บทที่ 7 Chapter 7
Chapter 7
หลังจากส่งเพชรหอมหน้าห้องเช่าเสร็จ ไกรศรเคลื่อนรถต่อไปยังคอนโดของอำนาจ ระหว่างทางโทรศัพท์ของอำนาจดังขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจของอำนาจทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถพลอยตกใจตามไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นไอ้มาร์ค ร้องซะตกอกตกใจ” คนกำลังขับรถหันมาถามเพื่อนที่นั่งข้างหลัง
“ยายฉันลื่นล้มในห้องน้ำน่ะสิ ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย แกไปส่งฉันที่บ้านยายได้ไหม” อำนาจขอร้องเพื่อน
“บ้านยายแกอยู่ไหนล่ะ” ไกรศรถาม
“รามอินทรา”
“ว่าไงกุ้ง ต้าร์ไปส่งมาร์คที่บ้านยายก่อนได้ไหม แล้วค่อยไปส่งกุ้งที่บ้าน” ไกรศรหันมาถามความคิดเห็นจากคนรัก
“ได้สิ” ช้องนางจะว่าอะไรได้ เกิดอุบัติเหตุกับยายของอำนาจ หากหล่อนไม่ยอมนั่นก็หมายความว่า หล่อนเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ “กุ้งว่าพายายไปโรงพยาบาลเลยก็ได้นะ คนแก่ลื่นล้มภายนอกอาจมองว่าไม่เป็นอะไร แต่ภายในใครจะไปรู้”
ช้องนางเอ่ยด้วยความหวังดี
“ป้าข้างบ้านโทรมาบอกว่าแกไม่เป็นอะไรมาก ดีที่แกเกาะขอบอ่างน้ำได้ทัน ไม่งั้นสะโพกหรือไม่ก็ขาหักแน่” อำนาจพูดตามที่ป้าข้างบ้านบอก
“ย่ากุ้งเคยลื่นล้มในห้องน้ำ ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นอะไรเหมือนกับที่มาร์คคิด แต่พอวันต่อมาย่าปวดขามาก ขาบวมด้วย พอพาไปหาหมอถึงรู้ว่ากล้ามเนื้อขาอักเสบ ดีที่กระดูกไม่หัก ทางที่ดีพาไปให้หมอเช็คดีที่สุดค่ะ”
“อืมได้ ฉันจะพายายไปหาหมอ”
การสนทนาของทั้งสามยุติลงเพียงแค่นี้ ไกรศรทำหน้าที่ขับรถ อำนาจทำหน้าที่บอกทาง ส่วนช้องนางทำหน้าที่ผู้โดยสารที่ ไม่พูดขัดหรือสนทนาอะไรเพิ่มเติม จนกระทั่งถึงบ้านยายอำนาจ
บ้านยายอำนาจอยู่ย่านรามอินทรา อยู่ในซอยที่ทะลุไปถนนอีกหนึ่ง ซอยนี้จึงความยาวค่อนข้างมาก หากกะประมาณก็ราวสองกิโลเมตร ทว่าบ้านยายอำนาจต้องเลี้ยวเข้าไปในอีกซอยหนึ่งที่ค่อนข้างเปลี่ยวสองข้างทางเป็นพงหญ้าสลับกับบ้านคนที่ไม่ได้ปลูกติดกันเหมือนต้นซอย แต่ทิ้งห่างขึ้นเรื่อยๆ ตามการครอบครองที่ดินของบ้านหลังนั้นๆ
“บรรยากาศเหมือนต่างจังหวัดเลยเนอะกุ้ง”
ไกรศรพูดกับคนรักที่มองดูสองข้างทางแล้วใจอดหวั่นไม่ได้ หล่อนกลัวว่าจะมีโจรดักปล้นกลางทาง
“กุ้งว่าที่นี่น่ากลัวกว่าต่างจังหวัดอีก ข้างทางก็มืด ไฟก็ไม่มี”
“ส่วนใหญ่คนที่อยู่แถวนี้จะอยู่กันตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นตาน่ะ ที่ดินที่ว่างๆ ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นมรดกตกทอดทั้งนั้นเลย ความที่ที่ดินอยู่ในซอยลึก ไม่ติดถนนทำให้ขายที่ได้ยาก มันก็เลยรกร้างอย่างที่เห็น แต่ฉันว่านะคนแถวนี้ไม่เดือดร้อนขายด้วย ขายไม่ได้ก็เก็บเอาไว้ให้ลูกให้หลาน” อำนาจบอกเพิ่มเติม
“ยายแกมีที่ดินหรือเปล่า” ไกรศรถามเพื่อน
“เมื่อก่อนมี มีห้าไร่แต่ถูกป้าเอาไปขายหมดแล้ว เหลือก็แค่ที่ดินที่บ้านนี่แหละ สองร้อยตารางวากว่าๆ ที่ป้าเอาไปขายไม่ได้เพราะมันเป็นชื่อของฉัน ยายยกให้ฉันตั้งแต่ฉันอายุสิบขวบ ถ้าไม่ยกให้ฉัน รับรองว่ายายได้ไปอยู่บ้านพักคนชราแน่” อำนาจเล่าสู่เรื่องราวให้คนที่นั่งตอนหน้ารู้ “ไอ้ต้าร์ แกจอดหน้าบ้านหลังนั้นเลย ทางด้านซ้ายมือน่ะ”
ไกรศรนำรถไปจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นที่มีรั้วรอบขอบชิด มีแสงไฟหน้าบ้านส่องให้เห็นทาง ช้องนางมองบ้านยายอำนาจ ก่อนจะหันไปมองรถยนต์หรูคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามที่เยื้องไปเล็กน้อย บ้านหลังนั้นเป็นบ้านปูนสองชั้น ขนาดเนื้อที่น้อยกว่าบ้านยายอำนาจ ที่ไม่น่าจะมีรถหรูราคาสามสิบกว่าล้าน ทว่าหล่อนก็ไม่ได้ดูถูกเจ้าของบ้านหลังนั้น เจ้าของบ้านอาจร่ำรวย เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองก็เป็นได้ ช้องนางละความสนใจรถยนต์คันนั้น เมื่อเสียงอำนาจที่กำลังเปิดประตูรถดังขึ้น
“ฉันว่านายกับกุ้งเข้ามาในบ้านก่อนดีกว่า แกขับรถมาตั้งไกลยืดเส้นยืดสายสักสิบนาทีก็ดีนะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ดูอาการยายนายด้วยว่าเป็นไงบ้าง” ไกรศรรับคำชวน “กุ้งเข้าไปด้วยกันนะ ไปไหว้ยายมาร์คมันซะหน่อย มาถึงที่แล้วไม่เข้าไปจะเสียมารยาท”
“อืม ไปสิ” ความที่ไม่ได้คิดอะไรมาก และไว้ใจคนรัก รวมถึงไม่อยากเสียมารยาทนั่งคอยในรถ ช้องนางจึงเปิดประตูรถแล้วก้าวมายืนข้างรถ ขณะที่หล่อนก้าวลงมาจากรถ หล่อนจึงไม่เห็นแววตาและใบหน้าของสองหนุ่มว่าเป็นอย่างไร หากเห็นความสงสัยต้องเกิดขึ้นแน่นอน ก่อนจะเดินตามสองหนุ่มเข้าไปในบ้านที่ภายในบ้านมีแสงไฟสว่างจ้า
“ต้าร์กับกุ้งนั่งก่อนนะ ฉันจะไปเอาน้ำให้ดื่ม” เจ้าของบ้านบอกไกรศรกับช้องนางที่เดินไปนั่งบนโซฟาหวาย อีกไม่กี่นาทีต่อมาอำนาจเดินกลับมาหาคู่รักพร้อมน้ำหวานสองแก้ว “ดื่มน้ำแดงหวานๆ จะได้ชื่นใจ”
“แล้วยายมาร์คไปไหนคะ หรือว่ามีคนพาไปหาหมอแล้ว” ช้องนางถาม
“สงสัยขึ้นไปนอนข้างบนแล้ว ฉันขอตัวขึ้นไปดูยายก่อนนะ” อำนาจไม่อยากให้ไก่ตื่น เขาตีเนียนสมบทบาท ก้าวเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
ไกรศรยกแก้วน้ำหวานสีแดงขึ้นมาดื่มไปเกือบครึ่งแก้ว ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะไม้
“ดื่มน้ำหวานสิกุ้ง หวานกำลังดี ชื่นใจด้วย” ไกรศรบอกคนรัก
“ไม่อ่ะ ไม่หิว ดึกแล้วด้วยกินหวานๆ เดี๋ยวอ้วน”
เป็นปกติของช้องนาง หลังสามทุ่มหล่อนจะไม่กินอาหารที่เป็นอันตรายต่อทรวดทรงองค์เอว ยิ่งน้ำหวานที่มีน้ำตาลอยู่มาก หล่อนยิ่งไม่แตะ
