บทที่ 3 บทที่ 3

บทที่ 3

“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสร์ล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรักเอมเสียที”

“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”

“อยากได้ยินจากปากบ้างนี่”

“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”

“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง”

สีหน้าอันสดใสง้ำงอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกมประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น

“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร”

“เอมโตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอคะ”

“ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย”

“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยังไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของเอม พี่อิสร์คือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร์คนเดียว”

คำบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือคำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจดแม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำขลับ สายลมที่พัดเพียงแค่เอื่อยๆ แต่ทำให้ผมยาวดำขลับพลิ้วไหวไปตามแรงลม จนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปทัดผมบนใบหูของเธอ

“ไว้พี่จะรอดู”

“รอดูได้เลยค่ะ รับรองว่าเอมจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ตอนนี้เอมอยากเห็นของขวัญแล้ว ไหนคะของขวัญวันเกิดเอม”

มือเล็กยกขึ้นแบในระดับอก เป็นกิริยาที่บ่งบอกว่ากำลังรอให้เขาส่งของขวัญให้ แต่กวินภพกลับไม่ได้วางกล่องหรืออะไรบนมือของเธอ เขาพาเธอไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงประมาณเอว ร่องรอยของดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ๆ บ่งบอกชัดว่า มันเพิ่งจะถูกปลูกเมื่อไม่นานมานี้

“ชมพูพันธุ์ทิพย์?”

“ต้นไม้ที่เอมชอบ”

“อย่าบอกนะว่านี่เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”

“ไม่อยากบอก แต่ก็ใช่ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”

“นึกว่าจะซื้อแหวนให้ซะอีก” ปากบอกว่าอยากได้แหวน แต่ตากลับหลุบมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างรักมากที่สุด ราคาของมันไม่ได้มากมายอะไร ทว่ามันมีค่าทางใจต่อเธอมากเหลือเกิน เธอชอบต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ชอบเวลาที่มันออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีชมพูเต็มต้น และมักจะบอกกับพี่อิสร์เสมอ ว่าสักวันเธอจะเอามันมาปลูกไว้หน้าบ้าน บ้านที่เป็นบ้านของเธอกับเขา

“ถ้าอยากได้ต้องรอ”

“เอมบอกแล้วไงคะว่าเอมรอพี่อิสร์ได้เสมอ แต่สำหรับเอมจะไม่ยอมให้พี่อิสร์ต้องรอ”

“ยังไง”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของสาวน้อยนัก เอมมาลินไม่ได้อธิบายในทันที แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น จรดริมฝีปากนุ่มจุ๊บเบาๆ ที่แก้มของเขา พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายรูป จากนั้นก็กดส่งเข้าไปในกล่องสนทนาทันที

“เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้รักใคร และไม่อนุญาตให้ใครรัก”

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”

เสียงขรึมๆ ดังขึ้นหลังจากนิ่งอยู่พักหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแดงซ่าน บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเขินจัด ทำให้เอมมาลินยิ้มยวน

“ทำไมคะ”

“...”

กวินภพไม่ตอบแต่มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เอมมาลินจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ชอบที่เห็นพี่อิสร์ของเธอหน้าแดงเพราะความเขิน เธอจึงแกล้งยั่วเขาอีก

“เอมถามว่าทำไม”

“เพราะพี่อาจจะทำแบบนี้หรือมากกว่านี้”

เสียงเขาเข้มขรึม ก่อนที่จะตวัดร่างบางเข้ามากอด แล้วประกบปากจูบกลีบปากนุ่มช่างเจรจา  มันไม่ใช่แค่การเอาปากแตะปาก และไม่ใช่การจูบเบาๆ ทว่าเป็นการจูบแบบชายหญิงอย่างแท้จริง เรียวปากหยักบดคลึง เรียวลิ้นแทรกผ่านไรฟันเข้าไปข้างในโพรงปากนุ่มชื้น ทำให้สาวน้อยตกตะลึงเพราะไม่ได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าคนที่ดำรงตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดจะกล้าทำแบบนี้ ทว่าเพราะนี่เป็นพี่อิสร์ เธอจึงไม่ตื่นกลัว ไม่ดิ้นรนขัดขืน ตาคู่สวยหลับพริ้มลงรับการจุมพิตนั้นอย่างอ่อนหวาน ปล่อยให้พี่อิสร์จูบและจูบตอบเขาเท่าที่สัญชาตญาณจะสอน

คลื่นความวาบหวามถาโถม สองลิ้นหยอกเย้ากันเนิ่นนาน ดอกลีลาวดีปลิดปลิวลอยร่วงลงพื้นหญ้า คล้ายดั่งโปรยปรายเพื่อล้อเลียนกับจุมพิตแสนหวานที่เกิดขึ้น ร่างบางในอ้อมแขนขยับเข้าหาเบียดชิดกว่าเดิม เมื่อความหวานซาบซ่านเริ่มมีความเร่าร้อนทางอารมณ์ซึมลึกแทรกเข้ามา มันเป็นแรงดึงดูดอย่างรุนแรงระหว่างสองหนุ่มสาวที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน มันช่างเย้ายวนชวนให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความปรารถนาที่จะดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ แต่กวินภพรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขาจำต้องยับยั้งชั่งใจ โดยการคลายวงแขนของตัวเองและดันร่างบางออกห่างเบาๆ

คราวนี้คนที่ต้องเขินและเงียบเหมือนเป่าสากคือเอมมาลินเอง พวงแก้มใสมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้มลามเลียไปจนถึงต้นคอ มันเป็นจูบแรกของเธอ แต่เป็นจูบแรกของพี่อิสร์ด้วยหรือเปล่าเธอก็ไม่แน่ใจ ถ้าใช่…ทำไมพี่อิสร์ถึงจูบเก่ง ทำเอาวาบหวามท้องน้อยปั่นป่วนไปหมดแบบนี้

“ไงคนเก่ง ทำไมเงียบไป” กวินภพเอ่ยยั่วเย้า เมื่อคนตรงหน้ายืนหน้าแดงระเรื่อโดยไม่ยอมพูดยอมจา เหมือนกับเป็นคนละคนกับสาวน้อยช่างยั่วเมื่อครู่นี้

“แค่กำลังคิดว่าพี่อิสร์เคยจูบกับใครมาก่อนหรือเปล่า” แม้จะยังอยู่ในอาการเขินสุดขีด แต่เอมมาลินก็ต้องหาคำตอบให้ตัวเอง

“คิดว่าเคยมั้ย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป