บทที่ 7 บทที่ 7
เสียงรอสายที่ดังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนปลายสายจะกดรับ ทำให้กวินภพถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างไม่สบายใจ เขาแค่อยากจะโทร.ถามข่าวคราวเอมมาลินว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าหลังจากที่เขากลับจากบ้านของเธอ เขาก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเลย และท่าทีเป็นกังวลของลูกชายก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของกรองทองไปได้
“เป็นยังไงบ้างอิสร์ ติดต่อหนูเอมไม่ได้เหรอลูก”
“ครับแม่ เอมไม่รับสายเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เสียงของกวินภพแม้จะฟังดูเรียบๆ แต่ก็เจือเอาไว้ด้วยความกังวลใจอย่างมาก
“ถ้าเป็นอย่างที่อิสร์เล่า พ่อของหนูเอมคงไม่ให้รับสาย แต่ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวถ้าหนูเอมสะดวกคงโทร.กลับมาหาอิสร์เอง” คนเป็นแม่ปลอบลูก เจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกันที่ลูกชายโดนรังเกียจเพราะความจน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครกล้าดูถูกและรังเกียจลูกชายของเธอ แต่จะให้ยอมทนอยู่กับการทรยศของคนที่รัก เธอก็ทนอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือให้กำลังใจลูกเท่านั้น
“อิสร์แค่เป็นห่วงเอมน่ะครับแม่ อิสร์กลัวว่าตัวเองจะทำให้เอมเดือดร้อน”
“แม่เข้าใจอิสร์นะ แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอหนูเอมเท่านั้น อิสร์ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปฝึกงานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ครับแม่”
รับคำแม่เสร็จก็เข้านอน ทว่ากวินภพก็นอนไม่หลับ จึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดดูรูปที่เอมมาลินส่งให้แล้วเผลอยิ้มอย่างเศร้าๆ ภาพที่จมูกโด่งเรียวรั้นและปากเล็กๆ ที่ประทับลงบนแก้มของเขามันช่างมีความหมายเหลือเกิน เขาบันทึกรูปนี้ไว้ในทุกๆ ช่องทางเพื่อจะได้มั่นใจว่ามันไม่มีทางหายไปไหน เขาไม่แน่ใจว่าก่อนที่เอมมาลินจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาจะได้มีโอกาสพบเธออีกไหม แต่ถึงแม้ว่าจะพบหรือไม่พบ เธอก็จะประทับอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเขาตลอดไป
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ในตอนสายของวันใหม่ เอมมาลินมองคนที่เข้ามาในห้องอย่างไม่รู้สึกรู้สา ต่างกับคนที่เข้ามาซึ่งมองสาวน้อยอย่างเห็นใจแกมเวทนา ป้าแก้วพยักหน้าให้เตือนใจสาวใช้ที่เดินประคองถาดอาหาร เอาถาดไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วบอกให้ไปรอข้างนอก ส่วนตัวนางเองขยับเข้าไปหาคุณหนูของตน
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหนู ดูสิทูนหัวของป้าตาบวมหมดเลย ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนสิคะ จะได้มาทานข้าว ป้าทำของโปรดของคุณหนูมาให้ค่ะ”
“เอมไม่หิวหรอกค่ะป้าแก้ว” เสียงอันหม่นเศร้าเอื้อนเอ่ย เช่นเดียวกับแววตาที่ไร้ชีวิตชีวาทว่าเจ็บปวด
“ไม่หิวก็ทานสักนิดเถอะนะคะ จะได้มีแรง”
“เอมอยากออกไปจากที่นี่ เอมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ป้าแก้วปล่อยเอมไปได้ไหม”
“ป้า...เอ่อ...” ป้าแก้วมีท่าทีอึกอัก สงสารคุณหนูก็สงสาร ทว่าก็กลัวเจ้านายซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้านหลังนี้ด้วย แม้ตนจะเป็นคนเก่าคนแก่และสงสารคุณหนูเอมมากเพียงใด ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เด็ดขาดว่าจะกล้าทำตามที่ถูกขอร้อง
“นะคะป้า ช่วยเอมสักครั้ง พ่อไม่รักเอมแล้ว เอมก็ไม่รู้จะอยู่บ้านหลังนี้ไปทำไม” เอมมาลินเว้าวอนอย่างน่าสงสาร ซึ่งป้าแก้วก็เห็นว่าอย่างนั้นเช่นกัน หลายๆ ครั้งที่คุณท่านทำไม่ถูก และเหมือนจะลำเอียงจนน่าสงสารคุณหนู
“แล้วคุณหนูจะไปอยู่ที่ไหนคะ”
“เอมจะไปหาพี่อิสร์กับน้ากรอง”
“แต่คุณพ่อท่านห้าม แล้วถ้าคุณหนูหายไป คุณพ่อท่านก็คงไปตามคุณหนูได้ไม่ยาก”
“เอมไม่ได้คิดจะไปอยู่ที่นั่นหรอกค่ะ เอมแค่จะแวะไปลาพี่อิสร์กับน้ากรอง แล้วเอมจะลงไปหาน้าอร เอมจะไปอยู่กับน้าอร” เอมมาลินตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้ญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ก็คืออินทุอร น้าสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเธอ ซึ่งแต่งงานและตั้งรกรากอยู่ที่ภูเก็ต
“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ คุณท่านกับคุณนงนภาอยู่บ้านทั้งวัน เอาไว้วันพรุ่งนี้นะคะคุณหนู ตอนเย็นๆ เห็นว่าจะพากันไปงานเลี้ยง แต่คุณหนูต้องทานอาหารนะคะ จะได้มีแรง”
“แต่เอมไม่หิวเลย มันตื้อไปหมด”
“ป้าเข้าใจค่ะ แต่ฝืนหน่อยนะคะ”
“เอมจะพยายามค่ะป้าแก้ว”
ป้าแก้วยกมือขึ้นโอบไหล่คุณหนูของนางแล้วกอดกระชับอย่างรักและสงสาร ตั้งแต่ทำงานที่นี่นางไม่เคยขัดคำสั่งเจ้านายเลย และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณธนินรักและไว้ใจจนแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแม่บ้าน ทว่าพรุ่งนี้นางอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจเจ้านาย แต่มันอาจเป็นหนทางที่ถูกต้องที่สุดก็ได้
คฤหาสน์หลังใหญ่ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ขณะที่สาวน้อยนอนซมอยู่กับกองน้ำตาและความเศร้าในใจ แต่ตอนนี้ที่ชั้นล่างของคฤหาสน์กลับมีรอยยิ้มอันแฝงไปด้วยความสุขและสมหวังของใครอีกคน เมื่อมีอาคันตุกะหนุ่มมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน แผนการอันแยบยลปนร้ายลึกผุดขึ้นมาในใจทันที ขณะตาเพ่งมองชายหนุ่มผู้มีฐานะเป็นลูกชายของเพื่อนสามี
จริงอยู่ที่อีกไม่กี่วันเอมมาลินก็จะถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ ทว่านงนภาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเอมมาลินจะเรียนจบกลับมา ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ แน่นอนว่าเธอต้องดีใจที่เอมมาลินจะด้อยกว่าลูกสาวตัวเอง และถ้ายิ่งเอมมาลินลงเอยกับเด็กหนุ่มคนเมื่อวานได้ยิ่งดี เอมมาลินจะได้ไม่มีอะไรสู้ลูกสาวของเธอได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งนั่นเท่ากับว่าเอมมาลินต้องกลายมาเป็นภาระให้คุณธนิน ทรัพย์สินบางส่วนต้องถูกแบ่งไปจุนเจือลูกเขยที่มีแต่ตัว ดังนั้นสู้สนับสนุนให้เอมมาลินได้ลงเอยกับคนที่มีฐานะดีพอประมาณดีกว่า เพราะถึงยังไงซะเธอก็มั่นใจว่าจะหาคู่ครองที่เพียบพร้อมกว่านี้หลายเท่าให้กับลูกสาวของตนได้อย่างแน่นอน



























































































