บทที่ 9 9

1 สัปดาห์ผ่านไป

ฉันท์ชนกมีชีวิตที่เป็นปกติสุข เธอไม่โดนแม่เลี้ยงกดขี่รังแก แม้ว่าพรทิพาจะแสดงออกชัดว่าไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่เคยมาระราน ลงไม้ลงมือ

กันต์ธรก็ยังคงเป็นคนเดิมที่หาเรื่อง ‘กินตับ’ เธอได้ทุกวัน

ถึงเธอจะอายุยังน้อย แต่ก็มีความกังวลกลัวว่าจะตั้งครรภ์ เลยให้เขาซื้อยาคุมมาให้ กินทุกวัน วันละเม็ด

รูปร่างเธอจากที่ผอมซูบก็เริ่มเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลเพราะกินดีอยู่ดี กันต์ธรให้เงินเธอติดตัวไว้ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธไม่รับเพราะไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มก็ตาม

อีกหนึ่งคนที่ทำให้เธอปลอดโปร่งมีชีวิตชีวามากขึ้นก็คือกันต์ฤทัย เพราะมักจะหาเวลาว่างมาพูดคุยกับเธอเสมอ บางวันก็ชวนออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก

สภาพจิตใจเธอเริ่มแข็งแกร่งขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

วันนี้กันต์ธรพาเธอมาที่บริษัทด้วย เขาให้เหตุผลว่าเห็นเธออยู่บ้านว่างๆ กลัวจะเหงา เลยพามาดูที่ทำงานของเขา

บริษัทใหญ่โต ตึกสูงตระหง่านจนเธอแหงนคอตั้งบ่า ไม่แปลกหรอกที่เขาจะร่ำรวยจนจัดอยู่ในขั้น ‘มหาเศรษฐี’ ช่างแตกต่างจากเธอราวฟ้ากับเหวเลยจริงๆ

พนักงานหลายคนทักทายเขา แล้วมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ คงจะสงสัยนั่นล่ะว่าเธอเป็นใคร

จนกระทั่งเขาพาขึ้นลิฟต์มาชั้นบนสุดของตึก ที่หน้าห้องมีป้ายติดไว้ว่า ‘ประธาน’ มีเลขาหน้าแฉล้มนั่งทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ซึ่งรีบผุดลุกยืนทันทีที่เห็นเจ้านายมา

“สวัสดีค่ะคุณธร” ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มสดใส สายตาเลยมามองฉันท์ชนก

“สวัสดีคุณสายใจ วันนี้มีอะไรไหม”

“ยังไม่มีอะไรค่ะ”

“โอเค” เขาพยักหน้า

“อ้อ...แต่คุณรตีโทรมาถามว่าคุณธรมีประชุมหรือเปล่าวันนี้”

เขาหน้าตึงขึ้นทันที “แล้วคุณตอบไปว่ายังไง”

“ตอบตามความเป็นจริงค่ะว่าไม่มี”

“คุณก็เถรตรงเกิน น่าจะรู้ว่าผมอยากให้ตอบแบบไหน”

“ขอโทษค่ะ แต่กับคุณรตี ดิฉันไม่อยากโกหก ถ้าเขาจับได้ มีหวังดิฉันโดนฉีกเป็นชิ้นๆ แน่เลยค่ะ”

ฉันท์ชนกเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ทำไมสีหน้าเขาเรียบเฉยจัง อันที่จริงเขาน่าจะดีใจสิที่แฟนโทรมา...เธอจำได้ดีว่าคนชื่อรตี เป็นคู่หมั้นของเขา เพราะพรทิพาเคยบอกเธออย่างนั้น

เพียงแค่คิด...ในอกก็เจ็บจี๊ดเหมือนโดนเข็มตำ

“ช่างเถอะ” เขาพูดเสียงสะบัด ก่อนดึงข้อมือฉันท์ชนกเข้าห้องทำงาน ปิดประตูดังปัง

“ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยละคะ พิลึกคนจัง นั่นแฟนนะคะ ไม่ใช่ใครที่ไหน น่าจะยิ้มแย้มสักหน่อย”

ดวงตาคู่คมปรายมามองเธออย่างเยือกเย็น

“แฟนงั้นเหรอ ไปเอาคำนี้มาจากไหน”

“คุณแม่ของคุณเป็นคนบอกหนูเอง”

“แม่อยากให้ฉันแต่งกับรตี”

“กิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันแล้วค่ะ”

มือใหญ่จับคางเล็กบังคับให้มองสบตาเขา “ฉันไม่พร้อมจะแต่งกับใคร”

เธอเมินหนี “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ หนูไม่ยุ่ง”

“ให้ตายสิ ทำไมคุยกับเธอวันนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม”

“งั้นก็อย่าคุยสิคะ”

“ไปนั่งๆ นอนๆ บนโซฟาตรงโน้นไป ฉันจะทำงานก่อน”

เด็กสาวหน้ามุ่ย เดินไปนั่งบนโซฟาตรงมุมห้องราวกับหุ่นยนต์ที่ได้รับคำสั่งมา เธอนั่งมองเขาทำงาน บนโต๊ะที่มีแฟ้มเอกสาร กองพะเนิน เวลาเขาก้มหน้า มือจับปากกา ตั้งใจทำงานแล้วก็ดูน่ารักดีนะ...

ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านที่เป็นจอมหื่น ทะลึ่ง

อยู่ที่นี่เขาดูเป็นผู้นำ ออร่าจับเลยเชียว

เธอนั่งมองเพลินจนเขาต้องเอ่ยถาม

“เธอจะมองอีกนานไหม ฉันจะได้เก๊กท่าให้มองนานๆ ”

เธอสะดุ้ง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเลย แล้วรู้ได้ยังไงว่าเธอมองอยู่

“เอ่อ รู้ได้ไงคะว่าหนูมองอยู่”

“รู้ก็แล้วกัน กำลังคิดในใจว่าฉันก็หล่อดีเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

“แหวะ หลงตัวเองค่ะ”

เขาหัวเราะ เงยหน้ามองเธอพลางเลิกคิ้วสูง “กลางวันนี้จะกินอะไรกันดี”

“อะไรก็ได้ค่ะ ง่ายๆ ไม่เรียกไม่ร้อง หนูเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย”

“ประโยคนี้น่าหมั่นไส้จริงๆ ”

เธอหัวเราะ ก่อนจะหยุดเมื่อเห็นเขามองมาด้วยแววตาที่เธอ อ่านไม่ออก

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เดี๋ยวนี้เธอหัวเราะบ่อยขึ้นนะ”

“เอ้า ก็มันขำนี่คะ หัวเราะแล้วผิดตรงไหน”

“ไม่ผิดหรอก...ก็น่ารักดี”

คำชมที่ได้ยินเต็มสองหู ทำให้แก้มนวลร้อนผ่าว เธอทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมถึงอก

“หนูไม่กวนแล้วค่ะ คุณธรทำงานต่อเถอะ”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ส่วนเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่กันต์ฤทัยซื้อให้ออกมากดเล่น

กำลังเล่นเพลินๆ อยู่ดีๆ เขาก็เดินมาดึงโทรศัพท์ไปจากมือเธอ

“เอ๊ะ คุณธร หนูกำลังเล่นอยู่นะคะ”

“แช็ตคุยกับใคร”

“เพื่อนๆ ใหม่สิคะ”

“สมัยนี้พัฒนา รู้จักกันผ่านโซเชียล เธอนี่ทันสมัย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป