บทที่ 8 โซ่สายใยหวนใจรักตอนที่8
“ได้ฟังแล้วก็ใจหาย..”
มัทนาได้ฟังชีวิตของหญิงสาวเธอก็อดสงสารไม่ได้เสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้วดันไม่มีสามีช่วยเลี้ยงลูกอีกเธออยากจะรู้จริงๆว่าสามีของเธอทิ้งภรรยาที่สวยน่ารักจิ้มลิ้มกับลูกตาดำๆนี้ได้อย่างไร
“ว่ายังไงดื่มนมก็ต้องเขี่ยขนตาด้วยหรือไงรูปหล่อฮะ...”
มัทนาเปลี่ยนจากคุยเรื่องที่มันดูเศร้าๆมาสนใจเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในอ้อมแขนแทนเพราะเธอสังเกตมาครู่หนึ่งแล้วว่าใบหม่อนนั้นดื่มนมแล้วจะต้องเขี่ยขนตาตลอดเวลาดูน่าเอ็นดูจนเธออยากจะฟัดสักหลายๆรอบ
“ท่าประจำเวลาเค้าดื่มนมเลยล่ะค่ะคุณมัท”
ป๋อมแป๋มอดขำกับท่าทางหลานชายเธอไม่ได้ก่อนจะบอกหญิงตรงหน้าว่านี่คือท่าประจำของเจ้าตัวเค้าเลย
เกาะเพตรา
18.00 น.
“คุณเมฆจะไปไหนคะ”
ดาวเรืองแม่บ้านที่ดูแลที่นี่กำลังจัดการอาหารเย็นให้กับเมฆาแต่พอเห็นชายหนุ่มแบกเป้พร้อมเดินออกไปอย่างเร่งรีบเธอจำต้องถามว่าเขาจะไปที่ไหนเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกเธอก่อน
“ผมจะไปท้ายเกาะสักคืนครับป้าดาวพรุ่งนี้ถ้าพวกเวมาแล้วก็ให้พวกเค้าจัดการกันตามสบายเลยนะครับผมน่าจะกลับไม่เย็นๆก็ค่ำๆวันพรุ่งนี้”
“ค่ะคุณเมฆ”
หลังจากที่คุยกับดาวเรืองเรียบร้อยแล้วเมฆาก็รีบเดินออกไปจากบ้านเอาเป้วางบนรถออฟโรดของเขาแล้วขับออกไปทันที ชายหนุ่มมีบ้านเล็กๆอยู่ท้ายเกาะอยู่หลังหนึ่งเมื่อมาที่นี่เขาจะต้องไปที่นั่นแทบทุกครั้งเพราะที่นั่นค่อนข้างเข้าถึงกับธรรมชาติได้ดีกว่าบ้านใหญ่ที่อยู่หน้าเกาะ
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์
21.00 น.
“นี่คุณลูกๆของหนูนิชาน่ารักน่าชังมากๆเลยนะเสียดายที่คุณกลับมาเสียค่ำไม่อย่างนั้นมัทคงพาคุณไปหาเด็กๆ...คุณจะได้รู้ว่าที่มัทพูดมันจริงไหมที่เด็กๆหน้าเหมือนตาเมฆอย่างกับแกะ”
มัทนาพูดถึงเจ้าสองแฝดขณะที่นั่งอยู่บนเตียงนอนกับคนเป็นสามีเธอถูกชะตากับเด็กสองคนไม่น้อยเมื่อกลางวันก็โทรคุยกับสามีเธอรอบหนึ่งแล้วดูท่าสามีเธอจะไม่เชื่อที่เธอพูดว่าสองแฝดนั้นหน้าเหมือนเมฆาลูกชายคนโตไม่มีผิดเธออุตส่าห์เก็บเรื่องนี้มาคุยกับสามีของเธอเพียงคนเดียวเพราะถ้าหากพูดกับป๋อมแป๋มและณัฐนิชาก็กลัวว่าจะดูไม่ดีที่ไปเที่ยวบอกว่าลูกของณัฐนิชาหน้าเหมือนลูกชายของตัวเอง
“คุณนี่ท่าทางอยากจะมีหลานมากเลยนะ”
ธำมรงค์ต้องส่ายหัวให้กับคนเป็นภรรยาอีกรอบที่ท่าทางอยากจะมีหลานมากจนกระทั่งเห็นลูกคนอื่นหน้าเหมือนลูกชายตัวเอง
“แต่เรื่องหนูนิชาลูกของพิมนี่เธอก็ดูน่าสงสารอยู่เหมือนกัน”
เขาก็พึ่งได้ยินจากปากของภรรยาว่าคนที่มาออกแบบเป็นลูกของพิริสาอีกทั้งเมื่อได้ฟังเรื่องราวชีวิตของณัฐนิชาก็รู้สึกเห็นใจหญิงสาวอยู่มากพอสมควรนึกเสียดายคนเก่งๆอย่างพิริสาด้วยที่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควร
“ก็ใช่น่ะสิคุณ..ยิ่งตอนนี้มัทรู้ว่าเธอเลี้ยงลูกคนเดียวยิ่งสงสารหนูนิชาออกจะหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักมารยาทก็ดีแถมลูกๆก็ยังน่ารักมัทไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสามีของเธอทิ้งไปได้ยังไง”
“เราก็ไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวอะไรของเขามากคุณก็อย่าไปคิดเองเออเองเลยน่านอนเถอะ”
ธำมรงค์ต้องรีบบอกให้ภรรยาของเขานอนพักผ่อนเพราะไม่อยากให้เอาเรื่องอะไรมาใส่หัวให้ฟุ้งซ่านอีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะให้ภรรยาของเขาวิจารณ์เรื่องของคนอื่นด้วยเพราะไม่ได้เป็นคนในครอบครัวและไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่ชัด
เช้าวันต่อมา
08.00 น.
“ไงจ้ะเมื่อคืนหลับสบายไหม”
มัทนาเอ่ยทักแขกของบ้านขณะที่มารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารอยากจะรู้ว่าห้องหับที่เธอจัดเตรียมเอาไว้ให้ทำให้ทุกคนขาดเหลืออะไรหรือเปล่า
“พวกเราหลับสบายดีค่ะ”
เป็นป๋อมแป๋มที่เอยตอบเห้นจะเป้นลูกค้าคนแรกที่รับรองพวกเธอดีมากประดุจญาติมิตร
“นี่คุณธำมรงค์สามีฉันเองจะ”
มัทนารีบแนะนำสามีของเธอกับสองสาวให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองสาวรีบยกมือสวัสดีชายสูงวัยที่ยังดูภูมิฐานตรงหน้าด้วยท่าทีอ่อนน้อม
“สวัสดีคร้าบบ/สวัสดีค่า”
เจ้าสองแฝดที่นั่งเล่นกันอยู่ใกล้ๆเมื่อเห็นทั้งคนเป็นแม่และน้าสาวยกมือทำความเคารพผู้ใหญ่เจ้าสองก้อนกลมที่นั่งอยู่ก็พลางยกมือป้อมขึ้นมาพร้อมกล่าวสวัสดีตามมารยาทที่ผู้เป็นแม่ได้เคยสอนเอาไว้
“ฮ่าๆๆ...ลูกหนูมัทนี่น่ารักดีนะ”
ธำมรงค์มองไปยังสองแสบเขายกยิ้มหัวเราะร่าเพราะไม่คิดว่าเด็กๆทั้งสองจะมีมารยาทและน่ารักกันขนาดนี้เมื่อจ้องมองไปยังเด็กทั้งสองจริงจังเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมภรรยาของเขาจึงคิดว่าเหมือนลูกชายคนโตของตนด้วยยิ่งมองเขาก็ยิ่งนึกถึงลูกของเขาตอนเล็กๆได้เลยมันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจแก่เขาอย่างมากแต่ก็พยายามไม่พูดอะไรนอกเหนือจากการชื่นชมเจ้าตัวกลมทั้งสอง
10.00 น.
“ผมเอาของขึ้นเรือเรียบร้อยแล้วครับเดี๋ยวเราเดินไปที่ท่าเรือกันเลย”
“ค่ะ”
ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงนิดๆธาดาเอากระเป๋าสัมภาระของทุกคนไปเก็บบนเรือเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาตามป๋อมแป๋มณัฐนิชาและเด็กๆให้ไปขึ้นเรือ
“เดินทางปลอดภัยจ้า”
มัทนายืนคู่อยู่กับสามีของเธอเพื่อส่งแขกให้เดินทางปลอดภัย
“ขอบคุณค่ะ”
ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาหันมายิ้มและยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะเดินตามธาดาและเด็กๆที่วิ่งนำหน้าตัวกลมกันไปก่อนแล้ว
“เด็กๆไม่วิ่งนะคะ” ตุ้บบ
“นั่นไง”
ณัฐนิชาเห็นลูกๆของเธอกำลังแข่งกันวิ่งเธอรู้ว่าวิ่งขาขวิดอีท่านี้คงไม่พ้นหกล้มกันอีกแน่นอนแล้วก็เป็นไปตามคาดทั้งสองแสบกลิ้งเป็นลูกขนุนกันเลยทีเดียวแต่ก็ยังลุกวิ่งต่อโดยที่ไม่ร้องสักแอะสร้างรอยยิ้มให้กับคนเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี
“ตายแล้ว....”
มัทนาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าสองแสบไถลล้มลงอยู่ไกลๆแต่ก็ยังเบาใจที่เด็กทั้งสองไม่ได้ร้องงอแงแม้แต่นิดเดียว
“ดูสิ..ไม่ร้องสักแอะ”
ธำมรงค์ยกคิ้วขึ้นพลางยิ้มขำที่เจ้าก้อนกลมทั้งสองล้มกันขนาดนั้นยังลุกมาวิ่งต่อได้โดยที่ไม่มีเสียงร้องเลยช่างน่าเอ็นดูแก่เขาเสียจริง
“ไงล่ะคะคุณที่มัทบอกมันจริงไหม”
หลังจากที่เห็นทั้งห้าคนเดินหายไปที่ท่าเรือแล้วมัทนาก็อดหันมาแซะคนเป็นสามีไม่ได้ว่าที่เธอพูดเธอไม่ได้คิดไปเองว่าเด็กๆทั้งสองเหมือนลูกชายคนโตของเธออย่างกับแกะ
“อืม...ก็มีส่วน”
ธำมรงค์โอบแขนคนเป็นภรรยาเข้าไปในบ้านพร้อมเกริ่นในแนวที่ว่าเขาก็มีส่วนที่เห็นด้วยกับเธอเสียแล้ว
“โหบ้านนี้เค้ามีเรือกันกี่ลำเนี่ย”
เมื่อเดินมาที่ท่าเรือส่วนตัวของคนที่คฤหาสน์หลังนี้ป๋อมแป๋มถึงกับตาลุกวาวสะกิดณัฐนิชาพร้อมกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นเพราะเห็นเรือยอร์ชจอดเรียงรายกันอยู่หลายลำ
“จะกี่ลำก็เรื่องของเขาเถอะน่า”
ณัฐนิชาส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของป๋อมแป๋มทั้งที่บ้านของเพื่อนเธอก็มีแบบนี้เหมือนกันแต่กลับมาตื่นเต้นกับของคนอื่นเสียอย่างนั้น
