บทที่ 1 บทนำ

มัสลินวิ่งฝ่าฝนจากรถจี๊ปสีฟ้าเข้ามาในบ้าน รีบร้อนจนลืมขอบคุณเพื่อนรัก ปพลตะโกนตามว่าอย่าวิ่งแต่เธอไม่ได้ฟัง โสตประสาทอื้ออึงเพราะคนซึ่งนั่งหมิ่นตรงขอบหน้าต่างที่ปลายโต๊ะอาหารตัวยาว

“มัสมาแล้ว”

วันนี้เป็นวันเกิดอนิรุจ เขาตั้งใจจะฉลองกันสามคนพ่อ แม่ กับลูกที่อยู่ในท้อง แต่ตอนนี้แม่บ้านเก็บโต๊ะอาหารซึ่งตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีหวานเกือบหมด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมัสลินหัวจรดเท้า ใจดวงน้อยสะท้านเหมือนเด็กมีความผิด ก็เธอดันมากับผู้ชายที่พ่อของลูกเกลียดเข้าไส้นี่นา

“คำพูดของผมไม่มีความหมายเหรอ?”

“มี แต่ว่าพี่ มัสโดน--”

“ไม่ต้องเถียง”

ท่าทางเขานิ่งเฉย น้ำเสียงเหี้ยมไม่ทิ้งลายอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนจอมเฮี้ยบ ที่สำคัญเขากลับมาสูบหลังจากเลิกไปหลายเดือนเพื่อลูก ทำให้รู้ว่าอนิรุจกำลังหัวเสีย

มัสลินก้มหน้าพลางเกิดคำถาม ทำไมนะ... ทำไมเขาไม่ฟังกันบ้างเลย

แต่งงานกันมาเขาเคยเห็นเธอเป็นเมียบ้างไหม หรือเป็นแค่เด็กในปกครองที่มีหน้าที่ทำงานบนเตียงและตั้งท้องให้เขาก็แค่นั้น

“ผมเป็นห่วงลูกมากนะมัส”

มัสลินน้ำตาร่วงหยด ยกหลังมือปิดจมูก อนิรุจคิดว่ามัสลินต้องทนกับเขาบ้าง เหมือนที่เขาทนให้เธอขัดคำสั่งและออกไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่น แต่พอมองหน้าท้องนูนป่องก็ถอนใจ จ้ำก้นบุหรี่ลงกับขอบหน้าต่างแล้วโยนทิ้งไป

“ผมขอโทษ มัสทำผมเครียด”

“มัสไม่ได้ตั้งใจ แต่ฟังมัสก่อน มัสโดน-”

“หยุดเถียงผมสักที” เหตุผลของมัสลินคงจะเป็นคำพูดเดิม ๆ ที่ได้ฟังบ่อยจนเลี่ยนหู “สิ่งที่มัสต้องทำคืออดทน”

“คะ?”

“พอลูกคลอดแล้ว มัสจะไปกับผู้ชายคนไหนก็ตามใจเลย ผมจะไม่ห้าม”

มัสลินบีบมือตัวเองแน่น น้อยใจจนอยากจะร้องไห้ อนิรุจไม่ถามเธอเจออะไรมา หรือเธอรู้สึกอย่างไร เขาห่วงแต่ลูก

“พี่ไม่ห่วงมัสบ้างเลยเหรอ?”

เธอคงเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเพราะเธออิจฉาลูก... อิจฉาที่พ่อเขารักเขามากขนาดนี้

“ไม่ว่ามัสจะไปไหน ทำอะไร พี่ไม่ห่วงเลยจริง ๆ ใช่ไหม”

“ก็ชีวิตมัส มัสมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ตามใจมัส”

สายตาหมางเมินน้ำเสียงราบเรียบ แต่แท้จริงแล้วกักเก็บความโกรธไว้เต็มพิกัด

“แต่มัสเป็นเมียพี่นะ”

“ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน มัสรู้ไหมว่าเพื่ออะไร”

อนิรุจก้าวเข้ามาท่าทางเนิบช้าแต่มั่นคง สายตาคมกล้าจ้องมาจนเธอแทบไม่กล้าสบตา

“เพื่อลูก” เธอตอบเสียงเครือ

“เพื่อลูก” กลั้นใจตอบเสียงสั่น

“ส่วนครั้งต่อ ๆ มา มันก็คือความใคร่นะมัส... แล้วจะเรียกร้องเอาอะไร”

เขากำลังย้ำให้เธอรู้สถานะของตัวเองกับเด็กในท้องที่แท้จริงแล้วเขาคงไม่ได้รัก แต่ที่ห่วงและหวงแหนก็เพราะลูกเป็นหลักประกันความมั่นคง ส่วนเรื่องหนักหนาที่แม่พันธุ์อย่างเธอเจอมา มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย

“มัสเข้าใจแล้ว”

ฟากอนิรุจพรูลมหายใจหนัก ๆ บอกตัวเองให้ปล่อยผ่าน ก่อนพยักพเยิดให้เธอขึ้นไปชั้นบน

“ไปอาบน้ำรอผม วันนี้มัสต้องทำหน้าที่ตัวเอง”

เธอมองหน้าเขาหัวใจเต้นแรง ทั้งตกใจและอายแม่บ้านที่เข้ามาเก็บจานจนหน้าแดง

“ตะ... แต่มัสท้องอยู่”

เขางดเรื่องอย่างว่ามาหลายเดือน เธอคิดว่าดีแล้ว เพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนลูก

แต่นี่อะไร

เขาไม่สนใจเรื่องนั้นแล้วหรือ?...

มันยิ่งซ้ำเติมว่าเธอกับลูกเป็นได้แค่เครื่องมือสำหรับเขาเท่านั้นเอง

“ท้องก็ทำได้”

เขาเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร ท่าทางยังเรียบเฉย แต่ความเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจเธอจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

มัสลินเดิมก้มหน้าฝืนความเจ็บทั้งตัวทั้งใจขึ้นไปอาบน้ำ ทำความสะอาดทุกส่วนของร่างกายแล้วสวมชุดนอนลายลูกไม้ออกมาหรี่ไฟในห้องให้สลัว จุดเทียนหอมกลิ่นดอกพีโอนีผสมกลิ่นแอปเปิลที่เขาชอบแล้วนอนรอด้วยหัวใจหน่วงหนึบ

สักพักก็เห็นเขาเปลือยกายเดินเซเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นเหล้าคลุ้ง เตียงยวบลงตามน้ำหนักตัวเขา แยกขาเรียวของเธอออกจากกันแล้วฝากฝังแก่นกายกลางดอกไม้งามที่ไม่พรักพร้อม มัสลินเม้มริมฝีปากเก็บเสียงสะอื้น แต่ความเจ็บเสียดกลางกายทำให้หลุดเสียงร้อง ทว่าเขาโน้มลงมาปิดปากด้วยจูบกักขฬะ

มัสลินปล่อยให้เขาโจนจ้วง ตักตวงตามใจปรารถนา ขณะที่สมองเกิดคำถามซ้ำ ๆ ว่าทำไมต้องทน

มันไม่คุ้มเลยที่เธอจะทรมานกายใจ รอให้วันหนึ่งเขาพรากเธอออกจากลูกอย่างเลือดเย็น หรือไม่ก่อนจะถึงวันนั้น ลูกอาจไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกเพราะพ่อใจร้ายแบบเขา

คำถามได้รับคำตอบในคืนนั้น

ขณะที่เขานอนหมดแรง มัสลินเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้เท่าที่จำเป็นยัดใส่เป้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟเพราะกลัวเขาตื่นแล้วจะหมดทางไป ถึงอนิรุจไม่มีเธอกับลูกคนนี้ เขาจะไปหาผู้หญิงคนใหม่ผลิตลูกให้เขาได้เสมอ

แสงแดดแยงตาทำให้อนิรุจต้องตื่น มองไปรอบห้องเห็นหลายอย่างไม่ถูกเก็บเข้าที่ก็ต้องขมวดคิ้ว ปกติมัสลินจะจัดห้องให้เรียบร้อยก่อนออกไปทำอย่างอื่น แต่เข้าใจว่าเธอโกรธเรื่องเมื่อคืนเลยไม่อยากทำ

เขาวาดขาลงจากเตียง โลกเอียงกะเทเร่จนต้องใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางคลึงขมับ เขาดื่มไปเยอะก่อนจะขึ้นห้อง ทั้งที่วันนี้ไม่มีนัดสำคัญแท้ ๆ แถมภรรยายังไม่ยอมปลุกอีก

“มัสครับ”

เขาชินกับการเรียกหาเธอในยามเช้า หญิงสาวมักจะเข้ามาพร้อมชาเอิร์ลเกรย์ที่เขาโปรดปราน

“มัส ผมขอชากับยาแก้ปวดหน่อยได้ไหมครับ”

ไม่มีเสียงตอบรับทำเขาสังหรณ์ใจ หางตาเหลือบเห็นรอยแดงเป็นดวงใหญ่บนที่นอน พอตลบผ้าห่มออกก็พบว่าเป็นเลือด ใจเขาสั่นไหวคล้ายมีกลองรบใบใหญ่นับร้อยลั่นอยู่ข้างใน เมื่อคืนเธอพยายามจะบอกว่าเจ็บ แต่เขาปล่อยให้โทสะครอบงำจนละเลย

อนิรุจหูตาพร่ามัวรีบคว้าผ้าเช็ดตัวพันกายแล้ววิ่งตามหาทั่ววิลลา ถามเด็กรับใช้ก็ไม่มีใครเห็นเพราะพอเขากับคุณผู้หญิงขึ้นห้อง พวกนั้นก็เข้านอนกันทุกคน

ชายหนุ่มเอะใจวิ่งกลับไปบนห้อง เปิดตู้เสื้อผ้า เป้สีส้มสดคู่ใจภรรยาและเสื้อผ้าเธอส่วนหนึ่งหายไปพร้อมกับเครื่องใช้ ยังไม่อยากฟันธงนักว่าเป็นอย่างที่คิดจึงให้คนตามหาจนทั่วพื้นที่โรงแรมสไตล์

โคโลเนียลที่เขามารับช่วงต่อจากบิดา แต่ก็ไม่พบ

มัสลินหนีเขาไปแล้ว...

บทถัดไป