บทที่ 4 บทที่ 4

“ไม่รู้ ไม่กล้าคิด ไม่อยากคิด” ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา เต็มไปด้วยความแง่งอน เมื่อพี่อิสร์ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ แถมพูดจายอกย้อนคล้ายดั่งต้องการให้เธอคิดมากอีก

“ถ้าพี่เคยล่ะ เอมจะว่ายังไง”

“ไม่ว่ายังไง ก็แค่เสียใจที่ไม่ได้เป็นจูบแรกของพี่อิสร์”

กวินภพยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นแนบพวงแก้มใสและไล้นิ้วไปมาเบาๆ ตาจ้องมองใบหน้างดงามอย่างมีความหมายเต็มเปี่ยมไปด้วยรัก

“ไม่ต้องเสียใจไปหรอก นี่เป็นจูบแรกของพี่”

“จริงนะคะ” ตากลมโตฉายแววระริก เช่นเดียวกับปากนุ่มที่ยิ้มกว้างจนโลกสดใสอีกครั้ง

“จริงสิ หรือพี่เคยโกหก”

“งั้นให้เอมเป็นคนสุดท้ายด้วยได้ไหม”

“โลภมากจริง”

“นะคะ” น้ำเสียงออดอ้อน ตาเว้าวอนขอคำสัญญา เพราะรู้ดีว่าคนคนนี้คำไหนคำนั้น ถ้าเขารับปาก เขาจะทำตามที่พูดเสมอ

“เอมจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่พี่จะรัก…พี่สัญญา”

“สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยชูขึ้นรอให้นิ้วก้อยของอีกคนยกขึ้นมาเกี่ยว เพื่อเป็นการยืนยันคำสัญญาโดยสมบูรณ์

“สัญญา”

“เอมไม่อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเลยค่ะพี่อิสร์ ไม่ไปได้ไหม” ใบหน้าหวานซบลงบนไหล่แกร่ง ยามพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“ไปเถอะนะ เพื่ออนาคตของเอม”

“เอมอยากข้ามเวลาได้จัง เอมอยากโต อยากเรียนจบ อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองไวๆ จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใครบังคับให้ทำนั่นทำนี่”

“แค่สี่ปี อดทนหน่อยนะคนดี”

“แต่มันนานมากนะคะสำหรับคนที่แทบจะไม่มีความสุขเลยอย่างเอม ทุกวันนี้เอมอยู่ได้เพราะมีพี่อิสร์กับน้ากรอง เอมยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเอมไม่มีพี่อิสร์กับน้ากรอง ชีวิตเอมจะเป็นยังไง”

“ไม่ต้องคิดหรอก เพราะตอนนี้เอมมีพี่มีแม่พี่ที่พร้อมจะเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเอมเสมอ”

“อย่าเลิกรักเอมนะคะ” มันเป็นคำขอที่แสนซื่อ แต่เต็มไปด้วยการเว้าวอน

“พี่ไม่มีวันเลิกรักเอม”

“เอมก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอมก็จะไม่มีวันเลิกรักพี่อิสร์ พี่อิสร์จะเป็นรักแรกและรักเดียวของเอมตลอดไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็อดทนนะ หลังจากเอมเรียนจบพี่จะซื้อแหวนให้ถ้าเอมยังอยากได้ จองนิ้วนางข้างซ้ายไว้แล้ว ห้ามให้ใครใส่แหวนให้ก่อนล่ะ”

“จริงนะคะ งั้นเอมจะรีบเรียนให้จบ แล้วรีบกลับมา ตอนนั้นต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นนี้คงออกดอกแล้ว”

“พี่จะรอ...และจะดูแลต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ของเราไว้อย่างดี”

“ของเราเหรอคะ?”

“ใช่...ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นนี้ คือต้นไม้ของเราสองคน”

“แล้วถ้าวันหนึ่งมีคนมาซื้อที่ตรงนี้ แล้วทำอย่างอื่นก่อนที่เอมจะกลับมาล่ะคะ เขาจะขุดมันทิ้งหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เมื่อมันขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องพันธนาการความผูกพันระหว่างเธอและเขา ความรักความห่วงใยที่เธอมีให้กับต้นไม้ต้นนี้ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“พี่ก็จะมาขุดไปปลูกไว้หน้าบ้าน ไม่ว่ายังไงเอมก็จะได้เห็นมันออกดอก แต่ตอนนี้เราไปบ้านพี่กันนะ แม่คงอบเค้กกับทำอาหารเสร็จแล้ว ไปฉลองวันเกิดเอมด้วยกัน”

ร่างสูงย่อตัวลงเก็บดอกลีลาวดีขึ้นมาดอกหนึ่ง เขาก้มลงจูบเบาๆ บนกลีบดอกไม้สีขาวอ่อนบาง ก่อนจะทัดไว้ที่ใบหูเล็กสะอาดของสาวน้อย จากนั้นมือใหญ่ก็เอื้อมไปจับมือเล็กมากุมไว้ แล้วเดินจูงมือกลับไปยังบ้านหลังเล็กๆ ของเขา ที่ตอนนี้มีแม่รออยู่

แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทูยู

แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทูยู

แฮปปี้เบิร์ทเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์

แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทูยู

เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง พร้อมกับที่เค้กส้มขนาดสองปอนด์ถูกยื่นมาด้านหน้าของสาวน้อย โดยคนที่ถือเค้กอยู่ตอนนี้คือกวินภพ ส่วนกรองทองยืนอยู่ข้างๆ ลูกชาย แววตาทอดมองเจ้าของวันเกิดด้วยความอ่อนโยนแกมเอ็นดู ยิ่งเมื่อเอมมาลินมองมายังตนกับลูกชายด้วยความซาบซึ้ง รอยยิ้มที่มีให้ก็ยิ่งมากกว่าเดิม

“ขอบคุณน้ากรองกับพี่อิสร์มากนะคะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้ ปีนี้เป็นปีที่เอมมีความสุขมากที่สุด น้ากรองกับพี่อิสร์เป็นมากกว่าครอบครัวของเอม ถ้าเอมไม่มีน้ากรองกับพี่อิสร์ ชีวิตเอมอาจจะหาคำว่าความสุขไม่เจอเลยก็ได้ รักเอมไปนานๆ นะคะ อย่าเลิกรักเอมนะ” เอมมาลินเอ่ยอย่างเว้าวอนอีกครั้ง คล้ายดั่งว่าความรักของคนทั้งสองที่มีให้กับตนจะมลายหายไป

“จ้ะ...น้ากับอิสร์จะรักหนูเอมตลอดไป และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราสองคนก็จะไม่มีวันเลิกรักหนูเอม อธิษฐานแล้วเป่าเค้กสิจ๊ะ” กรองทองบอกกับสาวน้อยที่ตนเอ็นดูดั่งลูกสาวคนหนึ่ง

“ขอให้ความสุขนี้อยู่กับเอมไปนานๆ ขอให้น้ากรองกับพี่อิสร์รักเอมตลอดไป”

กล่าวจบเอมมาลินก็เป่าเทียนที่ตั้งอยู่บนเค้ก เปลวเทียนสีส้มลู่ไหวตามแรงลมที่ถูกเป่าออกจากปาก จากนั้นไม่นานแสงก็ดับวูบ เหลือเพียงควันที่ลอยละล่องอย่างไม่มั่นคง ทว่ายังคงส่งกลิ่นหอมโชยชายมาเตะจมูก

“น้ากับพี่อิสร์จะรักหนูเอมตลอดไป” เสียงอันเอื้ออาทรดังขึ้นด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง ทำให้เอมมาลินอดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปซุกเอาความอบอุ่นจากอกของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคนที่เธอรัก พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ขอบคุณค่ะน้ากรอง ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

“อย่าขี้แยในวันเกิดตัวเองสิจ๊ะ มากินเค้กกันดีกว่า น้าทำบะหมี่ไว้ให้ด้วยนะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป