บทที่ 2 บทที่ 2

บทที่ 2

พูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มีที่ว่าง

ดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมันต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความแปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะได้มาทำอะไรแบบนี้

คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามีชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดาทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึงนำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชาอุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน  เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณต์พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งซิ่วจากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ทำให้ศาสตรากลายมาเป็นรุ่นพี่สาขาที่เขาเรียน ตอนนี้ปราณต์เรียนจบและบรรจุเป็นหมอที่โรงพยาบาลในเชียงใหม่ ส่วนศาสตรากำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการเกษตรอยู่ต่างประเทศ ขณะที่รังสิมันต์และปรัชญ์เองก็มีแผนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากจบปริญญาตรี เพราะทั้งคู่ต้องทำหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัวเช่นเดียวกับศาสตรา

กวินภพไม่เคยอิจฉาพี่หรือเพื่อนคนไหน ด้วยเขาเข้าใจดีว่าโชคชะตาไม่ได้กำหนดมาให้ทุกคนมีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน เขาพอใจกับความสุขที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้อยู่กับแม่ ได้ดูแลแม่ และมีแสงสว่างดวงเล็กๆ แสนอบอุ่นที่เขาแอบเก็บไว้ในหัวใจโดยไม่เคยบอกใครให้รู้

อาจจะด้วยคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ หรือด้วยเพราะมีเด็กเสิร์ฟวีไอพีหน้าตาดีระดับเดือนมหาวิทยาลัยมาช่วย บะหมี่ที่ร้านกรองทองจึงหมดไวกว่าปกติ กวินภพเข็นรถไปส่งแม่ที่บ้าน จากนั้นจึงออกไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ซึ่งกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็ดึกพอสมควร เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด และทั้งหมดสอบปลายภาคเสร็จทุกวิชาแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือต่างคนต่างไปฝึกงาน รังสิมันต์เลือกไปฝึกงานที่เชียงใหม่ ปรัชญ์ลงใต้ตามประสาคนขวางโลกและไม่ลงรอยกับแม่ ยามใดที่แม่บอกให้ไปขวา ปรัชญ์จะต้องไปซ้าย แม่บอกให้ไปเหนือ ปรัชญ์ก็จะสวนทางลงใต้ ส่วนตัวเขาฝึกงานในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ และช่วยแม่ขายบะหมี่ในตอนเย็นเหมือนเดิมด้วย

คฤหาสน์หรูสไตล์ฝรั่งเศสบนพื้นที่กว้างขวาง ตั้งตระหง่านสวยเด่นอยู่ริมถนนใหญ่ ช่างต่างกันลิบลับกับบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านจัดสรร ที่ปลูกเรียงรายกันจนแทบไม่มีอาณาเขตบ้านให้ใช้สอย กาลเวลากว่ายี่สิบปีทำให้บ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่งนี้ทรุดโทรมไปตามลำดับ ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และทำให้หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้โชคดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ ที่ปลูกกันดาษดื่นอยู่ทั่วกรุงเทพฯ นั่นก็คือการที่หมู่บ้านตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออก ด้านหลังของหมู่บ้านยังมีทุ่งหญ้าและนาข้าวสีเขียวขจีให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่ธรรมชาติปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่กำลังยืนพิงต้นไม้ทอดมองความเขียวขจีเหล่านั้นอยู่ในตอนนี้

เสื้อยืดขนาดพอดีตัวกับกางเกงห้าส่วนสีเขียวขี้ม้าที่เจ้าตัวสวมอยู่ ไม่ได้ทำให้ความโดดเด่นของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด ผิวพรรณผุดผาด ดวงหน้ารูปไข่ที่เนียนสะอาดหมดจดงดงาม ผมดำขลับนุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ บ่งบอกชัดว่าเธอผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

ไอดินกลิ่นหญ้าถูกลมพัดโชย พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลีลาวดี ที่ร่วงกราวจนพื้นหญ้าทั้งแถบถูกแซมด้วยสีขาว คือบรรยากาศสุดตราตรึงและเย็นใจ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกปลดปล่อยและเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เอมมาลินจึงชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ

การเป็นคุณหนูในคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเท่ากับการได้มายืนที่แห่งนี้ ความอบอุ่นที่ขาดหายตั้งแต่แม่จากไป ถูกเติมเต็มจากคนที่เธอกำลังรอ และตอนนี้เขาก็ได้ก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

ตากลมโตคู่สวยส่งประกายพราวระยับ พร้อมยิ้มอย่างสดใส อวดไรฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกับไข่มุกน้ำงาม ขณะที่ดวงตาคมกล้าก็จ้องมองใบหน้าหมดจดด้วยสายตาลุ่มลึกอบอุ่น อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเธอคือคนพิเศษของเขา

“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ครับ รอพี่นานไหม”

น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นฟังดูอบอุ่นนุ่มลึกเช่นเดียวกับสายตา และความอบอุ่นนั้นก็ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง จนต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ไม่นานค่ะ แต่ถึงจะรอนานกว่านี้เอมก็รอพี่อิสร์ได้ ว่าแต่ติดงานอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่า...แค่ช่วยแม่ทำเค้ก”

“ทำเค้ก?”

“เค้กวันเกิดเอมไง แม่เตรียมไว้ให้เอม”

“จริงเหรอคะ”

ตาคู่สวยที่กำลังเปล่งประกายแห่งความสุขเหมือนจะมีน้ำใสๆ รื้นขึ้นมาเล็กน้อย กับความใส่ใจที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากคนนอกครอบครัว

“จริงสิ ปกติแม่ก็ทำให้เอมทุกปีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะ น้ากรองทำเค้กให้เอมทุกปี...รักน้ากรองจัง”

“รักแต่แม่พี่เหรอ แล้วพี่ล่ะ”

เป็นคำถามเรียบๆ ง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยการเกี้ยวพา ตาคมจ้องมองใบหน้าเนียนสะอาดหมดจดด้วยประกายอบอุ่นอ่อนโยน พลางบอกตัวเองว่า เธอคือสิ่งสวยงามของชีวิต เขาจะไม่มีวันทำให้เธอด่างพร้อยก่อนถึงเวลาอันควรเด็ดขาด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป