บทที่ 4 Chapter 4
“ก็ให้ตามเลทนะ ไม่ได้ให้พิเศษอะไร เท่าที่พี่รู้มา ค่าจ้างของล่ามคิดเป็นรายชั่วโมง ครึ่งวันก็มี เต็มวันก็ด้วย ค่าเดินทางบางคนก็ให้ต่างหากแล้วแต่ตกลงกัน อย่างครึ่งวันคือสี่ชั่วโมง ถ้างานไม่เสร็จเข้าชั่วโมงที่ห้าก็คิดเป็นรายชั่วโมงต่อไปเรื่อยๆ จนเสร็จงาน ราคาหมื่นห้าที่เพ้นท์จะได้ คือค่าจ้างล่ามที่พูดได้สามภาษานะ ค่าตัวก็ต้องสูงอยู่แล้ว” นันทิพาอธิบายให้บังอรเข้าใจ
“โห อย่างนี้เพ้นท์สบายเลย คุณนานโอมาอยู่เมืองไทยห้าวัน เพ้นท์ได้วันละหมื่นห้า ห้าวันก็เจ็ดหมื่นห้า” ช้องนางดีใจแทนเพชรหอมที่จะได้เงินค่าจ้างจำนวนมาก “ถ้ากุ้งพูดภาษาอิตาเลี่ยนได้ กุ้งจะเสนอตัวเอง แต่นี่เพิ่งหัดพูดหัดเขียน ยังไม่ถึงขั้นเซียน ให้เพ้นท์ทำดีที่สุด”
“โอเค ตกลงตามนี้ งั้นเลิกประชุมได้ ใครทำหน้าที่อะไรก็ขอให้ทำให้เต็มที่ คุณนานโอมาพักที่โรงแรมเราประจำ อย่าให้เสียชื่อ พี่ไม่อยากเสียลูกค้ากระเป๋าหนักไป”
นันทิพากำชับลูกน้อง ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันเดินออกจากห้องประชุม บังอรกับช้องนางรีบเดินไปหาเพชรหอมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับลูกค้าตรงล็อบบี้ของโรงแรม
ราวสองทุ่มวันเดียวกัน
เพชรหอมเดินถือถุงกับข้าวเข้ามาในห้องเช่าหลายถุง ก่อนที่หล่อนจะเข้าบ้าน หล่อนแวะนำข้าวเหนียวมะม่วงไปให้เจ๊แมวเจ้าของห้องเช่านับสิบห้อง ตอบแทนน้ำใจที่ให้หยิบยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยให้ตนเมื่อวานนี้ เพชรหอมอยู่คุยกับเจ๊แมวชั่วครู่จึงขอตัวกลับห้อง แล้วพอเปิดประตูห้อง หล่อนส่งยิ้มให้ชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งที่ละสายตาจากกระดาษวาดรูปที่ยศนัยบรรจงวาด มองหญิงสาวแสนสวยที่เดินเข้ามาในห้อง
“โอ้โห วันนี้นึกครึ้มอะไรซื้อของมาเต็มมือเลย เมื่อวานนี้ยังบอกพี่ว่าต้องประหยัดไม่ใช่เหรอ” ภมรทักเพชรหอมที่วางถุงอาหารหลายถุงลงบนพื้น ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างบุตรชาย
“ก็ซื้อมาฉลองได้งานพิเศษไงคะพี่นาย”
“งานพิเศษเหรอ งานอะไร” ภมรที่ทำหน้าสงสัยอดถามไม่ได้
“วันเสาร์นี้จะมีแขกพิเศษมาพักที่โรงแรมค่ะ เขาต้องการล่ามที่พูดได้สามภาษาคือจีน อิตาเลี่ยนและภาษาสากล เพ้นท์ได้รับคัดเลือกให้เป็นล่ามค่ะ ได้เงินค่าจ้างวันละหมื่นห้า เขาใช้ล่ามห้าวัน สรุปเพ้นท์ได้ค่าจ้างเจ็ดหมื่นห้าค่ะ แต่ถ้าหลังหกโมงงานยังไม่เสร็จ เพ้นท์ได้เพิ่มชั่วโมงละพันห้าค่ะ”
เพชรหอมตอบด้วยรอยยิ้ม เพชรหอมไม่ลังเลที่จะรับงานนี้ หล่อนตอบตกลงทันทีที่บังอรนำเรื่องนี้มาบอกตน หากไม่รับงานนี้ หล่อนคงโง่เต็มที ทำงานห้าวัน ได้รับเงินมากกว่าเงินเดือนถึงสี่เดือน ใครบ้างจะไม่เอา
“โหดีจัง ถ้าได้งานแบบนี้บ่อยๆ ก็ดีสิ แทบไม่ต้องทำงานประจำเลยนะ หรือว่าจะลาออกจากงานมาทำงานเป็นล่ามดีล่ะ เงินดี งานก็ไม่หนักด้วย”
ภมรมองเห็นหนทางหาเงินให้เพชรหอม เพื่อนข้างห้องที่เขารักไม่ต่างกับน้องสาว คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตั้งแต่เพชรหอมกับลูกย้ายมาอยู่ที่นี่
“ไม่เอาค่ะ เป็นแค่งานพิเศษน่ะดีแล้ว เพ้นท์ไม่มีความรู้เรื่องงานล่ามเลย จะหาลูกค้ายังไงก็หาไม่เป็น เพ้นท์คิดว่า งานล่ามไม่ได้มีตลอดด้วย สู้งานประจำไม่ได้หรอกค่ะ มีเงินเดือนตายตัวยังไงก็ไม่อดตาย รับเฉพาะงานๆ ไปดีกว่าค่ะ”
“อืม พี่ลืมคิดข้อนี้ไป เห็นว่าได้เงินดีเลยอยากให้เพ้นท์ทำเป็นงานประจำ”
“ขอบคุณพี่นายมากค่ะสำหรับความหวังดี ก็มีหลายคนนะคะที่ให้เพ้นท์เปลี่ยนอาชีพมาเป็นล่าม แต่เพ้นท์คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ล่ามต้องเดินทางไปที่นั่นที่นี่แล้วแต่งาน เพ้นท์ไม่สะดวกค่ะ ทำงานประจำอย่างนี้ดีกว่า” เพชรหอมให้เหตุผลเพิ่มเติม “เพ้นท์มีเรื่องรบกวนพี่นายค่ะ ช่วงเย็นหลังจากหมดหน้าที่ของน้อย เพ้นท์ฝากฮาร์ทกับพี่นายได้ไหมคะ เพราะไม่รู้ว่างานจะเสร็จกี่โมง แต่ถ้าวันไหนงานเสร็จเร็ว เพ้นท์ก็ไม่กวนพี่นายค่ะ”
น้อยคือหนึ่งในคนที่เช่าห้องเจ๊แมวอยู่ น้อยอาศัยอยู่กับสามีและลูกที่ชั้นสองของอาคาร ความที่เดชาลูกชายของน้อยอยู่วัยเดียวกันกับยศนัยและอยู่โรงเรียนเดียวกัน เพชรหอมจึงจ้างให้น้อยไปรับยศนัยที่โรงเรียนพร้อมเดชา และมาอยู่ด้วยจนกว่าหล่อนจะกลับบ้าน เพชรหอมให้ค่าจ้างน้อยเดือนละหนึ่งพันบาท
จะว่าไปยศนัยไม่เคยอยู่กับน้อยจนกว่าเพชรหอมจะกลับบ้านสักครั้ง เป็นเพราะภมรจะมาอุ้มยศนัยไปเล่นด้วยที่ห้องเช่า สอนทำการบ้าน สอนวาดรูป อาบน้ำและหาข้าวหาน้ำให้ดื่ม ทำราวกับว่ายศนัยเป็นลูกคนหนึ่งก็ว่าได้
“ได้สิ ไม่มีปัญหาเลยเรื่องนี้ ดีซะอีก พี่กับชุจะได้ซ้อมเลี้ยงเด็ก เผื่อวันหน้ามีลูกจะได้รับมือไหว”
“ขอบคุณค่ะพี่นาย แต่คราวนี้พี่นายต้องรับค่าจ้างนะคะ พี่บังอรบอกว่า มีวันหนึ่งตามโปรแกรมที่เพ้นท์ต้องเป็นล่ามจนดึก ถ้าพี่นายไม่รับน้ำใจจากเพ้นท์ เพ้นท์ก็จะไปจ้างคนอื่นค่ะ” เพชรหอมพูดดักทางภมรอย่างรู้นิสัย
“ค่าตัวพี่ถูก เอาเป็นว่าเลี้ยงสุกี้พี่มื้อนึงก็แล้วกัน พี่จะจัดเต็มเลยคอยดู”
“จัดไปอย่าให้เสีย”
“พี่กลับห้องก่อนนะ ร้อนอยากอาบน้ำ”
“เดี๋ยวค่ะ เพ้นท์ซื้อต้มยำทะเลมาฝากพี่นาย ส่วนถุงนี้ยำปลาดุกฟูของโปรดพี่ชุค่ะ” เพชรหอมหยิบถุงอาหารที่หล่อนตั้งใจซื้อมาฝากพี่ชายข้างห้องและภรรยา ก่อนจะส่งให้ภมรที่ยื่นมือมารับไว้
“ขอบใจมากนะ” พูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้อง
เพชรหอมมองบุตรชายที่นั่งวาดรูปด้วยรอยยิ้ม หล่อนคลายความกังวลเรื่องหนี้สินที่เพิ่งสร้างไว้หมาดๆ เมื่อวานนี้ รายได้จากการเป็นล่ามห้าวัน ส่วนหนึ่งหล่อนตั้งใจเอาไปใช้หนี้เจ๊แมว อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นทุนสำรอง และอีกส่วนหนึ่งหล่อนจะไปซื้อสลากออมสิน เผื่อโชคดีถูกรางวัลใหญ่มีเงินเก็บก้อนโต หากไม่ถูกก็ไม่เสียหลาย เพราะถึงอย่างไรสลากออมสินก็เปรียบเสมือนการเก็บออมวิธีหนึ่ง พอถึงกำหนดเวลา ได้ทั้งต้นคืนแถมยังได้ดอกเบี้ยอีก มีแต่ได้กับได้ ไม่ต้องเสี่ยงอะไรด้วย
อนาคตของยศนัยเป็นเช่นไรเพชรหอมไม่รู้ หล่อนรู้เพียงว่า จะต้องเลี้ยงดูยศนัยให้ดีที่สุดเท่าที่หล่อนทำได้ ตามอัตภาพและสองมือ หนึ่งสมองของตน โดยไม่ง้อคนเป็นพ่อและไม่มีวันง้อด้วย
