร้อนใจและตื่นเต้น ไอวาถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบ เธอรู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร
“ประตูไม่ได้ล็อก ถ้ามาถึงแล้วเจ๊ก็เข้ามาได้เลย” เธอตอบก่อนจะกดวางสาย แล้วเดินไปปลดล็อกประตูเพื่อรอให้บอสตี้เข้ามา
เพียงไม่นาน เสียงฝีเท้าและกลิ่นน้ำหอมจัดจ้านก็แทรกเข้ามาในห้อง บอสตี้โผล่มาในชุดลายเสือสุดเฟียซ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนแมวกำลังดมกล่องปริศนา
“กลับดึกหรือเปล่าเมื่อคืน ฉันคิดว่าแกจะค้างกับคุณเจเดนซะอีก” บอสตี้กล่าวอย่างตื่นเต้น ว่าก็ว่าเถอะ เจเดนน่ะทั้งหล่อ หุ่นดี มีเสน่ห์ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงก็อยากจะโดนเจเดนคนนี้กินสักครั้งเหมือนกัน
“ค้างอะไรกันล่ะเจ๊ นั่งคุยกันสองสามชั่วโมง จิบไวน์ แล้วเขาก็ให้คนมาส่งฉันที่คอนโดฯ” ไอวาตอบไปตามตรง เธอไม่อยากให้บอสตี้จินตนาการให้มันมากไปกว่านั้นแล้ว
“จะบ้าเหรอ? แกกับคุณเจเดน...ไม่ได้? โอ๊ย นี่แกอย่าบอกนะว่าแกไม่ยอมเขาน่ะ” บอสตี้ทำท่าทางเวอร์วังประกอบอย่างกับฟังละครอยู่
“ฟังนะเจ๊...เขาแค่เรียกฉันไปคุยเฉยๆ” ไอวาเริ่มพูด เสียงเธอไม่ได้เร่งรีบ แต่ก็ไม่ใช่นิ่งราบเรียบอย่างที่เคย
“เขาก็พูดเรื่องข้อตกลง พูดถึงพราวฟ้า พูดถึงเวที เรื่องระบบประกวด เรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แล้วก็อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ฟังจนหัวจะระเบิดน่ะ แต่...เอาจริงๆ ฉันก็รู้สึกว่าเขาโอเคนะ” บอสตี้ย่นคิ้วเล็กน้อย และยังไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ เขาอยากมั่นใจว่าเจเดนประทับใจไอวาจริงๆ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอนจากอีกฝ่ายเลย
“แล้วแววตาเขาล่ะ? ดูพอใจจริงๆ ใช่มั้ย?” น้ำเสียงของเขาเริ่มจิกขึ้นนิดๆ ดวงตาไหวไปมาราวกับพยายามสแกนสีหน้าไอวาให้ทะลุทุกคำโกหก
ไอวาชะงักเล็กน้อย เธอก้มมองถ้วยกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ในมืออย่างใช้ความคิด ก่อนจะพึมพำตอบออกมาเบาๆ
“ก็...เหมือนที่เห็นในสื่อนั่นแหละ นิ่งๆ เยือกเย็น ไม่ได้ส่งสายตาหื่นใส่ฉันอะไรแบบนั้นหรอก แต่ในแววตาเขามันก็มีอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่แฝงอยู่ข้างใน เหมือนแววเจ้าชู้น่ะ แต่ไม่ใช่แบบโจ่งแจ้งนะ แบบที่เขามองผู้หญิงคนอื่นๆ”
“ฉันหมายถึงสายตาที่เขาใช้มองแกย่ะ!” บอสตี้กระแทกเสียงอย่างหัวเสีย เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทน
“มันเป็นสายตาแบบไหน? หวือหวา? ชอบ? มองเล่น? หรือมองจริงจัง?”
“ฉันก็ไม่รู้จะตอบยังไงเจ๊...” ไอวาสูดลมหายใจเข้าลึก
“มันไม่ได้ต่างจากเวลาที่เขามองผู้หญิงคนอื่นหรอกมั้ง ฉันไม่เห็นความพิเศษอะไรเลยในวิธีที่เขามองฉัน...แต่ว่า...อย่างที่บอกเขามองเหมือนสนใจ แต่มันก็รู้สึกอยู่ว่า แค่เหมือน”
คำสุดท้ายนั้นหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจนัก เธอเองยังรู้สึกลังเลว่าควรจะพูดเรื่องนี้ออกไปดีหรือไม่ ในเมื่อมันไม่ใช่ความรู้สึกที่จับต้องได้ ไม่ใช่สิ่งที่อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ และเธอก็ไม่มั่นใจหรอกว่าเขาแสร้งทำ หรือเขาคิดแบบนั้นจริงๆ แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขา มองเธอและรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“แต่พูดตามตรงนะเจ๊ ฉันรู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”
