บทที่ 8 8

พรหมเทพมองหญิงสาวที่พยายามฝืนทำเข้มแข็ง เขารู้ว่าชีวิตของเธอลำบากเพียงใด และเขาก็อยากจะให้ความช่วยเหลือ ถ้าเพียงแค่เธอเอ่ยปากออกมา แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่เคยปริปากพูดถึง

“น้องครีมคะ”

“ขา”

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกพี่นะ พี่อยากเป็นคนแรกที่น้องครีมนึกถึงในยามที่ลำบาก” ในเมื่อเธอไม่พูดเขาพูดเองก็ได้

“ขอบคุณพี่กาแฟมากนะคะ แค่นี้ครีมก็ซาบซึ้งมากแล้วค่ะ แต่ครีมยังไหวค่ะ”

“ยังไม่ทันได้ช่วยอะไรก็ซาบซึ้งแล้วเหรอ”

“แค่มีน้ำใจให้ครีมก็ซาบซึ้งแล้วค่ะ”

“ซาบซึ้งอะไรกันจ๊ะ”

เสียงทักกระแนะกระแหนจากทางด้านหลังทำให้หนุ่มสาวรุ่นพี่รุ่นน้องต่างหันไปมอง

“นิ่ม!”

“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะกาแฟ” หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ถามชายหนุ่มรุ่นเดียวกัน เหลือบมองไปทางหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ได้ยินแต่คำร่ำลือว่ากาแฟมาติดพันรุ่นน้องปีหนึ่ง แต่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นตัวจริงก็วันนี้เอง รอดสายตานิ่มไปเกือบปีได้ยังไงกันนะ”

“ครีมคิดว่าพี่สาวกำลังเข้าใจผิดนะคะ” สุภัครพีตอบยิ้ม ๆ เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่เธอคงคิดผิด เธอรีบหุบยิ้ม เม้มปากแน่นแล้วหันไปมองชายหนุ่มตัวต้นเหตุ ส่งสายตาบอกให้เขาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดกับหญิงสาวผู้มาใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นคนรักของเขา

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะนิ่ม อย่าทำให้แฟกับน้องครีมมองหน้ากันไม่ติดสิ”

“ทำไมนิ่มต้องทำแบบที่กาแฟพูดด้วยล่ะ นิ่มหึงนิ่มก็แสดงออกว่าหึง นิ่มผิดด้วยเหรอ” อดีตดาวมหาวิทยาลัยนามว่ากชกรบอกกับชายหนุ่มอดีตเดือนมหาวิทยาลัย

“จะมาหึงแฟทำไม เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ” พรหมเทพทำหน้าลำบากใจขณะพูดกับเพื่อนร่วมห้อง

คำพูดของชายหนุ่มทำให้กชกรเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก เขาเห็นเธอมีค่าแค่เพื่อนอย่างนั้นเหรอ เพื่อนประเภทไหนที่นอนด้วยกันทุกคืน

“เพื่อนเขามีอะไรกันได้ด้วยเหรอกาแฟ” เธอถามน้ำตาคลอเบ้า แม้มันจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเต็มใจของเขา แต่สำหรับเธอแล้วมันคือเจตนา คือความตั้งใจที่จะเอาเขามาเป็นของเธอ

“นิ่มพูดเรื่องอะไร ไม่อายบ้างเหรอ” พรหมเทพตำหนิเพื่อนร่วมชั้น แล้วหันไปมองหญิงสาวรุ่นน้องที่ตามจีบด้วยความรัก “อย่าเข้าใจผิดนะคะน้องครีม เอาไว้พี่จะมาอธิบายให้ฟังนะคะ.. เรามีเรื่องต้องคุยกันนะนิ่ม” แล้วหันกลับมาดึงแขนมือที่สามที่เข้ามาทำลายบรรยากาศให้เดินไปด้วยกัน

“ปล่อย!” กชกรสะบัดมือจากชายหนุ่มจนหลุดแล้วเดินกลับไปหาหญิงสาวคู่อริ “อย่ามายุ่งกับกาแฟอีก เห็นแก่เด็กตาดำ ๆ ที่กำลังจะเกิดมาดูโลกใบนี้เถอะนะ” เธอกระซิบข้างหูก่อนจะเดินจากไป

“ครีม มีอะไรกันเหรอ” นันทพรที่เพิ่งมาถึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อน หลังจากรุ่นพี่ทั้งสองคนเดินหน้าเครียดจากไปแล้ว

“ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาถึงคิดว่าเราจะแย่งพี่กาแฟมาจากเขา เราแสดงออกว่าชอบพี่กาแฟแบบคนรักเหรอแมว” คำพูดของหญิงสาวรุ่นพี่ดังก้องอยู่ในหูของสุภัครพี

“เธอน่ะไม่หรอก แต่พี่กาแฟน่ะใช่ แมวเคยบอกแล้วนี่”

“แต่พี่กาแฟไม่เคยพูดว่าชอบเราสักคำ จะให้เราเป็นฝ่ายตีตนไปก่อนมันก็ตลกนะแมว แต่ถ้าพี่เขาพูด ฉันก็จะบอกกับเขาว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย นอกจากความรักแบบพี่น้อง”

“ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดมากเลย ถ้าพี่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดอะไรอีก ก็บอกไปเลยว่าเธอคิดยังไงกับพี่กาแฟ”

“อือ”

“พ่ออาการเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ได้แวะไปเยี่ยมท่านหรือเปล่า” นันทพรเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เพื่อนลืมเรื่องไร้สาระของรุ่นพี่

“ไปมาแล้ว หมอบอกจะให้ผ่าตัดถ้าร่างกายของพ่อพร้อม แต่ก็ยากเหลือเกิน พ่อดื้อมาก พ่อไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลยแมว”

“เหนื่อยหน่อยนะครีม ถ้าเป็นเด็กเรายังดุยังด่าได้ แต่เป็นพ่อเป็นแม่นี่ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนที่พ่อแมวป่วยก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นคิดเลยนะ ถ้าพ่อตายไปก็ดีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่รักนะ แต่ไม่อยากให้เขาทรมานน่ะ เจ็บร้องโอดโอย แต่ไม่ยอมรับการรักษา”

“พ่อแมวทรมานอยู่นานไหมกว่าจะจากไป” สุภัครพีถามอย่างสนใจใคร่รู้

“ก็นานหลายปีนะ แรก ๆ ที่รู้เพิ่งระยะแรก แต่พ่อไม่ยอมรักษาอย่างถูกต้อง ไปหากินยาหม้ออะไรก็ไม่รู้ อาหารที่ห้ามไม่ให้กินก็แอบกิน พ่อแมวดื้อมาก” นันทพรเล่าเรื่องบิดาที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้เพื่อนฟัง

“พ่อครีมคงอยากจะไปอยู่กับแม่มากกว่าอยู่กับครีม ถึงไม่สนใจไยดีตัวเองเลย” นึกถึงคำพูดบิดาที่ฝากฝังเธอกับคุณตาฮาโตริเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ น้ำตาของเธอก็พานจะไหลออกมาให้ได้ ท่านห่วงเธอก็จริง แต่ท่านทำเหมือนอยากจะตายมากกว่าอีก

“อย่าคิดอย่างนั้นสิครีม บางทีท่านอาจจะคิดว่าการอยู่กับเราทำให้เราลำบาก สู้ไปซะยังดีกว่า” นันทพรปลอบใจเพื่อนรักที่กำลังฝืนยิ้ม ถึงแม้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ก็ฟังออกว่าเธอกำลังน้อยใจ “แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง คุณตาท่านนั้นช่วยจริง ๆ อย่างที่พูดหรือเปล่า”

“อือ เมื่อวานเลขาของคุณตาเพิ่งมาจ่ายของอาทิตย์ที่สามให้ ฉันเกรงใจท่านมากเลยนะแมว เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละอาทิตย์มหาโหดมาก ค่าแรงเดือนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เท่าไหร่” เธอบ่นอย่างกลัดกลุ้ม เพราะบอกกับชายชราผู้มีเมตตาเอาไว้ว่าจะผ่อนคืนให้ แต่เมื่อได้เห็นค่าใช้จ่ายในการรักษาแล้ว มันแตกต่างกับรายได้ของเธอราวฟ้ากับเหว “ลำพังฉันคนเดียวตายแล้วเกิดใหม่ก็คงไม่มีปัญญารักษาพ่อได้ขนาดนี้หรอกแมว ป่านนี้คงรักษาแบบคนไข้อนาถา หรือใช้บัตรสามสิบบาท นั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลกันตามมีตามเกิดอยู่ที่บ้าน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป